ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 562

สรุปบท บทที่ 562 แผ่นจารึกมหามรรค ยึดร่างทายาท: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

สรุปตอน บทที่ 562 แผ่นจารึกมหามรรค ยึดร่างทายาท – จากเรื่อง ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet

ตอน บทที่ 562 แผ่นจารึกมหามรรค ยึดร่างทายาท ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 562 แผ่นจารึกมหามรรค ยึดร่างทายาท

หานเจวี๋ยสังเกตอย่างละเอียด หานทั่วและอี๋เทียนกำลังนั่งสมาธิอยู่หน้าศิลาจารึกแผ่นหนึ่ง มีทำนองมรรคเสี้ยวหนึ่งแฝงอยู่ในนั้น

ท่วงทำนองแห่งมหามรรค!

มรรคแห่งกรรม!

หรือจะเป็นสิ่งที่ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงทิ้งไว้

จากท่าทางของหานทั่วและอี๋เทียนเห็นได้ชัดว่ากำลังทำความเข้าใจพลังวิเศษอยู่

หานเจวี๋ยดึงสายตากลับมา นึกคำถามเงียบๆ ‘เหตุใดปรมาจารย์ลัญจกรสรวงจึงทิ้งพลังวิเศษนี้ไว้’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนหกหมื่นล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

หานเจวี๋ยเข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ

หากไม่ตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ให้กระจ่าง หานเจวี๋ยจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ สาเหตุหลักมาจากอริยะ ทำให้หานเจวี๋ยรู้สึกว่าเหล่าผู้ทรงพลังต่างมีความทะเยอทะยานและแผนการของตัวเอง

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น พบว่าตนอยู่ในตำหนักเอกอนันต์

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงนั่งสมาธิอยู่บนเบาะกลม ลมหายใจสงบนิ่ง ราวกับภาพมายา

เสียงหนึ่งแว่วดังขึ้น “ข้าต้องไปแล้ว มรรคาสวรรค์นี้ขอส่งต่อให้เจ้าดูแล”

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงได้ยินจึงลืมตาขึ้น ขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “เพราะเหตุใด ข้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับมรรคาสวรรค์”

“ผู้ที่ข้าไว้ใจได้มีเพียงเจ้า”

เสียงลึกลับนี้ทำให้ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงเงียบไป

ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงกล่าวว่า “ข้าไม่อยากสอดมือยุ่งเรื่องมรรคาสวรรค์”

“เจ้าทิ้งโอกาสวาสนาบางอย่างเอาไว้ เพื่อมอบผู้กล้าแห่งมรรคาสวรรค์ยุคใหม่ที่จะถือกำเนิดขึ้นในอนาคตเถอะ มหาเคราะห์ผ่านพ้นไปมากมายปานนี้ ตำแหน่งอริยะแทบจะถูกผูกขาด อริยะล้วนถ่ายทอดกันรุ่นสู่รุ่น บุตรแห่งสวรรค์มากมายที่คุณสมบัติเลิศล้ำโดดเด่นล้วนถูกสังหาร มิใช่เรื่องดีสำหรับแนวทางพัฒนาการของมรรคาสวรรค์เลย”

“เอาเถิด”

ภาพลวงตาวิวัฒนาการพังทลายลงตรงนี้

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ผู้ที่สื่อสารกับปรมาจารย์ลัญจกรสรวงน่าจะเป็นบรรพชนเต๋าผู้ลึกลับท่านนั้น ในเมื่อเป็นเจตนาดี เช่นนั้นหานเจวี๋ยก็ไม่จำเป็นต้องกังวล

หานเจวี๋ยสอดส่องบุตรชายต่ออีกสักพัก ถึงได้ฝึกบำเพ็ญต่อ

พัฒนาการของมรรคาสวรรค์เป็นไปอย่างราบรื่นยิ่ง ขอเพียงไม่ปรากฏสถานการณ์เช่นมหันตภัยมารสวรรค์ขึ้น หานเจวี๋ยก็ไม่ต้องลงมือ ส่วนอริยะล้วนไม่กล้าพุ่งเป้ามาที่หานเจวี๋ยอย่างเปิดเผย

….

ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง

บรรพจารย์ซานชิงกำลังสื่อสารกับภาพเสมือนของหลี่มู่อี

หลี่มู่อีขมวดคิ้ว พูดว่า “เหตุที่หลี่เต้าคงพุ่งเป้ามายังเจ้าน่าจะมิใช่คำสั่งของหานเจวี๋ย เด็กคนนี้นิสัยเจ้าปัญหา ไม่ต้องไปสนใจเขา”

บรรพจารย์ซานชิงพยักหน้า เมื่อเอ่ยถึงหลี่เต้าคง เขาก็รู้สึกหงุดหงิดนัก

เขาไม่ได้เห็นแก่หน้าหลี่มู่อี แต่เห็นแก่หน้าหานเจวี๋ย

หลี่มู่อีแค่นเสียง “ในอดีตหากมิใช่เพราะข้าปกป้องเขา เด็กคนนี้คงตายไปนานแล้ว ช่วงนี้เจ้าก็สงบใจพักอยู่ที่นี่เถอะ เว้นแต่จะมีคำสั่งจากข้า”

“อืม”

บรรพจารย์ซานชิงพยักหน้า

หลี่มู่อีจ้องมองบรรพจารย์ซานชิงรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด นับตั้งแต่เขาจากไประยะหนึ่งแล้วกลับมา เขารู้สึกว่าบรรพจารย์ซานชิงหลุดไปจากการควบคุมอยู่บ้าง

จนปัญญาที่บรรพจารย์ซานชิงเพียงเชื่อฟังคำสั่งเขา มิได้อยู่ในการควบคุมของเขาอย่างสมบูรณ์ เขาจึงมองบรรพจารย์ซานชิงไม่กระจ่าง

หากว่าบรรพจารย์ซานชิงทรยศเขา เขาก็หมดหนทางเช่นกัน เนื่องจากเขาไม่สามารถเข้าสู่แดนเซียนได้ อีกทั้งบรรพจารย์ซานชิงก็ไม่สามารถออกนอกเขตมรรคาสวรรค์ได้

สุดท้าย หลี่มู่อีก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ภาพเสมือนเลือนหายไป

บรรพจารย์ซานชิงหลับตาลง ทั้งถ้ำตกอยู่ในความเงียบสงบ

….

เมฆาครึ้มปกคลุม เงาภูตผีผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ในมวลเมฆา แน่นขนัดน่าหวาดผวา ด้านล่างคือแผ่นดินรกร้าง

หานทั่วในชุดสีดำและอี๋เทียนในชุดหนังสัตว์นั่งสมาธิเคียงข้างกัน

เบื้องหน้ามีศิลาจารึกโบราณสูงสามจั้งตั้งอยู่ บนศิลาจารึกปรากฏตัวอักษรโบราณขึ้นทีละตัวๆ เคลื่อนไหวมีชีวิตชีวา ราวกับเลือดที่กำลังไหลเวียน

อี๋เทียนลืมตาขึ้น เอ่ยด้วยความภูมิใจ “ข้าเรียนเป็นแล้ว เจ้าล่ะ”

หานทั่วเหลือบมองเขา “ไม่เท่าเจ้าหรอก”

คนผู้นี้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ คุณสมบัติเช่นนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!

อย่างไรก็ตามอีกไม่นานหานทั่วก็จะเรียนรู้พลังวิเศษสำเร็จแล้วเช่นกัน

อี๋เทียนลุกขึ้น เอ่ยว่า “เจ้าฝึกฝนต่อไปเถอะ ข้าจะไปดูรอบๆ ละแวกนี้มีอำนาจแข็งแกร่งบางอย่างซุกซ่อนอยู่ ข้าสนใจยิ่งนัก”

พูดจบ เขาก็ก้าวเท้าออกเดิน

หานทั่วขมวดคิ้วกล่าวเตือน “ระวังด้วย ที่นี่เป็นแดนต้องห้าม”

“ไม่เป็นไร วางใจเถอะ!”

อี๋เทียนโบกมือ ในไม่ช้าก็หายลับจากสุดขอบปฐพี

หานทั่วหลับตาลง ทำความเข้าใจพลังวิเศษต่อ

หลายเดือนผ่านไป

“เลือดลมสังขารแกร่งกล้านัก ทว่าดวงชะตามรรคาสวรรค์อ่อนแอยิ่ง เด็กน้อย เจ้าเหมาะสมจะเป็นร่างภาชนะของข้ามาก”

เสียงเย็นยะเยือกสายหนึ่งแว่วขึ้นมา ไฟภูตผีพลันลุกไหม้บนร่างกายเขา เขาตกใจสะบัดตัวอย่างรุนแรง ขจัดไฟภูตผีออกไป

หานทั่วยกสองแขนขึ้นมา อักขระเลือดที่คล้ายกับที่ปรากฏอยู่บนศิลาจารึกวิเศษคืบคลานขึ้นมาตามร่างเขา

“พอดีเลย จะได้นำเจ้ามาเป็นตัวทดสอบพลังวิเศษใหม่ของข้าดู!”

หานทั่วตะโกนกร้าว ดวงตาฉายแววตื่นเต้นอยากลอง

….

ภายในอารามเต๋า ณ เขตเซียนร้อยคีรี

นับจากการใช้ระบบวิวัฒนาการครั้งก่อน ผ่านมาสี่สิบปีแล้ว

ทันใดนั้นหานเจวี๋ยสัมผัสถึงบางอย่างได้ เขาลืมตาขึ้นเลิกคิ้วนิดๆ

“เอ๊ะ ผู้ใดบังอาจมายึดร่างลูกชายข้า สายเลือดของข้าใช่คนที่เจ้าแตะต้องได้หรือ”

หานเจวี๋ยพึมพำกับตัวเอง ท่าทางแปลกใจ

รนหาที่ตาย!

เขาทำนายดูเงียบๆ พบว่าประวัติความเป็นมาของตัวตนที่จะยึดร่างหานทั่วแปลกประหลาด ซับซ้อนอย่างยิ่ง

คล้ายกับตัวตนที่ถือกำเนิดจากการรวมตัวของวิญญาณอาฆาตนับไม่ถ้วนในมหาเคราะห์ครั้งก่อน!

ให้ความรู้สึกคล้ายดวงจิตประหลาดชั้นรองอยู่บ้าง

ถ้าสังหารเจ้าสิ่งนี้ทิ้งก็น่าเสียดายอยู่บ้าง มิสู้ทำให้เขากลายเป็นทาสรับใช้หานทั่วเสีย นับว่าเพิ่มอัตราความอยู่รอดให้หานทั่วด้วย

หานเจวี๋ยสำแดงพลังทันที

….

ภายใต้โพรงใต้ดิน

หานทั่วกลายเป็นหินเช่นเดียวกับรูปปั้นหินที่อยู่รอบข้าง ขยับเขยื้อนไม่ได้ มีไอดำแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายเข้าไม่ขาดสาย

ความทุกข์ทรมานอย่างที่มิเคยเผชิญมาก่อนทำให้หานทั่วรู้สึกสิ้นหวัง

เขารับรู้ได้ชัดเจนว่ากำลังเสียการควบคุมร่างกายไปเรื่อยๆ วิญญาณเจ็บปวดอย่างรุนแรง

ตัวตนลึกลับนั้นยังคงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง คล้ายว่ากำลังจะได้ครอบครองร่างของหานทั่ว

และในช่วงเวลานี้เอง!

“อ๊ากๆ…”

ตัวตนลึกลับพลันร้องโหยหวนอย่างน่าสยดสยอง

………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ