แต่หานเจวี๋ยไม่อาจมองเขาตรงๆ ได้อีก
ระดับความประทับใจที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลมากจนกระทั่งหานเจวี๋ยสงสัยว่าเจ้าหมอนี่คิดเลยเถิดกับเขาแล้ว
หลังจากนั้น หานเจวี๋ยจึงหันมาฝึกฝนต่อ
สำนักกระบี่วิหคชาดสามารถหาตัวคนบงการมาได้หรือไม่ยังคงพูดได้ยาก หานเจวี๋ยเองก็ไม่ได้กังวลว่าพวกเขาจะทำได้หรือไม่
ต่อให้สิบเก้าสายสำนักจะบุกเข้ามาพรุ่งนี้ เขาก็ไม่ได้กังวล
ในสายตาของเขามีเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น
เขาต้องทะลวงระดับสุญตาขันที่สองโดยเร็ว!
……
ภายในถ้ำแห่งหนึ่งมีเปลวเพลิงสั่นวูบไหว สิงหงเสวียนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่เบื้องหน้ากองไฟ
โฮก…
ด้านนอกถ้ำมีเสียงร้องคำรามที่ดังสนั่นผ่านเข้ามา น่าเกรงขามอย่างยิ่ง
สิงหงเสวียนค่อยๆ ลืมตาขึ้น นางเพ่งมองไปยังตัวอักษรที่ประทับอยู่บนหน้าผา หว่างคิ้วยับย่นเล็กน้อย
“เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนยังขาดอะไรไป”
สิงหงเสวียนคิดหนัก
ที่นี่เป็นแดนลึกลับแห่งหนึ่งของผู้บำเพ็ญในยุคบรรพกาล สิงหงเสวียนค้นพบโดยบังเอิญว่าสถานที่แห่งนี้มีการบันทึก วิชายุทธ์ลึกซึ้งจนคาดเดาไม่ถูก นางรวบรวมความกล้ามุ่งมั่นฝึกฝน ภายในเวลาหนึ่งปีตบะเพิ่มขึ้นไม่น้อย แต่ระยะทางที่นางจะเรียนรู้วิชายุทธ์นี้ทั้งหมดยังอีกยาวไกลนัก
สิงหงเสวียอดนึกถึงหานเจวี๋ยขึ้นมาไม่ได้
หากเขาอยู่ด้วย บางทีอาจจะช่วยข้าแก้ปัญหาได้
พอนึกได้เช่นนี้ สิงหงเสวียนจึงนำหุ่นเชิดสวรรค์ออกมา
นางให้หุ่นเชิดสวรรค์นั่งลงข้างตนเอง เอียงศีรษะของตนพิงกับหุ่นเชิดสวรรค์เบาๆ เริ่มพักผ่อน
นับตั้งแต่มีหุ่นเชิดสวรรค์ ทุกครั้งที่นึกถึงหานเจวี๋ย นางก็จะนำหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ออกมา
นางมักจะบอกกล่าวเรื่องราวในใจของตนเองให้หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ฟัง
เพราะในหุ่นเชิดสวรรค์มีจักขุวิญญาณของหานเจวี๋ยซ่อนอยู่ หานเจวี๋ยจึงไม่กังวลว่าจะเกิดเรื่องร้ายอะไรกับนาง
ผ่านไปเนิ่นนาน
สิงหงเสวียนนั่งตัวตรง เตรียมที่จะฝึกฝนต่อ
ทันใดนั้นเอง
ด้านนอกถ้ำกลับมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
สิงหงเสวียนหวาดวิตก รีบร้อนนำอาวุธเวทออกมา
เห็นเพียงชายชราในชุดคลุมสีเทาที่ใบหน้าเปล่งปลั่งดุจทารกคนหนึ่งเดินเข้ามาช้าๆ เขามองเห็นสิงหงเสวียนที่ตื่นตระหนก ก่อนยิ้มเอ่ยว่า “ผู้เยาว์ ไม่ต้องกังวลไป ข้าก็มาหยั่งรู้วิชายุทธ์เช่นกัน”
หยั่งรู้วิชายุทธ์?
สิงหงเสวียนขมวดคิ้ว ในใจสับสน
หรือก่อนที่นางจะมาถึงที่นี่ ชายชราผู้นี้ก็ค้นพบปราการเขาลูกนี้แล้ว?
ชายชราชุดคลุมสีเทาไม่ได้สนใจสิงหงเสวียน เดินเข้าไปนั่งลงเบื้องหน้าปราการเขา เริ่มจดจ้องไปยังตัวอักษรบนปราการเขาครุ่นคิดอย่างหนัก
ทั้งสองต่างไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าดวงตาของหุ่นเชิดสวรรค์ค่อยๆ เปล่งประกายวิบวาวออกมาน้อยๆ
……
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
หานเจวี๋ยลังเลใจ
ควรให้หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ลงมือหรือไม่
นับตั้งแต่สิงหงเสวียนเข้าไปยังแดนลึกลับบรรพกาล เขาก็จับตามองดูตลอด ด้วยเกรงว่าจะเกิดเรื่องใดกับสิงหงเสวียน
แต่ว่าชายชราชุดคลุมสีเทาผู้นี้ก็ดูราวกับไม่มีเจตนาร้ายใดๆ
ช่างเถิด
คอยดูไปก่อน
หากชิงลงมือก่อนแล้วสู้ชายชราชุดคลุมสีเทาไม่ได้ เช่นนั้นคงกระอักกระอ่วนไม่แล้ว
หานเจวี๋ยหันมาฝึกฝนต่อ
เพียงพริบตาเดียว
เวลาก็ผ่านพ้นไปอีกสองปี
สิงหงเสวียนและชายชราชุดคลุมสีเทายังคงหยั่งรู้วิชายุทธ์บนปราการเขา ไม่รบกวนซึ่งกันและกัน
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น เปิดค่าความสัมพันธ์ตรวจดูจดหมาย
[ซูฉีศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญตระกูลหลิว] x43
[ซูฉีศิษย์ของท่านถูกตระกูลหลิวใช้อำนาจบีบบังคับแต่งงาน]
[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญสายมาร] x8
[ฉางเยวี่ยเอ๋อร์สหายของท่านได้รับพลังวิเศษ]
[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้บำเพ็ญตระกูลเว่ย] x288
[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านบาดเจ็บสาหัส ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เคราะห์ดีหนีรอดได้]
[ซูฉีศิษย์ของท่านแพร่โชคร้าย ตระกูลหลิวเผชิญกับโรคระบาดที่พบยากในหนึ่งพันปี ตายทั้งตระกูล]
[เซียนซีเสวียนสหายของท่านรู้แจ้งบางอย่างระหว่างฝึกบำเพ็ญ ตบะเพิ่มพูน ระดับความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์]
……
ซูฉี เจ้าเด็กนี่ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ไปถึงไหน หายนะถึงนั่น…
หานเจวี๋ยนึกกลัวในใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...