บทที่ 641 ทะลวงขั้น! อายุหนึ่งแสนหกหมื่นปี!
สามพันล้านปี?
ค่อยยังชั่ว!
หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงปัญหาอีกข้อขึ้นมาได้ จึงสอบถามอีกครั้ง ‘หากข้าใช้หนังสือแห่งความโชคร้ายสาปแช่งคนอื่นจะเป็นการเพิ่มพลังให้เทพมารต้องสาปด้วยหรือไม่’
หากเป็นเช่นนั้น หนังสือแห่งความโชคร้ายก็ไร้ประโยชน์แล้วกระมัง
[ไม่]
เมื่อหานเจวี๋ยเห็นคำนี้ ก็พรูลมหายใจออกมาอีกครั้ง
หากไม่มีหนังสือแห่งความโชคร้าย เขาก็ฆ่าศัตรูผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นที่อยู่เหนือกว่าเขาไม่ได้
หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกทันที
[ท่านเลือกเก็บตัวบำเพ็ญ หลีกห่างจากเทพมารต้องสาป ได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น หินวิญญาณมรรคาสวรรค์หนึ่งก้อน]
เขานำหนังสือแห่งความโชคร้ายและหินวิญญาณมรรคาสวรรค์ออกมา ผสานรวมกัน
หลายเดือนต่อมา
หนังสือแห่งความโชคร้ายยกระดับเสร็จสิ้น จากสมบัติวิญญาณเสรีกลายเป็นยอดสมบัติเสรี
หลังจากยกระดับสมบัติล้ำค่า หานเจวี๋ยก็เข้าสู่สภาวะบำเพ็ญต่อ
จากนี้ไปเขาจะมุ่งสู่ระดับอริยะเสรีระยะกลาง
….
การถือกำเนิดของเทพมารต้องสาปไม่ส่งผลกระทบต่อแดนเซียน หลังจากเหล่าอริยชนหารือกันเรื่องการดับสูญของโพธิสัตว์จุนที สำนักนิกายต่างๆ แห่งอริยะก็เริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมา
สำนักนิกายแห่งอริยะต่างส่งลูกศิษย์ออกไปเผยแผ่มรรควิถีตามโลกมนุษย์แต่ละแห่ง มิได้พัฒนาแค่โลกระดับสูงอย่างแดนเซียนเท่านั้น โลกมนุษย์ธรรมดาก็เช่นกัน
เมืองฟ้าบุพกาลที่ตั้งอยู่แปดทิศรอบแดนเซียนเริ่มประกาศรับสิ่งมีชีวิตแล้ว คอยสำรวจแดนต้องห้ามอันธการในละแวกใกล้เคียง สร้างค่ายกลส่งตัวขึ้น เตรียมช่วยขยายอาณาเขตให้แดนเซียน
ในชั่วขณะนั้น ทั่วทั้งมรรคาสวรรค์ล้วนยุ่งง่วนกันถ้วนหน้า อริยะก็มิได้หยุดพักเช่นกัน เทศนาธรรมอย่างต่อเนื่อง
เซียนทองต้าหลัวเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับมีทำเนียบดวงชะตามรรคาสวรรค์อยู่ ชื่อเสียงจึงแพร่กระจายไปรวดเร็วยิ่ง
ห้าพันปีผ่านไปในชั่วพริบตา
หานเจวี๋ยสิ้นสุดการปิดด่าน เริ่มเทศนาธรรมแก่เหล่าศิษย์สำนักซ่อนเร้น มหามรรคต้นกำเนิดครอบคลุมทั่วเขตเซียนร้อยคีรี ทว่าสายตาเขากลับทอดมองออกไปยังแดนเซียน
หานอวี้เพิ่งพิสูจน์ระดับเทพเมื่อไม่นานมานี้ ยามนี้เขาคือหนึ่งในสิบเทพสงครามแห่งเผ่ามนุษย์ ดวงชะตาเชื่อมโยงกับเผ่ามนุษย์
นับตั้งแต่หลี่เต้าคงสำเร็จเป็นอริยะ ดวงชะตาของเผ่ามนุษย์ก็รุ่งเรืองเฟื่องฟู ยามนี้ติดหนึ่งในสิบเผ่าพันธุ์สุดแข็งแกร่งแห่งแดนเซียนแล้ว
หลังจากเผ่ามารล่มสลาย แดนเซียนสงบสุข เผ่าพันธุ์ต่างๆ ยุ่งง่วนกับการฝึกบำเพ็ญ ไม่ว่างมาตีชิงอาณาเขต
เหล่าอริยะประกาศเจตนารมณ์ข้อหนึ่งเสมอมา กล่าวว่าแดนเซียนจะขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ยามนี้การต่อสู้แย่งชิงพื้นที่ไร้ซึ่งความหมาย
สำหรับหานอวี้ หานเจวี๋ยไม่ได้คาดหวังมากนัก แต่ก็ยังมีความคาดหวังอยู่นิดๆ
หากหานอวี้สามารถกลายเป็นหนึ่งในบุตรแห่งสวรรค์ชั้นแนวหน้าของแดนเซียนได้ หานเจวี๋ยย่อมมีความสุข
แต่น่าเสียดาย
หานอวี้เข้าร่วมเผ่ามนุษย์ มีความเป็นไปได้สูงที่ในอนาคตเผ่ามนุษย์จะฉุดรั้งเขา ทำให้เขาทำตามใจปรารถนาไม่ได้
หานเจวี๋ยหันเหสายตาไปยังยมโลก
ยมโลกก็เกิดการพัฒนาเช่นกัน จักรพรรดินีผืนพิภพเทศนาธรรมแก่เหล่าเทพผีเป็นระยะๆ ซ้ำยังสร้างเมืองฟ้าบุพกาลแห่งหนึ่งขึ้นที่สุดปลายแม่น้ำปรโลก ได้ยินว่าสุดปลายแม่น้ำปรโลกเป็นจุดที่พลังแห่งมรรคาสวรรค์อ่อนแอที่สุด หากศัตรูต้องการบุกเข้าสู่มรรคาสวรรค์ ยมโลกจะเป็นจุดที่เหมาะสำหรับโจมตีที่สุด
อีกอย่าง นับตั้งแต่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์อันธการดับสูญ แดนลับหวนกำเนิดของแดนเซียนก็ถูกอริยะผนึกไว้ มีครึ่งอริยะประจำการเฝ้าอยู่ที่ปากทางเข้าตลอด ไม่อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตเข้าใกล้
ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามที่วางแผนไว้!
หานเจวี๋ยยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็เริ่มตรวจดูจดหมาย
ด้านปรมาจารย์ลัญจกรสรวง ยังคงเผชิญกับการโจมตีจากสิ่งอัปมงคล มารมรรคาลึกลับและผู้ทรงพลังลึกลับ น่าเวทนาโดยแท้
มีมรรคาสวรรค์เท่านั้นที่ปลอดภัยที่สุด
หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ
[เทพมารต้องสาปเกิดความเกลียดชังในตัวท่าน ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 6.5 ดาว]
แจ้งเตือนนี้ปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย แสดงให้เห็นว่าเทพมารต้องสาปบังเกิดสติปัญญาแล้ว
หานเจวี๋ยไม่สนใจ
หนึ่งร้อยปีต่อมา เมื่อเทศนาธรรมจบ หานเจวี๋ยก็ฝึกบำเพ็ญต่อ
ห้าร้อยปีให้หลัง ในที่สุดโอกาสทะลวงระดับของหานเจวี๋ยก็มาถึง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...