ทว่าหลี่ชิงจื่อกลับไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เขาขอให้ผู้อาวุโสจากสิบแปดยอดเขา และผู้อาวุโสสำนักฝ่ายนอกปลอบขวัญบรรดาศิษย์ เปิดค่ายกลคุ้มกันสำนัก ห้ามศิษย์ทุกคนออกไปแนวหน้า
เหล่าลูกศิษย์เองก็ไม่ได้ตื่นตระหนก
เพราะพวกเขาต่างก็กำลังรอใครบางคนอยู่
ผู้อาวุโสสังหารเทพ!
เหล่าผู้อาวุโสเปิดเผยแล้วว่า ผู้อาวุโสสังหหารเทพจะเผชิญหน้ากับสิบเก้าสายสำนักเพียงผู้เดียว เพื่อลดการบาดเจ็บล้มตายของบรรดาลูกศิษย์
เดิมทีหลี่ชิงจื่อก็ไม่ได้วางแผนออกมาเช่นนี้ ใครใช้ให้สิบเก้าสายสำนักไม่กระจายกำลลังโจมตีเช่นนี้เล่า!
ดียิ่งนักผู้อาวุโสสังหารเทพจะได้ฆ่าพวกเขาทั้งหมดในคราวเดียว!
หานเจวี๋ยเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
เขาเพิ่งจะเดินออกจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน ไก่คุกรัตติกาลก็เข้ามาหาแล้ว
“นายท่าน ไกลออกไปนั้นมีกลิ่นอายพลังมากมายยิ่งนัก หรือจะมีศัตรูทัพใหญ่บุกเข้ามาโจมตี ท่านจะหนีหรือไม่”
ไก่คุกรัตติกาลถามรัวออกมาเป็นชุดๆ น้ำเสียงดูร้อนรนกังวลใจ
หานเจวี๋ยเดินอ้อมมันไปทันที กล่าวทิ้งท้ายไว้เพียงว่า “ก็แค่พวกหมูหมากาไก่เพียงกลุ่มเดียว เหตุใดต้องหนีกัน”
เมื่อกล่าวจบ หานเจวี๋ยก็กลายเป็นลมหอบหนึ่งพัดออกไปจากภูเขาราวกับเทพเซียน
ไก่คุกรัตติกาลมองไปตามทิศทางที่เขาจากไปด้วยความนับถือ
ช้าก่อน!
หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าหมูหมากาไก่
ไก่คุกรัตติกาลรู้สึกว่าตนเองถูกหยามเกียรติเข้าเสียแล้ว
แต่พอคิดอีกที ข้าเป็นหงส์ ไม่ใช่ไก่!
คนที่ถูกหยามจริงๆ นะคือเจ้าหมาอ้วนนั่นต่างหาก!
ทันใดนั้นเจ้าไก่คุกรัตติกาลก็เบิกบานขึ้นมาอีกครั้ง
……
ผู้บำเพ็ญจากสิบเก้าสายสำนักนั้นรู้สึกกังวล และตื่นเต้นเป็นอย่างมากไปพร้อมๆ กัน
“ด้านหน้านั้นก็คือสำนักหยกพิสุทธิ์!”
“ผู้อาวุโสเว่ยหยวนท่านนั้นก็เป็นผู้บำเพ็ญระดับสุญตาจริงๆ หรือ”
“ไม่เช่นนั้นเล่า กล่าวได้ว่าผู้อาวุโสสังหารเทพของสำนักหยกพิสุทธิ์เป็นผู้บำเพ็ญอันดับหนึ่งของต้าเยี่ยนในเวลานี้ หากไม่ใช่ผู้บำเพ็ญระดับสุญตาแล้ว ใครเล่าจะกล้ามา”
“ศึกนี้จะต้องถูกจารึกลงในหน้าประวัติศาสตร์แน่!”
“สำนักหยกพิสุทธิ์คงไม่รอดเป็นแน่แท้ พวกโจวฝานและโม่ฟู่โฉวอวดดีถึงเพียงนั้น แต่สำนักหยกพิสุทธิ์กลับพ่ายแพ้คาประตู ช่างเป็นความอัปยศของพวกสายหลักจริงๆ”
เหล่าผู้บำเพ็ญต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ โหมไฟให้ลุกกระพือกันยกใหญ่
หลี่เฉียนหลงและเว่ยหยวนเดินนำอยู่หน้าสุด
พวกเขาเองก็ก้าวเดินอย่างไม่เร่งร้อนนัก
เว่ยหยวนมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ไม่ได้เห็นสำนักหยกพิสุทธิ์อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
แต่หากการต่อสู้จบลงเร็วเกินไป เขาจะสามารถสำแดงพลังของผู้บำเพ็ญระดับสุญตาได้อย่างไรกันเล่า
ในเวลานั้นเอง
หานเจวี๋ยก็มาถึงแล้ว
หานเจวี๋ยขี่อยู่บนกระบี่กิเลน เหาะเหินทะยานมาบนกระบี่ อันที่จริงแล้วเขาสามารถเหาะเหินดด้วยตนเอง แต่เขารู้สึกว่าการขี่กระบี่นั้นดูหล่อเหลากว่ายิ่งนัก
ด้วยอานุภาพของพลังวิญญาณหกสายหนุนนำ ทำให้ใบหน้าของเขาถูกเมฆหมอกปกคลุมดูเลือนลาง ไม่มีผูใดที่สามารถเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจอ
สายตาของเว่ยหยวนตกลงบนเงาร่างของหานเจวี๋ย
ระดับสร้างฐานขั้นที่เก้า?
ล้อเล่นอะไรกัน!
ช้าก่อน!
เงาร่างของเขา…
เว่ยหยวนเบิกตาโพลง
เขามีชีวิตอยู่มานับพันปี ประสบพบเจอเรื่องราวมามาก สามารถมองทะลุผ่านสมบัติวิญญาณบนร่างของหานเจวี๋ยได้ภายในคราเดียว
สมบัติวิญญาณทั่วร่าง!
เว่ยหยวนก็ไม่ใช่คนหรูหราฟุ่มเฟือย บนร่างของเขามีสมบัติวิญญาณติดกายเพียงหนึ่งชิ้น อีกทั้งไม่ใช่สมบัติสายป้องกัน หากแต่เป็นอาวุธวิเศษสำหรับโจมตี!
หลี่เฉียนหลงกลับไม่ใช่คนที่เผชิญโลกมาเยอะเฉกเช่นเว่ยหยวน ทว่าเขาก็คาดเดาได้ในทันทีว่าหานเจวี๋ยนั้นก็คือผู้อาวุโสสังหารเทพ
เขารีบยกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้ทั้งสิบเก้าสายสำนักหยุดเคลื่อนไหว
สายตาของเหล้าผู้บำเพ็ญล้วนตกลงบนร่างของหานเจวี๋ย
สำนักหยกพิสุทธิ์ก็ส่งมาเพียงคนเดียวหรือ
ช่างโอหังเช่นนี้…
หรือว่าเขาก็คือคนที่ถูกกล่าวขานผู้นั้น…
เพียงไม่นาน เหล่าผู้บำเพ็ญจากสิบเก้าสายสำนักต่างก็สงบปากสงบคำไปชั่วขณะ ไม่กล้าย่ามใจ
สายตาของหานเจวี๋ยจ้องมองตรงไปยังเว่ยหยวน
ระดับสุญตาขั้นสองสู้กับระดับสุญตาขั้นหนึ่งอย่างนั้นหรือ จะสู้กันอย่างไร?
หรือจะต้องเสแสร้งสักหน่อย
หากใช้กำลังมากไปจะดูไม่ดีหรือไม่
ช่างเถิด!
ยุ่งยากเกินไป!
สังหารให้มันจบๆ ไปนั่นล่ะ!
หานเจวี๋ยมีแผนอยู่ในใจแล้ว
เขายิ่งขยับเข้าใกล้เว่ยหยวนมากขึ้นเรื่อยๆ
เว่ยหยวนหยิบไม้เท้าที่ฝังด้วยอัญมณีหลากสีออกมา เตรียมพร้อมที่จะโจมตี
พร้อมกันนั้นเขาได้ส่งกระแสเสียงถามหลี่เฉียนหลงว่า ‘คนผู้นี้ไม่ใช่นักพรตเต๋าจิ่วติ่งจริงๆ ใช่หรือไม่’
ร่างสมบัติวิญญาณนี้น่าพรั่นพรึงเกินไปแล้ว!
มีชั่วขณะหนึ่งนั้น ที่เว่ยหยวนคิดอยากยอมแพ้ทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...