ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 673

สรุปบท บทที่ 673 แปรสภาพสู่มหามรรค: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

สรุปเนื้อหา บทที่ 673 แปรสภาพสู่มหามรรค – ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet

บท บทที่ 673 แปรสภาพสู่มหามรรค ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

บทที่ 673 แปรสภาพสู่มหามรรค

“ข้าไม่เชื่อหรอก ต้องสังหารเจ้าให้ได้ ต่อให้สังหารไม่ได้ ก็ต้องทำให้เจ้าแผลงฤทธิ์ไม่ได้อีก!”

หานเจวี๋ยพึมพำกับตัวเอง หนังสือแห่งความโชคร้ายเปล่งแสงสีดำวูบไหว ทำให้ใบหน้าเขาเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ขับเน้นให้ดูชั่วร้ายอย่างยิ่ง ดูเหมือนตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังแผนการร้ายครั้งใหญ่

อายุขัยของเขาลดฮวบต่อไปอย่างรวดเร็ว!

หกพันล้านล้านปี!

[อินกั่วเทียนศัตรูคู่อาฆาตของท่านจิตมารคลุ้มคลั่ง วิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากคำสาปแช่งของท่าน]

[อินกั่วเทียนศัตรูคู่อาฆาตของท่านตกต่ำ วิญญาณแปรสภาพเป็นมหามรรคแห่งกรรม]

จากนั้นคำสาปแช่งของหานเจวี๋ยก็ไร้ผล

อินกั่วเทียนดับสูญแล้วหรือ

หานเจวี๋ยเรียกจอค่าความสัมพันธ์มาตรวจสอบ รูปประจำตัวของอินกั่วเทียนยังอยู่

อาศัยวิธีการบางอย่างเอาตัวรอดไปได้อีกแล้ว!

เช่นเดียวกับเทพบุพกาลและโพธิสัตว์จุนที บอกว่าดับสูญ แต่แท้จริงยังเหลือชีวิตอยู่เสี้ยวหนึ่ง

ในเวลานี้เอง

มวลเมฆา ณ ขอบฟ้าของสรวงสวรรค์ม้วนตลบ แสงแดงชาดอาบย้อมท้องนภา งดงามตระการตา

หานเจวี๋ยเห็นฉากนี้ อดที่จะเม้มปากไม่ได้

มรรคาสวรรค์กำลังทำอะไร

ไยจึงไว้อาลัยให้ศัตรูอยู่เสมอ!

อริยะภายในมรรคาสวรรค์ดับสูญ มรรคาสวรรค์ไม่เคยเคลื่อนไหวเลย หานเจวี๋ยชักจะสงสัยแล้วว่ามรรคาสวรรค์เป็นสายลับสองหน้า

ในอดีตมรรคาสวรรค์เคยมีจิตวิญญาณมรรคาสวรรค์กำเนิดขึ้น ภายหลังถูกฟางเหลียงดูดซับเข้าไป จู่ๆ หานเจวี๋ยก็นึกสงสัยว่าจิตวิญญาณมรรคาสวรรค์จะยังอยู่

หานเจวี๋ยไม่ได้ทำนายดู ถึงอย่างไรก็มีผลกระทบไม่มาก

อินกั่วเทียนกลายเป็นมหามรรค ไม่เป็นภัยคุกคามไปชั่วระยะหนึ่ง หานทั่วน่าจะหนีรอดมาได้ หรืออาจถูกจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายช่วยเหลือ ส่วนสังขารของเขา หากหาไม่พบ เช่นนั้นก็ช่วยไม่ได้แล้ว

ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกรรม

หานเจวี๋ยหลับตาลง เริ่มยกระดับพลังวิเศษมรรคกระบี่ของตน หลายเดือนต่อมา เขาเรียนรู้ร่างจำลองเสรีสุญญตาต่อ

ใช้เวลาร้อยสามสิบปีเต็ม

หานเจวี๋ยเรียนรู้ร่างจำลองเทพมารเพิ่มอีกห้าสิบตน มีร่างจำลองเทพมารรวมทั้งหมดสามร้อยสี่สิบเก้าตนแล้ว

อีกห้าสิบตนนี้มีพลังมหามรรคแตกต่างกันไป แต่หานเจวี๋ยได้ผลสรุปแล้วว่า อันที่จริงมหามรรคส่วนใหญ่มีต้นตอที่มาคล้ายคลึงกัน ต่างกันเพียงรายละเอียดเค้าโครงเท่านั้น

ในบรรดาร่างจำลองเทพมารชุดใหม่นี้ ร่างจำลองที่มอบความประทับใจให้หานเจวี๋ยอย่างล้ำลึกคือเทพมารดูดมิติ

เมื่อดูดดึงมิติแห่งหนึ่งเข้ามา ตบะจะเพิ่มขึ้น ทำให้มิติที่ดูดมาขยายใหญ่ขึ้น ขอเพียงแข็งแกร่งมากพอ จะดูดทั้งฟ้าบุพกาลเข้ามา จากนั้นใส่ไว้ในร่างตน ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!

เทพมารดูดมิติมิใช่แค่สามารถดูดมิติได้ ยังสามารถดูดซับพลังมาไว้ในร่างได้อีกด้วย

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าหากเทพมารดูดมิติมีความหมกมุ่นเช่นเดียวกับเขา ผานกู่อาจจะเอาชนะเทพมารดูดมิติไม่ได้

นอกจากนี้ยังมีเทพมารพหูสูต เทพมารกายาและเทพมารเลือดลมที่ดึงดูดความสนใจของหานเจวี๋ย

เทพมารพหูสูต หลังเผชิญกับพลังวิเศษ สามารถสืบทอดสำแดงพลังวิเศษที่ได้รับมา น่าพิศวงยิ่ง

เทพมารกายา หานเจวี๋ยรู้สึกว่าคล้ายกับผานซิน เป็นมหามรรคที่แสดงถึงขีดสูงสุดของร่างกาย พลังโจมตีอาจไม่รุนแรง แต่ความทนทานต่อการถูกโจมตีแกร่งกล้านัก

เทพมารเลือดลม สามารถผลาญเลือดลมแปรเปลี่ยนเป็นพลังเวทอันไร้สิ้นสุด พร้อมกับสามารถดูดซับเลือดลมของผู้อื่นได้ เลิศล้ำอหังการ

หานเจวี๋ยเข้าใช้แบบจำลองการทดสอบ ปรับตัวให้เข้ากับร่างจำลองเทพมารชุดใหม่

เขายังคิดจะลองใช้ขวานเบิกฟ้า ป้ายคำสั่งพิฆาตมรรคารวมถึงกระบี่พิพากษาอนธการด้วยว่าจะทรงพลังมากขึ้นหรือไม่หากอยู่ในมือของร่างจำลองเทพมาร

….

ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

ภายในตำหนักเอกภพ

เหล่าอริยชนนั่งเรียงกัน ฝั่งตรงข้ามกับพวกเขาคือจอมอริยะเสวียนตูและผานซิน

หลี่เต้าคงหัวเราะเฮอะๆ

จอมอริยะเสวียนตูเห็นว่าการทะเลาะโต้แย้งลามไปถึงอริยะจากสำนักซ่อนเร้นแล้ว จำต้องกล่าวขึ้นมาว่า “ในเมื่อสหายเต๋าผานไม่ถือสาเรื่องในอดีตแล้ว เช่นนั้นพวกเราสมานฉันท์กันไว้เถิด ปกป้องมรรคาสวรรค์ด้วยกัน หลังจากผนึกแดนบรรพกาลพังทลาย แดนเทพหวนปัจฉิมต้องจับจ้องมรรคาสวรรค์ตาเป็นมันยิ่งกว่าเดิมแน่ สหายเต๋าผาน เจ้าช่วยบอกเล่าสถานการณ์ของแดนเทพหวนปัจฉิมแก่พวกเราได้หรือไม่”

เหล่าอริยะพยักหน้ารับ พวกเขาก็อยากรู้เช่นกันว่าตอนนี้สถานการณ์ของแดนเทพหวนปัจฉิมเป็นอย่างไรบ้าง

ผานซินเอ่ยว่า “แดนเทพหวนปัจฉิมโกลาหลจริงๆ อริยะมหามรรคเหล่านั้นกำลังโยกย้ายสำนักมรรควิถีแห่งตนออกจากแดนเทพหวนปัจฉิม สิ่งที่เป็นภัยคุกคามมรรคาสวรรค์มิใช่แค่อริยะมหามรรค ยังมีตัวตนที่น่าหวาดกลัวเหล่านั้นในแดนบรรพกาลด้วย ข้าเคยไปเยือนแดนบรรพกาล ทราบว่ามีตัวตนแข็งแกร่งมากมายที่อยากเหยียบย่ำมรรคาสวรรค์เพื่อพิสูจน์มรรค มรรคาสวรรค์คือดวงชะตาของผานกู่และบรรพชนเต๋าสามารถใช้พิสูจน์มรรคได้ สำหรับตัวตนระดับดวงจิตมหามรรคและนักพรตเต๋าผู้หลุดพ้นที่อยู่เหนือกว่าอริยะมหามรรคเหล่านั้น มรรคาสวรรค์เย้ายวนเกินจะต้านทานไหว”

เขาเริ่มเล่าเรื่องในแดนบรรพกาลออกมาอย่างฉะฉาน เขาเล่าอย่างจริงจังตั้งใจ แต่สีหน้าผ่อนคลายยิ่ง มิได้เห็นแดนบรรพกาลอยู่ในสายตาเลย

ยามนี้เขามั่นใจในตัวเองอย่างยิ่ง เขาเชื่อว่าตนจะกลายเป็นผานกู่คนต่อไป!

อีกด้านหนึ่ง

หานเจวี๋ยใช้เวลาอยู่ในแบบจำลองการทดสอบยี่สิบปี ในที่สุดก็เสร็จสิ้น

เขารู้สึกว่าพลังต่อสู้ของตนเพิ่มสูงขึ้น

ต่อให้เผชิญหน้ากับปรมาจารย์ลัญจกรสรวง เขาก็ไม่ได้ถูกบดขยี้ง่ายๆ อีก สามารถยืนหยัดไม่ถูกสังหารในเสี้ยววินาที แต่แน่นอน เขายังคงสู้ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงไม่ได้

หานเจวี๋ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตะลึงกับพลังของผานซิน

ผานซินหนีรอดจากการปิดล้อมสังหารของเหล่าอริยะมหามรรคมาได้อย่างไร

พอนึกถึงผานซิน ดวงตาหานเจวี๋ยพลันส่องประกาย เขาเงยหน้ามองขึ้นไป

ผานซินเข้าสู่มรรคาสวรรค์แล้วจริงๆ ตั้งอาณาเขตเต๋าของตน ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม

ตำหนักผานกู่!

วางท่าเสียจริง

หานเจวี๋ยเคลื่อนย้ายไปโผล่หน้าตำหนักผานกู่ ใช้แบบจำลองการทดสอบตรวจจับ

จากนั้นเขาก็หนีกลับไปที่เขตเซียนร้อยคีรีแทบจะในทันที

ภายในตำหนักผานกู่ ผานซินลืมตาขึ้น เขาขมวดคิ้วเอ่ยพึมพำ “กลิ่นอายเมื่อครู่นั้น คุ้นเคยอยู่บ้าง…”

………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ