ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 718

สรุปบท บทที่ 718 หมื่นปีในชั่วพริบตา กองทัพเทพมาร: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

สรุปตอน บทที่ 718 หมื่นปีในชั่วพริบตา กองทัพเทพมาร – จากเรื่อง ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet

ตอน บทที่ 718 หมื่นปีในชั่วพริบตา กองทัพเทพมาร ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 718 หมื่นปีในชั่วพริบตา กองทัพเทพมาร

เมื่อเห็นกองทัพทหารสวรรค์ลากสัตว์ร้ายฟ้าบุพกาลใหญ่มโหฬารออกเดินทาง ฉู่ซื่อเหรินก็รู้สึกสะท้อนใจอย่างยิ่ง

ทหารสวรรค์เหล่านี้ระดับอ่อนแอที่สุดมีตบะระดับเซียนแท้ไท่อี่ ถึงขั้นที่มีระดับเทพปนอยู่ด้วย ต่อให้เป็นระดับเทพ ก็ยังเป็นเพียงทหารสวรรค์!

แม่ทัพในสังกัดของหานทั่วต่างมีตบะระดับเซียนทองต้าหลัว แต่ละคนแผ่รังสีสังหารออกมา ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้

หานทั่วนำทัพทหารสวรรค์เดินหน้าไป พร้อมพูดคุยกับฉู่ซื่อเหรินที่อยู่ข้างกาย

ฉู่ซื่อเหรินเอ่ยอย่างสะท้อนใจว่า “ได้ยินมานานแล้วว่าบุตรชายของอาจารย์ปู่พรสวรรค์แข็งแกร่งยิ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าท่านจะพิสูจน์มรรคสำเร็จอริยะแล้ว”

หานทั่วแทบไม่เคยได้อยู่ข้างกายหานเจวี๋ยเลย บุกตะลุยไปทั่วฟ้าบุพกาลตลอด ตบะจึงก้าวหน้าไปเร็วกว่าเหล่าศิษย์สืบทอดที่มานะบำเพ็ญอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ฉู่ซื่อเหรินทำได้เพียงกล่าวโทษความห่างชั้นระหว่างคุณสมบัติเท่านั้น

มังกรกำเนิดมังกร หงส์กำเนิดหงส์ ผู้สืบทอดสายเลือดโดยตรงของหานเจวี๋ยย่อมมีคุณสมบัติเลิศล้ำทระนง

หานทั่วเอ่ยยิ้มๆ “ข้าสามารถพิสูจน์มรรคได้ก็เพราะอาศัยโชควาสนา มิได้พึ่งพาคุณสมบัติของตนไปเสียทั้งหมด สถานการณ์ปัจจุบันของสำนักซ่อนเร้นเป็นอย่างไรบ้าง”

ฉู่ซื่อเหรินเล่าถึงสำนักซ่อนเร้นอย่างคร่าวๆ ไม่ได้บอกเล่าอย่างละเอียด สำนักซ่อนเร้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน เป็นความลับที่ไม่สามารถบอกกล่าวออกไปได้

จู่ๆ หานทั่วก็ถามว่า “ข้ามีน้องชายหรือน้องสาวใช่หรือไม่”

ฉู่ซื่อเหรินผงะไป ตกอยู่ในสภาวะลังเล ไม่รู้ว่าควรพูดดีหรือไม่

เวลานี้เอง สตรีสวมหน้ากากที่เดินทางมากับฉู่ซื่อเหรินก่อนหน้านี้เหาะเข้ามา ทว่าถูกทหารสวรรค์สกัดไว้

หานทั่วจำได้ว่านางเคยยืนอยู่กับฉู่ซื่อเหริน ดังนั้นจึงมองฉู่ซื่อเหริน เอ่ยถามว่า “คนรู้จักหรือ ต้องการพาไปด้วยหรือไม่”

ฉู่ซื่อเหรินใคร่ครวญดู จากนั้นตอบว่า “พาไปด้วยเถิด นางเคยช่วยชีวิตข้าไว้”

หานทั่วยกมือส่งสัญญาณให้ทหารสวรรค์ปล่อยนางเข้ามา

สตรีสวมหน้ากากเหาะเข้ามาทันที แต่ไม่ได้เข้าใกล้พวกหานทั่วทั้งสอง ไปติดตามอยู่ด้านข้างสัตว์ร้ายฟ้าบุพกาลแทน

หานเจวี๋ยยิ้มออกมา “รู้ความนัก”

เขามองไปที่ฉู่ซื่อเหรินอีกครั้ง รอคำตอบจากฉู่ซื่อเหริน

ฉู่ซื่อเหรินแอบถอนหายใจกับตัวเอง ตอบไปตามจริง “ท่านมีน้องชายคนหนึ่งจริงๆ เพียงแต่ยังไม่ถือกำเนิด”

หานทั่วตกตะลึง ถามด้วยความแปลกใจ “เหตุใดยังไม่ถือกำเนิดอีก เขามิได้ถือกำเนิดออกมาตั้งแต่หลายหมื่นปีก่อนแล้วหรอกหรือ”

ฉู่ซื่อเหรินยิ้มขื่นพลางตอบว่า “ถูกต้อง ผ่านมานานมากแล้วจริงๆ แต่เขาก็ยังคงอยู่ในครรภ์มารดา ไม่เหมือนเผ่ามนุษย์เลยสักนิด กลับเหมือนสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าอื่นๆ มากกว่า”

“เช่นนั้นคุณสมบัติของเขาคงจะแข็งแกร่งยิ่งนัก” หานทั่วกล่าวด้วยความสะท้อนใจ

มิน่าเล่าถึงได้ก่อให้เกิดการเพรียกหาผ่านสายเลือดได้

หานทั่วไม่มีทางลืมเลือนความรู้สึกหวาดหวั่นไม่มั่นคงในวันนั้น เพราะเหตุนี้ จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถึงพาเขาไปพบตัวตนระดับสุดยอดที่เก่าแก่ลึกลับท่านนั้น

ฉู่ซื่อเหรินตอบรับคำหนึ่ง ไม่ได้วิจารณ์อะไรมากเช่นกัน

ในใจเขาค่อนข้างหวาดกลัว ไม่ทราบว่าพูดเรื่องนี้ออกมาแล้วจะดีหรือแย่

หานเจวี๋ยทรงพลังอย่างยิ่ง หากวันหน้าทายาทแย่งชิงอำนาจกันก็ถือเป็นเรื่องปกติยิ่ง

หานทั่วมองเห็นสีหน้าเขาก็เดาได้แล้วว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ จึงเอ่ยอย่างจนปัญญาว่า “เจ้าคิดอะไรอยู่ ข้าจะอิจฉาน้องชายแท้ๆ ของตัวเองได้อย่างไร อีกอย่าง ท่านพ่อก็รักถนอมข้ามากเช่นกัน หากมิใช่เพราะท่านพ่อคอยใส่ใจข้ามาตลอด ข้าคงสิ้นชีพในฟ้าบุพกาลไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว”

นับตั้งแต่วันนั้นที่หานเจวี๋ยออกโรง หานทั่วก็อนุมานได้ว่าทุกครั้งที่รอดพ้นจากภัยอันตรายมาได้ล้วนเป็นความช่วยเหลือของหานเจวี๋ย

ฉู่ซื่อเหรินถามด้วยความอยากรู้ “อาจารย์ปู่อยู่ในมรรคาสวรรค์ จะช่วยท่านได้อย่างไร”

“ใช่แล้ว! วันนั้น…”

หานทั่วเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่หานเจวี๋ยออกโรงก่อนหน้านี้ ท่าทางตื่นเต้นอย่างยิ่ง สีหน้าเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ

หลังจากฉู่ซื่อเหรินได้ฟังก็นึกถึงพลังวิเศษอย่างหนึ่งขึ้นมา

ดรรชนีกระบี่โลกาสวรรค์ทลายภพ!

พลังวิเศษนี้ เขาก็ใช้เป็นเช่นกัน แต่ไม่ได้น่าหวาดหวั่นถึงขั้นเดียวกับหานเจวี๋ย

ยิงตรงจากมรรคาสวรรค์สู่ส่วนลึกของฟ้าบุพกาล…

แค่ฉู่ซื่อเหรินฟังจากที่หานทั่วเล่ามา ก็รู้สึกตื่นตะลึงอย่างยิ่ง

คุณสมบัติของอาจารย์น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงใดกัน!

เก็บตัวอยู่ในมรรคาสวรรค์มาโดยตลอด นอกจากบำเพ็ญตบะแล้ว อำนาจก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน

เกินไปแล้ว

ยิ่งทั้งสองพูดคุยกันมากเท่าไร ก็ยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้นเท่านั้น

เหล่าแม่ทัพสวรรค์ก็พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ปกติหานทั่วดูเคร่งขรึมจริงจังอย่างยิ่ง ต่อให้อยู่ต่อหน้าแม่ทัพเทพอี๋เทียน ก็ยังดูไม่มีความสุขเท่านี้เลย

คนผู้นี้เป็นใครกันแน่

….

หมื่นปีผ่านไปว่องไวยิ่ง โดยเฉพาะกับหานเจวี๋ยที่ปิดด่านอยู่ตลอด

เพ่ย!

ข้าแตกต่างจากบรรพชนเต๋า!

หานเจวี๋ยด่าตัวเองว่าคิดมากไปแล้ว

หนึ่งหมื่นปีผ่านไป มรรคาสวรรค์แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย แค่สัดส่วนพื้นที่ของแดนเซียนก็ขยายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งในสิบแล้ว

เยี่ยมมาก

หานเจวี๋ยมายังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง

เขาปล่อยเทพมารกายาออกมา เทพมารฟ้าบุพกาลที่เพิ่งถือกำเนิดมีตบะระดับเซียนทองต้าหลัว

เขาให้มู่หรงฉี่มารับช่วงดูแล จากนั้นก็ถ่ายทอดเสียงไปหาหานมิ่ง

หานมิ่งเข้ามาในอารามอย่างรวดเร็ว ทำความเคารพหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “เหตุใดช่วงนี้ถึงหดหู่เซื่องซึมเล่า”

ก่อนหน้านี้เขาเห็นเทพมารฟ้าบุพกาลตนอื่นๆ รวมตัวฝึกบำเพ็ญร่วมกัน มีเพียงหานมิ่งที่ซุกตัวอยู่ในมุมตามลำพัง

หานมิ่งกัดฟันตอบว่า “แม้อาณาเขตเต๋าจะมีพลังวิญญาณพรั่งพร้อม ความเร็วในการบำเพ็ญของข้าก็ยังคงเชื่องช้านัก รู้สึกว่าทำให้ท่านต้องขายหน้าแล้ว”

หากเทียบกับระดับความเร็วในการบำเพ็ญของเหล่าเทพมารฟ้าบุพกาล ส่งผลกระทบต่อเขามากเกินไปจริงๆ

หานเจวี๋ยคิดดูเล็กน้อย ตัดสินใจจะเปลี่ยนหานมิ่งเป็นเทพมารฟ้าบุพกาลก่อนกำหนด เขาเป็นเซียนทองต้าหลัวแล้ว น่าจะทนรับไหว

แต่ก่อนหน้านั้นเขาจะต้องเปลี่ยนกวนปู้ไป้ให้กลายเป็นเทพมารฟ้าบุพกาลเช่นกัน มิเช่นนั้นจะไม่สมเหตุสมผล

ด้วยเหตุนี้ หานเจวี๋ยจึงเรียกกวนปู้ไป้เข้ามาด้วย

“พวกเจ้าเตรียมใจพร้อมจะกลายเป็นเทพมารฟ้าบุพกาลแล้วหรือยัง” หานเจวี๋ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย

เมื่อกวนปู้ไป้ได้ยินพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา พยักหน้ารับอย่างแข็งขัน

หานมิ่งเองก็ดวงตาเป็นประกายแล้ว

หานเจวี๋ยทำลายสังขารของทั้งสองทิ้ง เก็บวิญญาณเข้าไปในโลกอนธการ แยกสมาธิจัดการไปพร้อมๆ กัน ผสานพวกเขาเข้ากับปราณเทพมารสองกลุ่มพร้อมกัน

มรรคาสวรรค์แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ แล้ว กองทัพเทพมารของหานเจวี๋ยก็ต้องเพิ่มความเร็วขึ้นเช่นกัน

หลังผ่านการผสานรวมครั้งนี้ เขาเตรียมจะเทศนาธรรมให้อาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง ช่วยให้ตบะของเหล่าเทพมารก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว มู่หรงฉี่ จิ้งจอกชาดและเทพมารขุนพลสวรรค์เป็นเทพมารฟ้าบุพกาลรุ่นแรกสุด สมควรพิสูจน์มรรคได้แล้ว

………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ