บทที่ 730 พลังอันธการอันน่าหวาดหวั่น
“ในที่สุดก็จะลงมือแล้วอย่างนั้นหรือ”
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายหันกลับไป มองปรากฏการณ์บนฟ้า พึมพำกับตัวเอง
ครั้งนี้มีอริยะมหามรรคมาที่วังสวรรค์ยี่สิบสามราย ตั้งแต่อริยะเสรีขึ้นไปอีกสามสิบราย ขอเพียงผนึกห้วงมิติวังสวรรค์ไว้ ถึงมิ่งมีปีกก็ยากจะหนีรอด
นี่คือความเห็นส่วนรวมของอริยะมหามรรคทั้งหมด ล้วนพูดจาล้อเลียนพลางจ้องมองขอบฟ้า รอคอยให้มิ่งปรากฏตัวขึ้น
“พวกสัตว์เลื้อยคลานที่ถือกำเนิดในฟ้าบุพกาลอย่างพวกเจ้าก็กล้ามาดูแคลนข้าเช่นนั้นหรือ
“นึกว่าข้าไม่รู้จริงๆ น่ะหรือว่าเป้าหมายในการมาของพวกเจ้าคืออะไร
“เหตุผลที่ข้าไม่ใส่ใจ นั่นเป็นเพราะไม่ได้เห็นพวกเจ้าอยู่ในสายตาเลย! ในเมื่อพวกเจ้ากล้าโอหังว่าตนยิ่งใหญ่ เช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าได้รู้ว่าสิ่งใดคืออันธการ สุดท้ายแล้วฟ้าบุพกาลก็ต้องล่มสลาย ยุคสมัยแห่งอันธการจะเข้ามาแทนที่ วันนี้ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทิ้งก่อน เพื่อเป็นการเปิดฉากให้ยุคสมัยแห่งอันธการ!”
มิ่งหัวเราะดังลั่น มีเสียงฟ้าร้องดังสนั่นยิ่งขึ้น
ทุกคนเริ่มรอคอยการมาถึงของมิ่งอย่างกระวนกระวาย
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้มิ่งยังคงกล้าผยองอยู่ ไม่อาจดูแคลนได้เลยจริงๆ
อีกด้านหนึ่งหลี่เต้าคงและสือตู๋เต้าก็กำลังรอคอยด้วยความกระวนกระวายอยู่ในสระลึกลับ
พวกเขาเคยเห็นเงาร่างของมิ่งมาก่อน แต่ไม่เคยพลังที่แท้จริงของมิ่งเลย
สือตู๋เต้าร้องจุ๊ๆ พลางกล่าวว่า “พวกเรามาเดิมพันกันเถอะ ดูว่ามิ่งจะเอาชนะได้หรือไม่”
พลังที่หานทั่วสำแดงออกมาก่อนหน้านี้สร้างแรงกระตุ้นให้เขา เขาเคยได้ยินหลี่เต้าคงเล่าว่า หานทั่วเพิ่งอายุสามแสนกว่าปีเท่านั้น คุณสมบัติเช่นนี้ล้ำหน้าทิ้งห่างเขาไปไกล
และเนื่องด้วยเหตุนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าหานเจวี๋ย บิดาของหานทั่วมีโอกาสที่จะเป็นเจ้าแดนต้องห้ามอันธการมากกว่า
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกับหานเจวี๋ย สัญชาตญาณของเขาก็บ่งบอกเช่นนี้โดยไม่มีสาเหตุ
ฉากที่เห็นตรงหน้านี้ ยิ่งดูคล้ายการละเล่นของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ
หลี่เต้าคงถาม “เจ้าคิดเห็นอย่างไร”
สือตู๋เต้าหัวเราะพลางเอ่ยว่า “ข้าเดาว่ามิ่งจะสะกดข่มวังสวรรค์ได้ แต่สุดท้ายก็จะพ่ายแพ้”
หลี่เต้าคงชักสนใจแล้ว เขาถามต่อ “เพราะเหตุใด”
“เจ้าเห็นก็จะรู้เอง”
“เช่นนั้นข้าก็ทายว่ามิ่งจะแพ้เช่นกัน”
“เพราะเหตุใด”
“เจ้าสำนักซ่อนเร้นของข้าไม่มีทางนั่งมองมิ่งทำร้ายบุตรชายเขาเฉยๆ แน่ อีกอย่างเขาก็มีสายสัมพันธ์อันดีกับจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้าย ไมตรีแน่นแฟ้น”
สือตู๋เต้าเบะปาก จู่ๆ ก็รู้สึกเบื่อขึ้นมา
หากหลี่เต้าคงคิดว่ามิ่งจะชนะสิถึงจะน่าสนุก
ในเวลาเดียวกันนี้ ฉากวังสวรรค์ที่อยู่ภายใต้แสงพร่างพราวจู่ๆ ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น
เมฆสายฟ้าที่ปกคลุมอยู่ทั่วนภาพลันรวมตัวกันกลายเป็นใบหน้าขนาดใหญ่ยักษ์จนประเมินขนาดไม่ได้ว่าใหญ่เท่าใด มันก้มมองทั่วทั้งวังสวรรค์
ใบหน้านี้มีเพียงเค้าโครงเครื่องหน้าเท่านั้น ทว่าดวงตาพลันแปรเปลี่ยนเป็นของจริง แววตาเหี้ยมหาญ ม่านตาแดงฉานส่อเจตนาสังหารอันบ้าคลั่ง
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าก่อนจะเป็นฟ้าบุพกาล ทุกสิ่งทุกอย่างนี้สมควรมีลักษณะอย่างไร และถูกเรียกขานว่าอะไร”
จู่ๆ มิ่งก็เอ่ยถาม น้ำเสียงชวนให้ใคร่ครวญตริตรอง
จู้หรงผู้อารมณ์ร้อนก็ตะโกนโพล่งออกไปว่า “ จะสู้ก็สู้เลยสิ หรือเจ้าคิดจะรอกำลังเสริม”
เมื่อพูดจบ เขาก็ชกขึ้นไปบนฟ้า กระแสเพลิงร้อนแรงบนร่างพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา ผลคือถูกใบหน้าใหญ่ยักษ์เขมือบเข้าไปในคำเดียว
“ฮึ่ม ในเมื่อพวกเจ้าอดใจไม่ไหวอยากรนหาที่ตายกันนัก เช่นนั้นก็ตายเสีย! ”
มิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว มีไอดำไหลทะลักออกมาจากดวงตา ปาก จมูกและสองหูของใบหน้าใหญ่ยักษ์ ไอดำเหล่านี้แพร่กระจายไปทั่วอย่างรวดเร็วในรูปแบบที่ไม่ตายตัว เพียงชั่วลมหายใจเดียวก็ปกคลุมทั่ววังสวรรค์ราวกับรัตติกาลมาเยือนอย่างกะทันหัน
เหล่าอริยะมหามรรคพากันสำแดงพลังวิเศษ คิดจะขับไล่ความมืดมิด แต่จู่ๆ พวกเขาก็พบว่าเมื่อพลังเวทของตนสัมผัสโดนความมืดก็สลายหายไป ราวกับเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจ
“เป็นไปได้อย่างไร!”
เทพสูงสุดหยวนสื่อขมวดคิ้ว เขาไม่ยอมเชื่อ แสดงพลังอีกครั้ง ผลคือยังคงเป็นเช่นเดิม
เขาจำเป็นต้องหยิบกระบี่ไม้เล่มหนึ่งออกมา ถือตั้งไว้ตรงหน้า กระบี่ไม้แผ่แสงสีเขียวออกมา ต้องการจะดูดซับไอดำก่อนหน้านี้เข้าไป แต่ไอดำเหล่านั้นกลับเลือนหายไป ราวกับเดิมทีห้วงมิติก็เป็นสีดำอยู่แล้ว
“ไป! ไปลากตัวเขาออกมา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...