บทที่ 771 เทพมารปฐมภพ
พอได้ยินบุรุษชุดสีพื้นบอกว่าไม่เรียน หานเจวี๋ยพลันเหม่อลอยไปอยู่บ้าง
นึกถึงอดีตปีนั้นหลี่ชิงจื่อมักจะสรรหาข้อดีสารพัดมาล่อเขาออกไป เขาก็ปฏิเสธเช่นนี้เหมือนกัน
หนึ่งล้านปีผ่านไป หลี่ชิงจื่อเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่คนเดิมกับในปีนั้นแล้ว
ดวงวิญญาณอาจจะเป็นดวงเดิม แต่ตัวคนเปลี่ยนแปลงไป
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็รู้สึกการกลับชาติมาเกิดไม่มีความหมาย
สุดท้ายผู้ได้ประโยชน์จากการกลับชาติมาเกิดก็มีเพียงผู้ทรงพลังเหล่านั้นที่ลงมาหาประสบการณ์ในโลกมนุษย์เท่านั้น สำหรับมนุษย์ธรรมดา นับตั้งแต่วินาทีที่ดื่มน้ำแกงยายเมิ่งยังจะมีอะไรต่างไปร่างสิ้นวิญญาณสลายอีกเล่า
มิใช่ว่ามนุษย์ธรรมดาทั้งหมดล้วนสามารถกระตุ้นความทรงจำของตนได้เหมือนผู้ทรงพลัง
บางทีการมีอยู่ของสังสารวัฏ อาจเป็นเพราะผู้ทรงพลังไม่อยากทำลายวิญญาณ ด้วยกลัวจะต้องแบกรับแรงกรรมเท่านั้น
ถึงอย่างไรในทุกชั่วโมงทุกวินาทีล้วนมีวิญญาณใหม่ๆ ถือกำเนิดขึ้นในโลกอยู่ตลอด มีทั้งที่มาจากยมโลกและมีทั้งที่มาจากมรรคาสวรรค์
หานเจวี๋ยถามด้วยรอยยิ้ม “ไม่เรียนจริงหรือ”
บุรุษชุดสีพื้นเอ่ยด้วยความระแวง “เจ้าคิดจะทำอะไร ที่นี่คือสำนักศักดิ์สิทธิ์หยกพิสุทธิ์ หากเจ้ากล้าลงมือ จะถูกสังเกตเห็นอย่างรวดเร็ว!”
หานเจวี๋ยชักสนุกแล้ว เอ่ยไปว่า “ยิ่งเจ้าปฏิเสธ ข้าก็ยิ่งอยากสอนเจ้า ต่อให้เจ้าตะโกนจนคอแตก ก็ไม่มีใครได้ยิน ป่าไผ่แห่งนี้ถูกข้าปิดกั้นไว้แล้ว!”
บุรุษชุดสีพื้นหันหลังออกวิ่ง ตัวปลิวดั่งพายุ
หานเจวี๋ยโบกมือคราหนึ่ง เคลื่อนย้ายไปโผล่ด้านหน้าเขา กดตัวเขาลงบนพื้น
ใบหน้าของบุรุษชุดสีพื้นแนบอยู่กับพื้นหญ้า รู้สึกเหมือนตนถูกภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งกดทับ ขยับเขยื้อนไม่ได้
“เจ้าหนู เจ้ายังตื่นตัวไม่มากพอ ควรหนีตั้งแต่แวบแรกที่เจ้าเห็นข้าแล้ว เพราะเจ้าไม่สังเกตเห็นการปรากฏตัวขึ้นของข้า แปลว่าเดิมทีข้าก็ต้องการเข้าใกล้เจ้าอย่างเงียบเชียบอยู่แล้ว มีเจตนาไม่ดี ชาติหน้าก็ระวังให้มากหน่อยเล่า!”
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้มดูแคลน บุรุษชุดสีพื้นรับฟังด้วยความสิ้นหวัง
ใช่แล้ว!
เหตุใดข้าถึงโง่ขนาดนี้กัน
ความสำนึกเสียใจล้นทะลักอยู่ในใจของบุรุษชุดสีพื้น
จากนั้นเขาก็ได้รับแรงกระแทกอย่างหนักหน่วง หมดสติไป
….
แสงแดดกระทบใบหน้า บุรุษชุดสีพื้นรู้สึกระคายหน้ายิบๆ เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เขาพลันเบิกตากว้าง กระเด้งตัวขึ้นมาทันทีราวกับปลาตัวหนึ่ง
เขามองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง ไม่เห็นเงาร่างของหานเจวี๋ยแล้ว
เขาตื่นตะลึงเมื่อพบว่าตนจำหน้าของคนผู้นั้นที่พบก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้ว หรือจะเป็นความฝัน
ช้าก่อน!
บุรุษชุดสีพื้นพบว่าในหัวของตนมีความทรงจำส่วนหนึ่งเพิ่มเข้ามา เป็นเคล็ดกระบี่ชุดหนึ่ง!
มรรคกระบี่เทียมฟ้า!
“ไม่ใช่ความฝัน เป็นเรื่องจริง…”
บุรุษในชุดสีพื้นลูบคลำไปตามร่างกายตน พบว่าเสื้อผ้าครบถ้วนเรียบร้อย ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
อีกฝ่ายคิดจะทำอะไรกันแน่
เขาอดย้อนนึกถึงมรรคกระบี่เทียมฟ้าไม่ได้ ใบหน้าค่อยๆ ปรากฏความตื่นตะลึง!
เป็นเคล็ดกระบี่ที่เผด็จการนัก!
ไม่สิ!
เป็นมรรคกระบี่!
“ข้าเผชิญเคราะห์ร้าย หรือว่าได้พบพานยอดคนกันแน่”
บุรุษชุดสีพื้นพึมพำกับตัวเอง เขาย้อนนึกถึงใบหน้าของหานเจวี๋ยอย่างละเอียด จำไม่ได้เลยจริงๆ เพียงแต่เงาร่างอันเลือนรางนั้นกลับทำให้เขารู้สึกเหมือนคุ้นเคยกันเมื่อนานมาแล้ว
ราวกับในอดีตเมื่อนานแสนนาน เขาสนิทสนมกับเงาร่างนี้ยิ่งนัก
จู่ๆ ความรู้สึกคุ้นเคยอันเลือนรางนี้ก็ทำให้หัวใจเกิดความเศร้าหมองอย่างหนึ่งขึ้น
บุรุษชุดสีพื้นตกอยู่ในสภาพเลื่อนลอยไร้จิตวิญญาณ
….
ภายในอารามเต๋า
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น
หนึ่งร้อยปีผ่านไป ร่างแยกวิญญาณสิ้นสุดการท่องเที่ยว ก็สลายไปทันที ความทรงจำทั้งหมดถ่ายทอดเข้าสู่สมองเขา
เขาเองก็ตกอยู่ในความสะท้อนใจเช่นกัน
การท่องเที่ยวหาประสบการณ์ครั้งนี้ได้พบพานสหายเก่าบางส่วน
แม้นว่าสรรพสิ่งและผู้คนจะแปรผัน แต่ความทรงจำยังคงอยู่
หานเจวี๋ยปรับอารมณ์ ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นมา “พักผ่อนเรียบร้อยแล้ว สมควรฝึกบำเพ็ญสักที ถือโอกาสเสาะหาที่ตั้งอาณาเขตเต๋าแห่งที่สามด้วย”
หานเจวี๋ยกระตุ้นความคิดแวบหนึ่ง
ไม่นานนัก หลิวเป้ยก็มาขอเข้าพบ
หลิวเป้ยเป็นร่างแยกวัฏจักรของหานเจวี๋ย ในอดีตได้ผสานรวมกับสังขารของพุทธะพิชิตชัย ยามนี้มีตบะระดับครึ่งอริยะแล้ว
ที่ตั้งของเกาะสำนักซ่อนเร้นในกาลก่อนก็เป็นหลิวเป้ยที่ออกไปเสาะหาชัยภูมิ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...