บทที่ 790 ข้ามีนามว่าหลิวเป้ย
“ปลงอนิจจังเป็นเพียงทัศนคติด้านการบำเพ็ญเท่านั้น โอสถอนธการเสื่อมฤทธิ์ อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงภัยใหญ่หลวง เป็นภัยใหญ่หลวงที่คุกคามถึงผู้บำเพ็ญทั้งปวง”
เหล่าจื่อตอบอย่างสงบ น้ำเสียงไร้ระลอกอารมณ์ใด
เทวีตราวินัยเอ่ยว่า “ข้าก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าเสื่อมฤทธิ์ได้อย่างไร แต่ตัวตนที่ดำรงอยู่บนจุดสูงสุดบางท่านเคยกล่าวไว้ว่า เทพมารอนธการที่จะกระตุ้นให้เกิดมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ยังไม่ถือกำเนิด”
เหล่าจื่อตกอยู่ในห้วงความคิด
เทวีตราวินัยเอ่ยต่อว่า “ตัวตนยุคบรรพกาลมากมายล้วนมุ่งหมายอยากกลายเป็นเทพมารอนธการ โอสถอนธการอาจจะเป็นหนึ่งในวิธีการของพวกเขา”
เหล่าจื่อเอ่ยว่า “ขอบคุณเทวีที่ชี้แนะ”
พูดจบ เขาหันหลังเตรียมจากไป
“เหล่าจื่อ เจ้าว่าบรรพชนเต๋าจะอยากกลายเป็นเทพมารอนธการด้วยหรือไม่” เสียงของเทวีตราวินัยแว่วขึ้นอีกครั้ง
วินาทีนั้น ชั้นเมฆาบนท้องนภาพลันหยุดนิ่ง
เหล่าจื่อย้อนถามโดยที่ยังหันหลังให้เทวีตราวินัยอยู่ “เทวีไม่คลุกคลีบ่วงกรรม ไม่ไยดีโชคชะตา เหตุใดถึงใส่ใจโชคชะตาของบรรพชนเต๋าเล่า”
เทวีตราวินัยตอบว่า “เทพมารอนธการคือชนวนเคราะห์ของฟ้าบุพกาล หากบรรพชนเต๋ากลายเป็นเทพมารอนธการจริง หวังว่าเจ้าจะไม่ยึดติดกับสายสัมพันธ์ในอดีต”
เขาเอ่ยทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งแล้วจากไป “หากว่าอาจารย์กลายเป็นเทพมารอนธการจริงๆ กระบี่ของข้าจะหันเข้าหาเขาแน่นอน”
โลกกลับสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง
….
ภายในเขตเซียนร้อยคีรี
หานเจวี๋ยสิ้นสุดการใช้แบบจำลองการทดสอบ ผ่านประสบการณ์ต่อสู้มาหลายร้อยครั้ง ในที่สุดเขาก็สามารถสังหารอริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งพันคนได้อย่างสบายๆ เขาถึงขั้นที่ลองท้าสู้กับอริยะเทพอวี๋เจี้ยนสองพันคนด้วยซ้ำ ถึงแม้จะกินแรง แต่ก็ใช่ว่าจะไร้กำลังต่อกรเลย
ต่อให้ไม่สำแดงโทสะเทพอนธการออกมา ร่างจำลองเทพมารทุกร่างของหานเจวี๋ยก็มีพลังเพียงพอที่จะต่อสู้ตามลำพังได้ทั้งสิ้น
อย่างน้อยก็สู้กับอริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งคนได้ไม่มีปัญหา!
หานเจวี๋ยอารมณ์ดี จึงเริ่มเทศนาธรรมให้เหล่าศิษย์หลายล้านคนในเขตเซียนร้อยคีรี
การเทศนาธรรมครั้งนี้ดำเนินอยู่หนึ่งร้อยปี
หลังเทศนาธรรมจบ หานเจวี๋ยไม่ได้ฝึกบำเพ็ญต่อทันที แต่แยกจักขุวิญญาณเสี้ยวหนึ่งออกมา มุ่งสู่แดนเซียน
มหาเคราะห์ไร้ขอบเขตกำลังจะเริ่มขึ้นทั้งที เขาอยากไปดูสักหน่อย
จักขุวิญญาณจำแลงอยู่ในรูปลักษณ์ของร่างจริงเขา ควบคุมตบะไว้ในระดับเซียนทองต้าหลัว
ตบะเป็นเพียงเปลือกนอกเท่านั้น ต่อให้เป็นครึ่งอริยะ ก็ทำร้ายร่างแยกจักขุวิญญาณของเขาไม่ได้
หานเจวี๋ยวางแผนว่าจะไปสอดส่องที่วังเทพ
ฉินหลิงตัวเอกของมหาเคราะห์ยังอยู่ในวังเทพ
จะว่าไป หานเจวี๋ยยังคงมีความทรงจำเด่นชัดกับวังเทพเสมอมา ในมหาเคราะห์ครั้งก่อน วังเทพเป็นสถานที่รวบรวมบุตรแห่งสวรรค์ในแดนเซียน จนถึงวันนี้ก็ยังคงอยู่
แน่นอนว่า ในส่วนนี้ก็เป็นความดีความชอบของหานเจวี๋ยด้วย หาไม่แล้วจั้งกูซิงจะขึ้นสู่อำนาจได้อย่างไร จะผงาดขึ้นมาได้หรือ
หานเจวี๋ยเหยียบเมฆาเหาะเหินไป ทันใดนั้นเขาพลันนึกถึงมารดาของหานทั่วขึ้นมา วิญญาณของนางถูกผนึกมาเนิ่นนานปานนี้ สมควรปลดปล่อยนางออกมา ให้กลับชาติไปเกิดใหม่ได้แล้วกระมัง
ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ หานเจวี๋ยในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องพะวงมากเกินไปแล้ว ภายในมรรคาสวรรค์ ไม่มีผู้ใดสามารถทำอันตรายคนที่เขาต้องการปกป้องได้
ครั้งหน้าก็แล้วกัน
ครั้งหน้าที่หานเจวี๋ยออกมาท่องแดนเซียนอีกจะปลดปล่อยนางไป
ครั้งนี้นอกจากไปสอดส่องวังเทพแล้ว หานเจวี๋ยยังวางแผนจะไปที่ยมโลกด้วย ไปเยี่ยมเยียนศิษย์คนโตของตนรวมถึงหานซินหยวนบุตรสาวของหานทั่วด้วย
หานทั่วมีบุตรธิดาหนึ่งคู่ บุตรชายก่อตั้งตระกูลหานขึ้น เป็นบรรพบุรุษของหานอวี้ บุตรสาวอย่างหานซินหยวนมุ่งมั่นฝึกบำเพ็ญมาโดยตลอด หลังจากเข้าร่วมเมืองนรก ก็กลายเป็นเทพผีหญิงของเมืองนรกภายใต้การดูแลของหยางเทียนตง ตำแหน่งสูงยิ่ง
ตลอดการเดินทาง หานเจวี๋ยเหาะไปอย่างไม่รีบเร่งนัก ถือโอกาสสังเกตสภาพในปัจจุบันของแดนเซียนไปด้วย
นับตั้งแต่ออกมาท่องแดนเซียนครั้งก่อน เวลาผ่านมาหลายแสนปีแล้ว แดนเซียนในปัจจุบันนี้ย่อมต่างไปจากในอดีต
หานเจวี๋ยสังเกตเห็นว่ากลิ่นอายของเซียนทองต้าหลัวในแดนเซียนทะลุหลักสามพันขึ้นไปแล้ว นี่ยังไม่รวมถึงเซียนทองต้าหลัวที่ออกไปท่องฟ้าบุพกาลด้วย
ครึ่งอริยะก็มีอยู่หลายร้อยคน ยอดเยี่ยมนัก
หลายเดือนต่อมา
ในที่สุดหานเจวี๋ยก็มาถึงวังเทพ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...