อ่านสรุป บทที่ 829 สามล้านปี! จาก ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet
บทที่ บทที่ 829 สามล้านปี! คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่ 829 สามล้านปี!
เมื่อเห็นขุนพลศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ไกลออกไป หานเจวี๋ยอดขมวดคิ้วไม่ได้
แม้จะเป็นแค่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ รัศมีของขุนพลศักดิ์สิทธิ์ก็ยังทำให้เขาตกใจได้ สาเหตุหลักคือรัศมีของขุนพลศักดิ์สิทธิ์หมื่นคนรวมตัวกันแล้วให้ความรู้สึกกดดันเหลือเกิน ตอนที่หานเจวี๋ยเผชิญหน้ากับอริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งหมื่นสองพันคน ก็รับรู้ถึงรัศมีแบบนี้เช่นกัน
เพียงแต่ขุนพลศักดิ์สิทธิ์มีแรงกดดันมากกว่า ยากจะอธิบายออกมาได้
ขุนพลศักดิ์สิทธิ์หมื่นคนเดินเรียงกันเข้ามา ทุกร่างล้วนสูงใหญ่กว่าเขาเทพปู้โจว เสมือนเขาเทพปู้โจวหนึ่งหมื่นลูกเรียงแถวเคลื่อนไปด้านหน้าพร้อมกัน นั่นเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่มากเพียงใดกันเล่า ไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งได้!
โครงกระดูกมโหฬารสั่นไหวนิดๆ ดวงดาวมากมายที่อยู่บนร่างก็ส่องแสงกะพริบขึ้นมา
“พวกเจ้ามาด้วยเหตุใด”
เสียงตะคอกเคร่งขรึมเสียงหนึ่งแว่วดังขึ้น ก้องอยู่ในห้วงอวกาศ
ขุนพลศักดิ์สิทธิ์หมื่นคนไม่ได้เอ่ยตอบ เดินหน้าต่อไป ทะลุผ่านหานเจวี๋ยไปอย่างรวดเร็ว มุ่งสู่โครงกระดูกมโหฬาร
ขณะที่เดินผ่านนาทีนั้น หานเจวี๋ยก็รู้สึกร้อนดั่งนั่งอยู่บนกองเพลิงที่ลุกโหม
ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ราวกับไม่ใช่สิ่งมีชีวิต เป็นเหมือนพลังเวทควบรวมกันเสียมากกว่า แต่สูงส่งเหนือกว่าพลังเวท
เมื่อเห็นขุนพลศักดิ์สิทธิ์เข้ามาใกล้ โครงกระดูกมโหฬารก็สั่นไหว มือข้างหนึ่งพลันยกขึ้นมาซัดเข้าใส่ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ มือข้างนี้ใหญ่โตเพียงใดกันเล่า ฉีกผ่านห้วงอวกาศ เกิดเสียงฟาดปะทะกับห้วงมิติดังสนั่น
ขุนพลศักดิ์สิทธิ์สองรายเหาะออกมา โบกทวนยาวในมือพร้อมกัน พลังศักดิ์สิทธิ์อันน่าหวาดหวั่นสองสายรวมตัวเข้าด้วยกัน ทำลายมือใหญ่ข้างนั้น
ดวงดาวนับไม่ถ้วนบนโครงกระดูกมโหฬารเปล่งแสงเจิดจ้า รวมตัวกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นเงาแสงเจิดจ้าร่างหนึ่ง เป็นเทพมารฟ้าบุพกาล
เทพมารฟ้าบุพกาลตนนี้งอกแขนอีกข้างขึ้นมาใหม่ ชูสองแขนขึ้น แสงเจิดจ้าบนร่างรวมตัวในฝ่ามือ วังวนแสงลูกหนึ่งบังเกิดขึ้น แผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมทั่วทั้งห้วงอวกาศ
วังวนแสงแผ่แรงดึงดูดอันน่าหวาดหวั่นออกมา แม้แต่ห้วงมิติก็พังทลาย ท่ามกลางความมืดมัว หานเจวี๋ยมองเห็นปากใหญ่สีเลือดปากหนึ่งอยู่ด้านใน ยากจะบรรยายถึงความดุร้ายและน่ากลัวของมันได้ ขุนพลศักดิ์สิทธิ์หมื่นคนพลันกรูกันเข้าโจมตี!
ฉากนี้น่าตื่นตะลึงสุดขีด!
เงาร่างมหึมาที่สูงใหญ่ยิ่งกว่าเขาเทพปู้โจวนับหมื่นร่างเข้าโจมตีเทพมารฟ้าบุพกาลพร้อมกัน
แสงเทพบนร่างพวกเขารวมตัวเข้าด้วยกัน ราวกับง้าวยาวเล่มหนึ่งที่กรีดแยกฟ้าบุพกาล ทำลายวังวนแสงลงโดยตรง
“ผู้ก่อกวนฟ้าบุพกาล ตาย!”
เสียงกัมปนาททรงพลังเสียงหนึ่งแว่วขึ้น สั่นสะเทือนห้วงอวกาศ แม้กระทั่งมรรคจิตของหานเจวี๋ยก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
จากนั้น แสงเจิดจ้าก็ระเบิดขึ้น ท่วมทับบดบังสายตาของหานเจวี๋ย
ภาพลวงตาวิวัฒนาการสิ้นสุดลงเท่านี้
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น อดนึกถึงแรงกดดันจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ไม่ได้
ในวินาทีสุดท้าย รัศมีที่ขุนพลศักดิ์สิทธิ์ระเบิดออกมามากกว่าอริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งหมื่นห้าพันคนลงมือพร้อมกันเสียอีก!
ใช่จริงๆ!
ขุนพลศักดิ์สิทธิ์กลุ่มนี้ไม่ธรรมดาเลย ไม่อาจประเมินด้วยความคิดของอริยะมหามรรคทั่วไปได้
‘ข้าอยากรู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าขุนพลศักดิ์สิทธิ์จะลาดตระเวนมาถึงมรรคาสวรรค์’
หานเจวี๋ยถามในใจ
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[สามล้านปี]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
ค่อนข้างกระชั้นชิด
หมื่นขุนพลศักดิ์สิทธิ์เข้าโจมตี หากว่าพวกเขาปิดล้อมเขตเซียนร้อยคีรีไว้ตลอด จะต้องกระทบถึงมรรคาสวรรค์แน่
หานเจวี๋ยเกิดความคิดที่จะทำลายพวกเขาขึ้นมา
ส่วนผลลัพธ์ที่จะตามมาในภายหลัง ก็ค่อยว่ากันในอนาคต
ต่อให้เจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลลงมือด้วยตัวเอง เขาก็ยังซ่อนตัวในอาณาเขตเต๋าได้
ก่อนถึงวันนั้น เขาต้องพยายามยกระดับตบะของตนให้ได้
ส่วนตอนนี้ ยังไม่มั่นคงพอจะปะทะกับหมื่นขุนพลศักดิ์สิทธิ์ ยังไม่อาจสังหารในเสี้ยววินาทีได้
หานเจวี๋ยไม่คิดมากอีก ใช้พลังหลอมดวงดาวในโลกอนธการต่อไป
….
ในห้วงมิติลึกลับแห่งหนึ่ง
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าเงาร่างสูงใหญ่ไร้สิ้นสุดร่างหนึ่งที่มีแสงเทพแผ่ออกมา นอบน้อมอย่างยิ่ง ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
“มหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่เปิดฉากแล้ว เพียงแต่ช่วงเวลาโกลาหลสุดขีดยังมาไม่ถึง”
น้ำเสียงเลื่อนลอยว่างเปล่าแว่วดังขึ้น
จักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายถามเสียงขรึม “ขอบังอาจถามว่าเมื่อมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่เปิดฉากขึ้น เทพมารฟ้าบุพกาลและดวงจิตมหามรรคต่างสำแดงเดช สิ่งมีชีวิตธรรมดาอย่างพวกเราสมควรจะฝ่าเคราะห์ไปอย่างไร”
น้ำเสียงเลื่อนลอยแว่วขึ้นอีกครั้ง “ยากจะบอกได้”
หงหยวนรอคอยอยู่ด้านนอกมรรคาสวรรค์หลายพันปี คาดว่าจะตัดสินใจได้แล้ว
‘หากข้าออกไปพาหงหยวนเข้ามาตอนนี้ จะมีอันตรายหรือไม่’
หานเจวี๋ยถามในใจ หากว่าหงหยวนเป็นตัวเบี้ย โดยมีเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลกำลังสอดส่องทุกอย่างอยู่เล่า
[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ไม่มี]
หานเจวี๋ยรู้สึกโล่งอก ลุกขึ้นมาและเปิดใช้ยอดสมบัติทั่วร่าง ราวกับเทพเผยตัวตน ทั่วทั้งร่างอยู่ท่ามกลางแสงเจิดจ้าแยงตา
เขามาปรากฏตัวเบื้องหน้าหงหยวน
หงหยวนลืมตาขึ้น มองหานเจวี๋ย เอ่ยขึ้นว่า “เมื่อหลายหมื่นปีก่อน มีเทพมารฟ้าบุพกาลตนหนึ่งถูกสังหารอีกแล้ว”
น้ำเสียงของนางเจือความหวาดหวั่น
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “เช่นนั้นเจ้าตัดสินใจอย่างไร”
“ขอพึ่งพาเจ้า! เจ้าจะใช้วิธีการใด ข้ายอมรับได้ทั้งสิ้น!” หงหยวนเอ่ยอย่างจริงจัง
จู่ๆ นางก็ยิ้มหวานคราหนึ่ง “แน่นอนว่าข้าอยากเป็นคู่บำเพ็ญเพียรของเจ้าอยู่”
หานเจวี๋ยยื่นมือออกไปในทันใด ซัดฝ่ามือผนึกสุญญตาใส่ร่างหงหยวน
หงหยวนไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกซัดผนึกใส่เสียแล้ว
หานเจวี๋ยพานางกลับมาในอารามเต๋า โยนเข้าใส่คุกสวรรค์อนธการ
ดวงตางามของหงหยวนเบิกกว้าง จ้องหานเจวี๋ยเขม็ง
“ไปพักเถิด วางใจได้ ไม่ได้จะทำร้ายเจ้า”
หานเจวี๋ยกล่าวไป เมื่อหงหยวนได้ยินก็สบายใจขึ้น
นางตกตะลึงอยู่ในใจ ทราบดีว่าหานเจวี๋ยแข็งแกร่งมาก แต่ไม่คิดว่าจะแข็งแกร่งขนาดนี้
อยู่ต่อหน้าหานเจวี๋ย นางตั้งตัวไม่ทันเลย
อีกอย่างนี่คือวิชาผนึกอันใดกัน
อุกอาจเหลือเกิน!
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...