บทที่ 900 เทพมารปฐมยุค
ท่ามกลางแสงสีม่วง หานเจวี๋ยค่อยๆ เงยหน้าขึ้น เขาสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของตน
กายเนื้อกำลังยกระดับ พลังแกร่งกล้าอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนกำลังหล่อหลอมกระดูกเส้นเอ็น โลกอนธการในส่วนลึกของวิญญาณขยายตัวออกไปอย่างบ้าคลั่ง ไม่อาจหยุดยั้งได้
จากนั้นผิวของหานเจวี๋ยค่อยๆ กลายเป็นแสงสีม่วง เส้นผมที่ดำดุจหมึกซีดจางลงไปเส้นแล้วเส้นเล่า เหลือเพียงเส้นแสงสีขาวสะบัดไหว สองเนตรของเขาเปลี่ยนไป ดูแปลกประหลาดอย่างยิ่ง เสมือนห้วงจักรวาลสองแห่งที่มีดวงดาวอยู่มากมาย
หานเจวี๋ยรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของตน อารมณ์ดีอย่างยิ่ง ไม่มีความทุกข์ทรมานใดเลย
นี่คือประสบการณ์ชั้นยอดอย่างหนึ่ง เป็นความงดงามที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เพลิดเพลินเหนือกว่าทุกสิ่ง
เจตจำนงของเขาพุ่งขึ้นไปเหนือฟ้าบุพกาล ยืนอยู่สูงกว่าอดีตที่ผ่านมา ก้มมองทั่วทั้งฟ้าบุพกาล
ฟ้าบุพกาลดูเล็กจ้อยอย่างยิ่ง พลันเห็นได้ว่าฟ้าบุพกาลถูกห้วงมิติขาวโพลนไร้สิ้นสุดห่อหุ้มเอาไว้ มันดูเหมือนหยดหมึกรอยหนึ่งบนแผ่นกระดาษขาว ส่วนกระดาษขาวแผ่นนี้ก็กว้างใหญ่ไพศาลไร้สิ้นสุด มองไม่เห็นปลายทาง
ในเวลานี้เอง หยดหมึกฟ้าบุพกาลพลันเกิดความเปลี่ยนแปลง ขยายใหญ่อย่างรวดเร็วราวกับถูกเร่งเวลา
เมื่อฟ้าบุพกาลขยายใหญ่ขึ้นมาถึงจุดที่คงตัวแล้ว ฟ้าบุพกาลพลันแตกกระจาย กลายเป็นเศษชิ้นส่วนสีม่วงนับไม่ถ้วนลอยไปทั่วดินแดนเวิ้งว้าง เศษชิ้นส่วนสีม่วงเหล่านี้กระจายตัวออกไปราวกับหมอกม่วงที่แผ่คลุม เข้าครอบคลุมทั่วดินแดนเวิ้งว้างอย่างรวดเร็ว
หรือว่านี่ก็คืออนธการ
ฉากเมื่อครู่แสดงให้เห็นการไหลย้อนกลับของกาลเวลาอย่างนั้นหรือ
หลังจากหมอกสีม่วงขยายปกคลุมดินแดนเวิ้งว้างแล้ว ทั่วทั้งอนธการก็เริ่มหดตัว แม้แต่ดินแดนเวิ้งว้างก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป ในไม่ช้า อนธการก็หดตัวจนมีขนาดใหญ่เท่าฟ้าบุพกาลก่อนหน้านี้ ดูคล้ายหยดหมึกสีม่วงหยดหนึ่ง ส่วนรอบข้างก็มืดสนิทไปหมด
สุญญตา
แล้วอนธการถือกำเนิดขึ้นได้อย่างไร
ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวของหานเจวี๋ย ในใจเริ่มคาดหวังตั้งตารอฉากเปลี่ยนแปลงต่อไป
อนธการยังคงหดตัวอยู่ ผ่านไปเนิ่นนาน ในที่สุดมันก็ไม่หดตัวอีก ทว่าหานเจวี๋ยกลับตกตะลึงอย่างยิ่ง!
ไม่น่าเชื่อเลยว่าอนธการจะกลายสภาพมาจากศีรษะคน!
เป็นศีรษะสีม่วงโล้นเลี่ยนไร้เส้นผมศีรษะหนึ่ง บนหน้ามีตาเก้าดวง แววตาว่างเปล่า ไร้ซึ่งจมูกและปาก
นั่นคือสิ่งใดกัน ไอรีนโนเวล
ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังสงสัยอยู่ ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าพลันพังทลายลง
เจตจำนงของเขากลับสู่โลกแห่งความจริง
กายเนื้อของเขายกระดับเสร็จสิ้นแล้ว
[กายดาราอนธการของท่านได้รับการยกระดับเป็นกายเลิศมรรคาปฐมยุค]
กายเลิศมรรคาปฐมยุคหรือ
หานเจวี๋ยเรียกจอค่าสถานะของตนออกมาตรวจสอบ พบว่าเทพมารอนธการได้เปลี่ยนเป็นเทพมารปฐมยุคแล้ว!
เหนือกว่าอนธการขึ้นไปคือปฐมยุค!
หานเจวี๋ยงุนงงอยู่ในใจ นี่มิใช่คุณสมบัติร่างกายชนิดใหม่หรือ เหตุใดเขาถึงไม่ได้ตั้งชื่อเอง
‘ข้าอยากรู้ว่าในอดีตเคยมีเทพมารปฐมยุคหรือไม่’
หานเจวี๋ยถามในใจ
[ยังไม่เคยมีปรากฏ เพียงแต่มีตัวตนที่เคยตั้งสมมุติฐานนี้ขึ้นมา ระบบอนุมานจากสมมุติฐานนี้แล้ววิวัฒนาการขึ้น จึงมีนามว่าเทพมารปฐมยุค]
‘เป็นผู้ใดที่ตั้งสมมุติฐานนี้ขึ้น’
[เทพมารอนธการรุ่นก่อน]
หานเจวี๋นพลันกระจ่างแจ้ง
ดูเหมือนเทพมารอนธการรุ่นก่อนก็เคยคิดจะยกระดับขีดจำกัดเช่นกัน จนปัญญาที่พลังวิเศษไม่อาจมีชัยเหนือชะตาได้ สุดท้ายก็ยังคงล้มเหลว
มองจากจุดนี้แล้ว ดูเหมือนระบบจะมีความเกี่ยวข้องกับเทพมารอนธการรุ่นก่อนอย่างแน่นแฟ้น
‘ระบบถูกสร้างขึ้นจากเทพมารอนธการรุ่นก่อนใช่หรือไม่’
หานเจวี๋ยถามในใจต่อ
[ไม่ใช่]
ยังไม่ใช่อีกหรือ
เช่นนั้นประวัติความเป็นมาของระบบลึกล้ำมากเพียงใดกัน
หานเจวี๋ยได้แต่ระงับข้อสงสัยไว้ ถึงถามระบบไปก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี
เขาเริ่มทำความเข้าใจกายเนื้อที่เปลี่ยนแปลงไปของตน พลังยอดมหามรรคเปลี่ยนไป กลายเป็นพลังอีกชนิดหนึ่งที่แกร่งกล้ายิ่งกว่าเดิม จึงตั้งชื่ออย่างไม่เป็นทางการไปก่อนว่าพลังปฐมยุค
กายเนื้อของเขาก่อตัวขึ้นจากพลังปฐมยุค อยู่เหนือข้อจำกัดของกายเนื้อแล้ว วิญญาณก็ไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียวอีกต่อไป เขาพบว่าตนสามารถสร้างวิญญาณนับไม่ถ้วนได้อย่างง่ายดาย และวิญญาณเหล่านี้ล้วนถูกควบคุมด้วยเจตจำนงของเขา ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ส่วนโลกอนธการที่อยู่ในส่วนลึกของวิญญาณก็ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิมร้อยเท่า ผสานรวมอยู่ในส่วนลึกของเจตจำนงเขา ไม่ได้อยู่ในมิติวิญญาณแล้ว
แสงสีม่วงบนร่างหานเจวี๋ยเริ่มเปลี่ยนไป สุดท้ายกลายเป็นแสงสีแดง แสงสีแดงหดตัวลง เขากลับสู่รูปลักษณ์ดั้งเดิมอย่างรวดเร็ว เพียงแต่บนหน้าผากเขาปรากฏลวดลายประหลาดพิสดารหลายต่อหลายเส้นขึ้น แก้วตาก็เป็นสีแดง ผมขาวทั่วศีรษะร่วงไปหมด เหนือศีรษะมีห้วงดาราขนาดเล็กแห่งหนึ่งปรากฏขึ้น เป็นภาพมายาของโลกอนธการ
หืม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...