บทที่ 907 อริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งแสนห้าหมื่นคน
“ข้ายังอายุไม่ถึงหมื่นปีจริงๆ เพียงแต่พวกเจ้าก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกัน อย่างน้อยก็ทำให้ข้าได้ปรับมุมมองใหม่ ดูเหมือนพวกเจ้าจะมีพลังแฝงที่แตกต่างกัน มาประลองกับข้าทีละคนเถอะ”
หานฮวงกวาดตามองเหล่าเทพมารพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม สำหรับเรื่องนี้ เหล่าเทพมารไม่ได้คัดค้าน ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางตายในแบบจำลองการทดสอบ พวกเขาก็อยากลองวัดพลังของหานฮวงดูเช่นกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ หานฮวงต่อสู้กับเหล่าเทพมารอย่างรวดเร็ว
อีกด้านหนึ่ง หานเจวี๋ยเทศนาธรรมแก่ลี่เหยาและอู้เต้าเจี้ยนอยู่ในอารามเต๋า
สิบปีต่อมา เขาถึงได้พาหานฮวงจากไป
ภายในระยะเวลาสิบปี เหล่าเทพมารล้วนถูกพรสวรรค์ของหานฮวงเคี่ยวกรำ หานเจวี๋ยคาดว่าหากในอนาคตเขาลงจากตำแหน่ง ยกตำแหน่งเจ้าสำนักซ่อนเร้นให้หานฮวงไป อย่างน้อยหานฮวงก็ยังได้รับการสนับสนุนจากเทพมารฟ้าบุพกาลทั้งห้าสิบเอ็ดตน
เมื่อกลับมาถึงอารามเต๋าแห่งที่สาม
หานฮวงเบะปากเอ่ยว่า “เหตุใดต้องพาข้ากลับมาด้วย ข้าอยากอยู่ที่นั่น”
หานเจวี๋ยยิ้มแล้วเอ่ยติ “เจ้าเอาแต่รังแกพวกเขาทุกวัน เจ้าย่อมรู้สึกสนุกอยู่แล้ว นึกถึงแต่ก่อนที่เจ้าพ่ายแพ้เจียงเจวี๋ยซื่ออยู่ตลอดสิ เจ้ารู้สึกสนุกหรือไม่เล่า”
“ตอนนี้เขาต้องสู้ข้าไม่ได้แล้วแน่นอน ท่านเรียกเขามาเลย!”
หานฮวงเอ่ยด้วยความหงุดหงิด เมื่อเขาเติบใหญ่ขึ้น เขาก็มีความมั่นใจในตัวเอง ความพ่ายแพ้ในตอนนั้นเป็นความอัปยศเพียงอย่างเดียวในชีวิตเขา
หานเจวี๋ยถาม “อะไรกัน เจ้ายังชิงชังเขาอยู่อีกหรือ ไยเจ้าถึงใจแคบเยี่ยงนี้”
หานฮวงแค่นเสียง “ย่อมมิใช่เช่นนั้น ในเมื่อเป็นศิษย์ร่วมสำนัก ข้าไหนเลยจะชังเขาได้ ข้าเพียงไม่ยอมรับว่าข้าแพ้เท่านั้น”
“ออกไปหาที่ฝึกบำเพ็ญคนเดียวเถอะ ต่อไปไม่ต้องมาอยู่ข้างกายข้าแล้ว นับจากวันนี้ไป ข้าจะปิดด่านตามปกติ ปิดด่านทุกครั้งล้วนใช้เวลาหนึ่งแสนปี”
หานเจวี๋ยโบกมือพลางเอ่ย
หนึ่งแสนปีหรือ
หานฮวงตาลุกวาว ยิ้มมุมปากนิดๆ
เขาคารวะลาทันที หันหลังดินออกไปจากอารามเต๋า
หานเจวี๋ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในที่สุดก็ได้ฝึกบำเพ็ญอย่างสบายใจแล้ว
ถึงแม้การได้เห็นหานฮวงเติบโตก็นับว่าไม่เลวเลย แต่สุดท้ายพอบุตรชายกำลังแข็งแกร่งขึ้น สิ่งที่ทำให้เขาพอใจที่สุดยังคงเป็นการที่ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น
หานเจวี๋ยยึดมั่นในหลักการเพียงอย่างเดียวเสมอมา นั่นคือพึ่งพาตัวเอง!
หลังจากกลายเป็นเทพมารปฐมยุค หานเจวี๋ยก็ยังไม่ทราบว่าขีดจำกัดของตนอยู่ระดับใด ก่อนหน้านี้ที่สังหารอริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งแสนคนได้ในเสี้ยววินาทียังไม่ใช่ขีดจำกัด ตอนนี้ได้โอกาสทดลองต่อพอดี
หานเจวี๋ยเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบ
เขาคัดลอกอริยะเทพอวี๋เจี้ยนขึ้นมาหนึ่งแสนห้าหมื่นคน!
อริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งแสนห้าหมื่นคนน่ากลัวเพียงใดเล่า ช่วงแรกหานเจวี๋ยถูกข่มไว้ แต่ไม่นานนัก เขาก็พลิกเป็นฝ่ายได้เปรียบ สุดท้ายใช้เวลาไปหนึ่งก้านธูปถึงทำลายล้างอริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งแสนห้าหมื่นคนได้!
หานเจวี๋ยท้าสู้ต่อไป
ผ่านไปหลายร้อยครั้ง เขาก็สามารถทำลายล้างอริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งแสนห้าหมื่นคนได้ภายในสามลมหายใจ
นี่เป็นขีดจำกัดแล้ว ถึงอย่างไรระดับยอดมหามรรคก็ไม่ใช่คนธรรมดา
หากว่านี่เป็นโลกความจริง คิดจะทำลายล้างยอดมหามรรคหนึ่งแสนห้าหมื่นคนคงยากยิ่ง
ถึงอย่างไรยอดมหามรรคก็หนีได้ คู่ต่อสู้ในแบบจำลองการทดสอบก็ทำได้แค่สู้จนตัวตาย
หลังจากหานเจวี๋ยแน่ใจในพลังของตนแล้วก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่านัก ฝึกบำเพ็ญต่อทันที
ต้องทะลวงระดับให้ได้โดยเร็ว จะได้สังหารอริยะเทพอวี๋เจี้ยนหนึ่งแสนห้าหมื่นคนในเสี้ยววินาที!
….
มวลเมฆโอบล้อม ขุนเขาตระหง่านเรียงซ้อน ดูคล้ายขั้นบันได เชื่อมสู่ท้องฟ้า มองไม่เห็นปลายทาง
บนเนินเขาลูกหนึ่ง เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวน เจียงอี้ เหล่าตาน หานทั่วและอี๋เทียนกำลังร่ำสุราสนทนากันอยู่ในศาลา
“กล่าวเช่นนี้คือ อีกไม่นานเจ้าหนูหานฮวงคนนั้นก็สามารถพิสูจน์มหามรรคได้แล้วอย่างนั้นหรือ จุ๊ๆ คุณสมบัติห่างชั้นกันโดยแท้ เหตุใดหานทั่วถึงไม่ร้ายกาจเช่นนี้เลยเล่า” อี๋เทียนโคลงจอกสุรา ร้องจุ๊ๆ ออกมา
หานทั่วยิ้มอย่างจนใจ “ตบะในช่วงที่ท่านพ่อให้กำเนิดข้ากับในช่วงที่ให้กำเนิดน้องชายข้าแตกต่างกันลิบลับ คุณสมบัติของพวกเราสองพี่น้องย่อมมีความแตกต่าง”
เหล่าตานเอ่ยด้วยความสะท้อนใจ “คุณสมบัติระดับนี้มิใช่แค่ห่างชั้นเท่านั้น แต่เป็นไม่เคยมีปรากฏมาก่อนเลย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน”
เจียงอี้เอ่ยยิ้มๆ “ศิษย์น้องเล็กมีคุณสมบัติตั้งต้นระดับนี้ ไม่ทราบเช่นกันว่าจะมีความอดทนต่อการฝึกบำเพ็ญหรือไม่
คนอื่นๆ ก็พากันพูดคุยขึ้นมา หานฮวงกลายเป็นหัวข้อสนทนาไปแล้ว
หานทั่วยิ้มหน้าบาน ถึงแม้จะยังไม่เคยพบหานฮวง แต่เขาชื่นชอบน้องชายคนนั้นของตนยิ่งนัก
เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาก็ทำให้เขามีหน้ามีตาแล้ว เขาจะไม่ชอบได้หรือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...