บทที่ 943 ความภูมิใจของอริยะสวรรค์ ความภาคภูมิใจของมรรคาสวรรค์
พอคุยกับจักรพรรดิสวรรค์ผู้ชั่วร้ายเสร็จ หานฮวงก็ไปหาเจียงเจวี๋ยซื่อ
เจียงเจวี๋ยซื่อเอ่ยอย่างลังเลว่า “อาจารย์ไม่ได้แจ้งให้ข้ารู้ หากว่าข้าไป เกรงว่าคงไม่เหมาะกระมัง”
หานฮวงโบกมือพลางเอ่ยว่า “เขาก็ไม่ได้แจ้งข้าเช่นกัน แต่ข้าอยากไปร่วมวงครื้นเครง ศิษย์พี่ ไปด้วยกันเถอะ เหตุผลที่ท่านพ่อไม่ได้แจ้งท่านอาจเป็นเพราะท่านยังไม่ได้เข้าร่วมสำนักซ่อนเร้น แต่ไม่ว่าอย่างไรท่านก็เป็นศิษย์ของท่านพ่อเช่นกัน หากว่าท่านไป ด้วยตบะระดับอริยะมหามรรคของท่าน ต้องทำให้งานชุมนุมสำนักซ่อนเร้นโดดเด่นขึ้นมากแน่นอน”
พอได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ เจียงเจวี๋ยซื่อก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผลจึงอดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับ เผยรอยยิ้มออกมา
เขาก็ตั้งตารอพบเหล่าศิษย์พี่ร่วมอาจารย์เช่นกัน
หานฮวงเห็นว่าเขายอมตกลงแล้ว ก็ไม่ได้รบกวนต่ออีก ไปแจ้งให้หานชิงเอ๋อร์ทราบต่อ
หลายหมื่นปีต่อมา ประตูมหามรรคได้ต้อนรับการพิสูจน์มหามรรคของบุตรแห่งสวรรค์อีกหลายคน สร้างความตื่นตะลึงให้เหล่าผู้ทรงพลังฟ้าบุพกาล
ระยะนี้มีผู้บำเพ็ญพิสูจน์มหามรรคมากเกินไปแล้ว มากยิ่งกว่ายุคสมัยใดๆ ก่อนหน้านี้
พวกเขาล้วนรู้สึกได้ถึงสัญญาณอันตราย
ฟ้าบุพกาลดูเหมือนจะสงบสุข ทว่าสำหรับตัวตนเก่าแก่อาวุโสอย่างพวกเขาเหล่านี้กลับไม่ใช่เรื่องดีเลย ตบะของพวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเข้าสู่สภาวะคอขวด เมื่อชนรุ่นหลังผงาดขึ้นมา อำนาจและผลประโยชน์ของพวกเขาก็ล้วนจะถูกลิดรอนลง
จนปัญญาที่เทพมหาทัณฑ์ทรงพลังเกินไป ให้การปกป้องบุตรแห่งสวรรค์มากยิ่ง สั่งห้ามไม่ให้ตัวตนอาวุโสลงมือกับชนรุ่นหลังอย่างเด็ดขาด
แน่นอน นี่เป็นเพียงความรู้สึกของเหล่าอริยะมหามรรคเท่านั้น สำหรับสรรพสิ่งฟ้าบุพกาลแล้ว ยุคสมัยในยามนี้รุ่งเรืองโชติช่วงนัก
ยิ่งมีบุตรแห่งสวรรค์ผงาดขึ้นมามากขึ้นเท่าไร จำนวนของสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาลก็เพิ่มพูนขึ้นเช่นกัน ชื่อเสียงของอริยะสวรรค์เกรียงไกรและดวงจิตมหามรรคค่อยๆ ถูกชนรุ่นหลังเข้าแทนที่
ระยะเวลาหนึ่งแสนปีสำหรับสิ่งมีชีวิตฟ้าบุพกาลนับว่ายาวนานอย่างยิ่ง แต่สำหรับระดับเสรีขึ้นไป ระยะเวลาทุกแสนปีก็เป็นเพียงหนึ่งยุคหนึ่งสมัยเท่านั้น
ณ ก้นบึ้งฟ้าบุพกาล นภาสูงปฐพีไพศาล หมอกหนาขุ่นมัวบดบังครอบคลุมทุกสิ่งในฟ้าดินนี้
จู่ๆ เต้าจื้อจุนก็ลุกขึ้นยืน เอ่ยกับเหล่าตานที่อยู่ห่างไปไม่ไกลว่า “ตาเฒ่า พวกเราเตรียมจะกลับไปที่มรรคาสวรรค์แล้ว”
จ้าวเซวียนหยวนและเจียงอี้ลืมตาขึ้น ต่างแสดงสีหน้าคาดหวังตั้งตารอ
พวกเขาเพิ่งพิสูจน์มหามรรคสำเร็จเมื่อไม่นานนี้ จิตใจฮึกเหิมนัก
เหล่าตานผงะไป เอ่ยถามว่า “เหตุใดต้องกลับไป พวกเจ้าล้วนพิสูจน์มหามรรคแล้ว จะกลับไปทำไมอีก มิใช่ว่าพวกเจ้าเตรียมจะบุกเบิกมรรควิถีแห่งตนหรอกหรือ”
เต้าจื้อจุนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นคำสั่งของท่านอาจารย์ เรียกรวมตัวศิษย์สำนักซ่อนเร้น แล้วพวกเราจะไม่ไปได้อย่างไร”
“ใช่แล้ว! ถือโอกาสกลับไปประกาศศักดาได้พอดี!”
“อาจารย์ต้องทราบแล้วแน่ๆ ว่าพวกเราพิสูจน์มหามรรคสำเร็จ คงได้แต่ไปประกาศศักดากับศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นๆ แล้ว”
เจียงอี้และจ้าวเซวียนหยวนเอ่ยตอบโต้คล้อยตาม ทั้งสองล้วนตื่นเต้นยิ่งนัก สีหน้าคาดหวังรอคอย
เหล่าตานเงียบไป 艾琳小說
เต้าจื้อจุนเข้าใจความรู้สึกของเขาจึงเอ่ยยิ้มๆ ว่า “ตาเฒ่า พวกเราไม่ได้ทำงานรับใช้มรรคาสวรรค์ แต่ถึงอย่างไรมรรคาสวรรค์ก็เป็นรากเหง้าของพวกเรา เจ้าเองก็มีพระคุณต่อพวกเราเช่นกัน พวกเราไม่มีทางลืมเจ้าแน่ แต่พวกเราไม่มีทางยอมสวามิภักดิ์ต่อโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ
“วันหน้าพวกเราสี่คนยังสามารถบุกเบิกมรรควิถีร่วมกันได้ กลายเป็นตัวสมานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างมรรคาสวรรค์และโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ ฟ้าบุพกาลกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ ไยสองดินแดนต้องแก่งแย่งชิงดีกันด้วย ขยายอิทธิพลออกไปยังภายนอกด้วยกันเถอะ ร่วมมือกันพัฒนาไม่ดีกว่าหรือ
“ขอเสริมอีกอย่าง แม้ว่าพวกเราจะให้ความช่วยเหลือโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ โลกอริยะไตรวิสุทธิ์ก็ไม่มีโอกาสชนะใดๆ อยู่ดี เจ้าเองก็รู้ว่าหากยังมีท่านอาจารย์ของพวกเราอยู่ โลกอริยะไตรวิสุทธิ์ไม่มีทางสู้มรรคาสวรรค์ได้”
วาจาในส่วนแรกเต้าจื้อจุนเอ่ยอย่างมีไมตรียิ่ง แต่วาจาส่วนหลังกลับไร้เยื่อใยนัก
เหล่าตานขุ่นเคือง ทว่าจำเป็นต้องยอมรับ
นี่คือความจริง
อริยะสวรรค์เกรียงไกรคือตัวตนที่เหนือชั้นที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุด ทุกคนล้วนต้องแหงนคอมอง รวมถึงอริยะไตรวิสุทธิ์แห่งโลกอริยะไตรวิสุทธิ์ด้วย
เหล่าตานมองเต้าจื้อจุนที่มีสีหน้าเคร่งขรึม หดหู่อยู่ในใจ
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรไม่ได้ไยดีเจ้าเด็กสามคนนี้เลย แต่กลับได้รับความภักดีจากพวกเขาอย่างสุดจิตสุดใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...