บทที่ 944 งานชุมนุมบุตรแห่งสวรรค์
“เจ้านิกาย ข้าตัดสินใจแล้วว่าต่อไปจะอยู่แต่ในมรรคาสวรรค์ ฟ้าบุพกาลมีสีสันจริงๆ แต่ข้าก็ได้รับโชควาสนาอันยิ่งใหญ่มาแล้ว ไม่จำเป็นต้องออกไปเสี่ยงอันตรายอีก”
ชิงเทียนเสวียนจีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม สีหน้ามั่นใจ
เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยยิ้มพลางพยักหน้ารับ กล่าวไปว่า “กลับมาก็ดีแล้ว ยังเหลือเวลาอีกห้าล้านกว่าปี เจ้าต้องเร่งฝึกบำเพ็ญแข่งกับเวลา จะต้องคว้าตำแหน่งเลิศล้ำหมื่นยุคมาให้ได้!”
ชิงเทียนเสวียนจีเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย่อหยิ่ง “นั่นย่อมแน่นอนอยู่แล้ว”
สองอริยะสบตากันพลางหัวเราะเสียงดัง
ชิงเทียนเสวียนจีเบี่ยงหัวข้อสนทนาถามไปว่า “ระยะนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในมรรคาสวรรค์หรือ ข้าสัมผัสได้ว่ามีอริยะเสรีมาเยือนไม่น้อยเลย อีกทั้งบนกายก็ไม่มีดวงชะตามรรคาสวรรค์”
เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สำนักซ่อนเร้นเตรียมจัดงานชุมนุมรวมตัวศิษย์ ย่อมเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โต ตอนนี้สำนักซ่อนเร้นขยายสาขาออกไปทั่วฟ้าบุพกาล อย่าว่าแต่ศิษย์รุ่นที่สองหรือรุ่นที่สามเลย แม้แต่ศิษย์รุ่นที่สี่ รุ่นที่ห้าหรือรุ่นที่หกก็ประสบความสำเร็จยิ่งนักในฟ้าบุพกาล มารวมตัวกันครานี้ย่อมยิ่งใหญ่สะท้านสะเทือน”
ชิงเทียนเสวียนจีนึกสนใจขึ้นมา ถามยิ้มๆ “ข้าสามารถเข้าร่วมด้วยได้หรือไม่ ว่ากันตามตรงแล้ว ข้าก็สนใจในสำนักซ่อนเร้นยิ่งนัก”
เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยส่ายหน้าตอบไปว่า “ช่วงนี้มรรคาสวรรค์ต้องคึกคักแน่ หากเจ้าอยากติดต่อทำความรู้จักศิษย์สำนักซ่อนเร้น ย่อมไปติดต่อทำความรู้จักได้ แต่หากต้องการเข้าไปในเขตเซียนร้อยคีรี เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ อีกทั้งเจ้าก็มิใช่ศิษย์สำนักซ่อนเร้น”
ไม่มีผู้ใดกล้าล้อเล่นกับอริยะสวรรค์เกรียงไกร โดยเฉพาะในแวดวงอริยะมรรคาสวรรค์
สำหรับงานรวมตัวของสำนักซ่อนเร้น เหล่าอริยะมีเพียงความอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น ไม่ได้กังวลเลย
หากว่าอริยะสวรรค์เกรียงไกรต้องการยึดอำนาจ เดิมทีไม่จำเป็นต้องวุ่นวายเช่นนี้เลย สั่งการประโยคเดียวก็เพียงพอแล้ว
ที่มรรคาสวรรค์ยังมีกลุ่มอิทธิพลฟ้าบุพกาลนับไม่ถ้วนมาแวะพักอยู่ด้วย ส่วนใหญ่มาเพื่อประเมินมรรคาสวรรค์ ต้องการจับมือเป็นพันธมิตรกับมรรคาสวรรค์ จะได้ใช้ชื่อเสียงของสำนักซ่อนเร้นข่มขวัญกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ในฟ้าบุพกาลได้พอดี
ชั่วขณะนั้น สำนักซ่อนเร้นยุ่งง่วน เหล่าอริยะมรรคาสวรรค์ก็ยุ่งง่วนอยู่เช่นกัน
….
ระยะเวลาหมื่นปีผ่านไปรอบแล้วรอบเล่า
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ยืดเนื้อตัวบิดขี้เกียจ
หนึ่งแสนปีผ่านไปอีกครา ปลอดโปร่งอย่างแท้จริง
หานเจวี๋ยเริ่มตรวจดูจดหมาย ในช่วงหนึ่งแสนปีมานี้แวดวงสหายสงบสุขอย่างยิ่ง สงบสุขยิ่งกว่าอดีตที่ผ่านมา
พอตรวจจดหมายเสร็จ เขาก็เริ่มสอดส่องโลกอนธการ ดฮณ๊ฯดฯฌซ,
ผ่านไปหลายชั่วยาม เขาถึงค่อยๆ ลุกขึ้นมา
เขาพาชิงหลวนเอ๋อร์และสิงหงเสวียนเคลื่อนย้ายมายังอารามเต๋าหลักพร้อมกัน
สตรีทั้งสองลืมตาขึ้น พอเห็นว่าทิวทัศน์ตรงหน้าเปลี่ยนไปก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง
หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “งานชุมนุมสำนักซ่อนเร้นกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วจึงพาพวกเจ้ามาชมดู พวกเจ้าจะออกไปเที่ยวเล่นก่อนก็ได้”
สตรีทั้งสองคลี่ยิ้มทันที พวกนางย่อมอยากเข้าร่วมงานชุมนุมรื่นเริงด้วย เพียรบำเพ็ญมานานหลายยุค สมควรผ่อนคลายสูดอากาศบ้างเช่นกัน
หลังจากสตรีทั้งสองออกไป หานเจวี๋ยเรียกหลี่เสวียนเอ้ามาหา
ภายในอาณาเขตเต๋าหลักมีร่างแยกของหานเจวี๋ยอยู่ ติดต่อกับหลี่เสวียนเอ้าได้ตลอดคอยเปิดทางให้คนเข้าออก ตอนนี้ในเขตเซียนร้อยคีรีมีศิษย์สืบทอดกลับมาเป็นจำนวนมากแล้ว ยกตัวอย่างเช่นฉู่ซื่อเหริน เต้าจื้อจุน จ้าวเซวียนหยวนเป็นต้น
หลี่เสวียนเอ้าเข้ามาในอารามเต๋า ข่มความตื่นเต้นไว้พลางคุกเข่าคารวะ
สำนักซ่อนเร้นไม่เคยจัดงานใหญ่เช่นนี้มาก่อน ทรงอิทธิพลอย่างยิ่ง ตัวเขาคือคนที่ได้หน้ามากที่สุด เนื่องจากเขาคือผู้อำนวยการจัดงานขึ้น ศิษย์ทั้งหมดล้วนไว้หน้าเขา แม้แต่อริยะมรรคาสวรรค์เหล่านั้นหรือเหล่าผู้ทรงพลังฟ้าบุพกาลก็ล้วนทักทายด้วยรอยยิ้ม
หานเจวี๋ยถาม “เริ่มงานได้ตอนไหน”
หลี่เสวียนเอ้าตอบว่า “รอเพียงคำสั่งจากท่านเท่านั้นขอรับ แจ้งข้าล่วงหน้าสักสองสามวันก็พอขอรับ”
หานเจวี๋ยเอ่ยยิ้มๆ “เตรียมเปิดงานเถอะ ช่วงนี้ข้าจะอยู่ที่เขตเซียนร้อยคีรีตลอด”
หลี่เสวียนเอ้าพยักหน้ารับคำแล้วถอยออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...