บทที่ 945 ตัวประหลาด เผชิญเคราะห์
“เจ้าเป็นใคร ต้องการจะทำอะไรกันแน่”
เจียงเจวี๋ยซื่อถามเสียงขรึม มือซ้ายที่ไพล่อยู่หลังเอวกำเป็นหมัด กำลังสั่งสมพลังแห่งมหาโชคอยู่
เซียนพเนจรมองพวกเขาจากมุมสูง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หานฮวง บุตรแห่งอริยะสวรรค์เกรียงไกร เสรีแต่กำเนิด เลิศล้ำอย่างที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน เยี่ยมยอดมากจริงๆ หากไม่มีเหตุเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น เจ้าจะได้ครอบครองฟ้าบุพกาล”
หานฮวงมองเขาด้วยความโกรธเกรี้ยว ไม่ยอมเอ่ยวาจา
เซียนพเนจรมองไปที่เจียงเจวี๋ยซื่อต่อ เอ่ยว่า “มหาโชคแต่กำเนิด ก้าวเดินบนวิถีสูงสุดด้วยวิธีการที่ไม่เคยมีผู้ใดเคยทำมาก่อน ชะตากรรมของเจ้าก็เป็นเส้นทางแห่งผู้ไร้พ่ายเช่นเดียวกัน
“พวกเจ้าสองคนต่างมีดวงชะตาไร้พ่าย ทว่ากลับเลือกเดินเคียงไหล่กัน ไม่ช้าก็เร็วใครสักคนจะต้องเพลี่ยงพล้ำ
“ผู้ที่อยู่เหนือเศียรของพวกเจ้าทั้งสองก็มีดวงชะตาไร้พ่ายเช่นกัน ผู้มีชะตาไร้พ่ายทั้งสามมาบรรจบกัน นี่หาใช่เรื่องดีไม่”
หานฮวงยิ้มออกมาด้วยความโมโห ร้องด่าว่า “คำลวงยุยงคน ที่แท้ขังพวกเราไว้ก็เพราะคิดจะเล่นงานท่านพ่อของข้ากระมัง คนอย่างเจ้าช่างไม่เจียมตัวเสียบ้างเลยจริงๆ หากมิใช่เพราะเจ้าครอบครองยอดสมบัติชิ้นนั้น ก็ยังไม่แน่ว่าจะสู้ข้าได้ มีพลังแค่นี้ยังคิดจะเป็นศัตรูกับท่านพ่อของข้าอีกหรือ”
หานชิงเอ๋อร์พยักหน้าคล้อยตาม เยาะหยันเช่นกัน
เจียงเจวี๋ยซื่อไม่ได้เอ่ยวาจาแต่ตั้งท่าเฝ้าระวัง พร้อมลงมือได้ทุกเมื่อ
เซียนพเนจรเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้ายังเยาว์วัยจึงไม่เข้าใจคำพูดของข้า แต่พวกเจ้าต้องทราบไว้อย่างหนึ่ง นับแต่อดีตกาลมา สุดยอดผู้แข็งแกร่งมีได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ผานกู่เคยอยู่ในจุดนั้น บรรพชนเต๋าเคยอยู่ในจุดนั้น บรรพชนเทพปฐมกาลเคยอยู่ในจุดนั้น ดวงจิตบรรพกาลเคยอยู่ในจุดนั้น ตอนนี้เป็นตาของอริยะสวรรค์เกรียงไกร พวกเจ้าคิดว่าเขาจะครองตำแหน่งไปได้ตลอดกาลเช่นนั้นหรือ แล้วพวกเจ้าเล่าไม่อยากนั่งในตำแหน่งนี้บ้างหรือ”
เขาชูสองมือขึ้นมา ทันใดนั้นเมฆลมบนนภาเหนือป่าไม้พลันแปรปรวน อสนีบาตร้องคำราม ภาพมายาน่าหวาดหวั่นปรากฏเลือนรางอยู่ท่ามกลางเมฆาสายฟ้า
พวกหานฮวงทั้งสามหวั่นวิตกยิ่ง ไม่ทราบว่าคนผู้นี้คิดจะทำอะไร
หยกแดงทรงจันทร์ครึ่งดวงชิ้นหนึ่งลอยเหาะขึ้นมาเหนือหัวเขา หมุนวนด้วยความเร็วสูง เกิดประกายแสงนับไม่ถ้วนหักเหส่องเจิดจ้าไปทั่วฟ้าดิน
“มาแล้ว! เป็นสมบัติชิ้นนั้นอีกแล้ว!”
หานฮวงสบถ น้ำเสียงเจือความจนปัญญาเล็กน้อย ไอรีนโนเวล
เซียนพเนจรแย้มยิ้มแปลกพิกล หยกแดงทรงจันทร์ครึ่งดวงพลันสลายตัวลง ท้องนภาพังถล่มลงมาในทันใด พฤกษาสูงนับหมื่นจั้งสลายเป็นเถ้าธุลีปลิดปลิว พวกหานฮวงทั้งสามรู้สึกเพียงว่าเจตจำนงถูกโจมตีอย่างรุนแรง ทุกอย่างจมลงสู่ความมืดมิด
….
ณ แดนเซียน ภายในเมืองหนึ่งของเผ่ามนุษย์
หานเจวี๋ยที่ระงับแสงเทพจากสมบัติวิเศษไว้กำลังฟังนักพรตเต๋าชราคนหนึ่งเล่าถึงความยิ่งใหญ่ของงานชุมนุมสำนักซ่อนเร้นอยู่ภายในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
แดนเซียนในปัจจุบันนี้กระแสการบำเพ็ญเฟื่องฟูยิ่ง เรื่องใหญ่ทั้งหมดในมรรคาสวรรค์ล้วนถ่ายทอดแพร่กันไปทั่ว ถึงขั้นที่บางครั้งก็ได้ยินเรื่องสถานการณ์บางอย่างในฟ้าบุพกาลด้วย
ไม่ง่ายเลยกว่าจะออกมาสักครา หานเจวี๋ยย่อมอยากผ่อนคลายดีๆ สักหน่อย
เขาท่องเที่ยวในแดนเซียนมาหลายสิบปีแล้ว พบเห็นเรื่องน่าสนใจมากมาย
ในเวลานี้เอง จู่ๆ หานเจวี๋ยก็รับรู้ได้ถึงบางสิ่ง พลันขมวดคิ้วขึ้นมา
สายเลือดพลุ่งพล่านนัก!
เกิดเหตุขึ้นกับทายาท!
หานเจวี๋ยทำนายดูทันที พบว่าหานฮวง หานชิงเอ๋อร์และเจียงเจวี๋ยซื่อหายตัวไปทั้งสามคน ด้วยตบะระดับเขาก็ยังทำนายถึงไม่ได้
น่าประหลาดจริงๆ!
หานเจวี๋ยจำเป็นต้องใช้ความสามารถวิวัฒนาการ
‘ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้พวกหานฮวงอยู่ที่ไหน’
[ไม่สามารถวิวัฒนาการถึงบ่วงกรรมได้]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว เขาเรียกจอค่าความสัมพันธ์ออกมา พบว่ารูปประจำตัวของทั้งสามยังอยู่
ในเมื่อยังอยู่แล้วเหตุใดจึงทำนายถึงไม่ได้
ในฟ้าบุพกาลยังมีสถานที่ที่ทำนายไม่ได้อีกหรือ
ช้าก่อน!
‘ดินแดนเวิ้งว้างไร้ซึ่งบ่วงกรรม ระบบไม่สามารถวิวัฒนาการถึงได้ ถูกหรือไม่’
[ถูกต้อง]
ข้อความนี้ทำให้หัวใจของหานเจวี๋ยจมดิ่งลงสู่เหวลึก
สิ่งมีชีวิตธรรมดาไม่สามารถไปที่ดินแดนเวิ้งว้างได้!
หรือว่าทั้งสามจะถูกลอบโจมตี
เขาเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู
[หานฮวงบุตรชายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ ได้รับบาดเจ็บสาหัส]
[หานชิงเอ๋อร์บุตรสาวของท่าน…]
….
หานเจวี๋ยยกมือขวาเท้าคาง เอ่ยถามอย่างสนใจยิ่ง
เด็กน้อยเอ่ยเสียงดังยิ่ง แต่แขกเหรื่อรอบข้างคล้ายจะไม่ได้ยินเลย ไม่มีผู้ใดสนใจพวกเขา
เด็กน้อยยิ้มเผล่เอ่ยไปว่า “ทุกอย่างที่เจ้าห่วงใยล้วนจะหันกลับมาแว้งกัดเจ้า ตอนนี้มีคนชมชอบมากเพียงใด วันหน้าจะมีคนชิงชังคั่งแค้นมากเท่านั้น
“ในอดีตข้าก็เคยประสบมาแล้วเช่นกัน ผู้เยาว์เอ๋ย หลังจากนี้เคราะห์ภัยอันหนักหนากำลังจะเข้ามาหาเจ้า เจ้าอาจจะมองทะลุทั่วฟ้าบุพกาลแล้ว แต่ยังไม่แน่ว่าเจ้าจะมองทะลุถึงแก่นแท้แห่งฟ้าบุพกาล”
หานเจวี๋ยหุบยิ้ม เอ่ยถามตรงๆ “บรรพชนเต๋ากระมัง”
เด็กน้อยลุกขึ้นเดินออกไป โบกมือให้พลางเอ่ยว่า “บรรพชนเต๋าหรือ นั่นคือสมญานามอย่างหนึ่งที่สรรพสิ่งตั้งให้ข้า เมื่อสรรพสิ่งไม่ต้องการบรรพชนเต๋าแล้ว บรรพชนเต๋าย่อมไม่มีตัวตนอีกต่อไป”
หานเจวี๋ยมองตามหลังเด็กน้อยที่เดินจากไป
เขารับรู้ได้ว่าเด็กน้อยคนนี้เป็นมนุษย์ธรรมดา ไม่มีดวงชะตาพิเศษใดๆ คาดว่าคงถูกเจตจำนงบรรพชนเต๋าเข้าสิงร่าง
บรรพชนเต๋าซ่อนตัวอยู่ในมรรคาสวรรค์จริงๆ ด้วย
เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นกับพวกหานฮวง เขาก็ได้พบบรรพชนเต๋าเลย
มีเงื่อนงำเกินไปแล้ว!
หานเจวี๋ยไม่ได้จากไป แต่ถามในใจว่า ‘เคราะห์ภัยที่บรรพชนเต๋ากล่าวถึงคืออะไร’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยร้อยล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
จากนั้นจิตรับรู้ของหานเจวี๋ยก็เข้าสู่ภาพลวงตาวิวัฒนาการ
เขาลืมตาขึ้น พบว่าตนยืนอยู่บนเขาเพียรบำเพ็ญเซียน
เมื่อทอดสายตามองออกไป ทั่วท้องนภามีเงาร่างนับไม่ถ้วนลอยนิ่งอยู่ เป็นศิษย์สำนักซ่อนเร้นทั้งสิ้น สุดปลายขอบเขตผืนแผ่นดินของเขตเซียนร้อยคีรีมีพฤกษาใหญ่มโหฬารตั้งตระหง่านเชื่อมระหว่างฟ้าดิน
ต้นฝูซัง!
หานเจวี๋ยกวาดสายตามอง เขาเห็นหานฮวง หานทั่ว สิงหงเสวียน หยางเทียนตง เจียงเจวี๋ยซื่อ เต้าจื้อจุนและอีกมากมาย ญาติมิตรลูกศิษย์ลูกหาทั้งหมดล้วนมองเขาด้วยสายตาแค้นเคือง ในดวงตาเปี่ยมความชิงชังเคียดแค้นเข้าไปถึงในกระดูก
หานเจวี๋ยหันหลังกลับไปมอง เงาร่างหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังเขา เป็นตัวเขาเอง
ตัวเขาในอนาคตมียอดสมบัติอยู่เต็มร่าง ทอดสายตามองเหล่าศิษย์ที่ปิดล้อมเข้ามาจากทั่วสารทิศด้วยสีหน้าเย็นชา
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...