บทที่ 960 ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนับเป็นคนแรก
พอสิ้นเสียงของหานเจวี๋ย ในแต่ละทิศทางของอาณาเขตปฐมภพล้วนมีกลิ่นอายแกร่งกล้าเลิศล้ำสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้น
หานเจวี๋ยยังรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยด้วย
สิบสองบรรพชนจอมเวท!
เทพสูงสุดหยวนสื่อ!
ช้าก่อน!
เหล่าอริยะมหามรรคจากแดนเทพหวนปัจฉิมในอดีตก็มาด้วย
หลายล้านปีมานี้ สิบสองบรรพชนจอมเวทล้วนบรรลุมหามรรคแล้ว
เดิมทีอริยะมหามรรคเหล่านี้ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับมรรคาสวรรค์เช่นกัน ยามนี้กลับกลายเป็นศัตรูคู่แค้นไป
สีหน้าหานเจวี๋ยไร้อารมณ์ เขาไม่มีทางไว้ไมตรี
มิใช่แค่อริยะมหามรรคเท่านั้น ยอดมหามรรคก็มาเช่นกัน!
เงาร่างน่าหวาดผวาร่างแล้วร่างเล่าที่ราวกับโผล่ออกมาจากยุคดึกดำบรรพ์พุ่งเข้ามาพร้อมพลังที่สามารถถล่มโลกาได้ ไอสังหารทั้งหมดพุ่งเป้ามาที่หานเจวี๋ย ทำให้อาณาเขตปฐมภพที่รกร้างพังทลายสั่นไหวขึ้นมา
ร่างจำลองเทพมารผสานขึ้นเหนือศีรษะหานเจวี๋ยร่างแล้วร่างเล่า
ชั่วพริบตาเดียว ร่างจำลองเทพมารห้าร้อยร่างก็ผสานกันเสร็จสิ้น แค่ห้าร้อยร่างก็เพียงพอแล้ว!
ศึกใหญ่กำลังจะอุบัติขึ้น!
ร่างจำลองเทพมารห้าร้อยร่างหันหลังชนกัน ร้องคำรามใส่แต่ละทิศทาง ต่างสำแดงพลังวิเศษออกมา
เทพมารขุนพลสวรรค์เหวี่ยงหมัดออกไป กระแสหมัดเพิ่งจะโถมออกไป ห้วงอวกาศก็พังถล่มว!
เทพมารเงาไพศาลชูสองแขนขึ้น เงาเทพมารนับไม่ถ้วนพุ่งโจมตีออกไปดั่งน้ำหลาก ยากจะหยุดยั้ง!
เทพมารสงครามควบรวมพลังแห่งทหารเทพที่เปี่ยมเจตจำนงในการต่อสู้ สั่นคลอนปราณฟ้าบุพกาล สะกดข่มกลิ่นอายของศัตรูทั้งหมดไว้!
….
ภายในอารามเต๋า
หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์ที่ใช้กับสิงหงเสวียนเพิ่งสิ้นสุดลง
ใช้เวลานับร้อยปีแถมยังต้องถูกหักอายุขัย รวมถึงใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์ได้ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น
หากต้องการใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์ขจัดเจตจำนงฟ้าบุพกาลออกไปก็นับว่ายุ่งยากจริงๆ อย่างมากเขาก็ใช้ได้แค่กับญาติมิตรหรือเหล่าศิษย์สืบทอดเท่านั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงมรรคาสวรรค์เลย จะช่วยสำนักซ่อนเร้นทั้งสำนักยังไม่ได้เลย
วิธีนี้ไม่ผ่าน
สิงหงเสวียนลืมตาขึ้น มองไปที่หานเจวี๋ย อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความฉงน “ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น ข้ารู้สึกเหมือนหลับฝันไป ฝันว่าพวกเรากลายเป็นศัตรูคู่แค้น…”
นางย้อนนึกถึงความฝันนั้น หวาดกลัวขึ้นมาอย่างยิ่ง
สมจริงเกินไปแล้ว
โชคดีที่ไม่ใช่ความจริง!
หานเจวี๋ยกล่าวว่า “นั่นไม่ใช่ความฝัน”
เขายกมือจิ้มหน้าผากสิงหงเสวียนเล็กน้อย
ฉากเหตุการณ์ในเขตเซียนร้อยคีรีหลั่งไหลเข้าสู่หัวของนาง ทำให้จิตใจนางเลื่อนลอยไปอย่างอดไม่อยู่
หานเจวี๋ยอธิบายต้นสายปลายเหตุทั้งหมดนี้กับนาง ทำให้นางตกตะลึงอย่างยิ่ง
“เจตจำนงฟ้าบุพกาล…”
สิงหงเสวียนพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงสั่นเครือไปหมด
ถึงแม้นางจะติดตามฝึกบำเพ็ญอยู่ข้างกายหานเจวี๋ยมาตลอด แต่หาได้เข้าใจโลกทัศน์ของหานเจวี๋ยไม่ ด้วยระดับตบะของนางทำให้นางยังไม่เข้าใจฟ้าบุพกาล
เรื่องควบคุมบงการจิตสำนึกของสรรพสิ่งเช่นนี้นางไม่กล้าจินตนาการถึงเลย
เจตจำนงฟ้าบุพกาลเป็นตัวตนเช่นใดกันถึงสามารถบงการสรรพสิ่งได้…
สิ่งมีชีวิตอย่างพวกนางนับเป็นอันใดกันเล่า
สิงหงเสวียนสับสนไปหมดแล้ว
จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าทุกอย่างล้วนไร้ความหมาย
จะบอกว่านางอ่อนแอก็คงไม่ได้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงเป็นเช่นเดียวกัน
เมื่อค้นพบว่าตนอาจจะถูกตัวตนบางอย่างควบคุมบงการได้ แล้วความหมายในการมีชีวิตจะไปอยู่ที่ใดกันเล่า
หานเจวี๋ยเอ่ยปลอบ “ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ทั้งคน”ไอรีนโนเวล
เสียงเขาเบายิ่ง แต่กลับมีน้ำหนักนัก ทำให้สิงหงเสวียนอดไม่ได้ที่จะช้อนตาขึ้นมอง พอเห็นสีหน้าที่สงบราบเรียบของหานเจวี๋ย นางก็รู้สึกอบอุ่นใจนัก ความรู้สึกปลอดภัยเช่นในอดีตหวนกลับมา
ใช่แล้ว
มีท่านพี่อยู่ นางยังต้องกลัวสิ่งใดอีก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...