ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ นิยาย บท 960

สรุปบท บทที่ 960 ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนับเป็นคนแรก: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 960 ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนับเป็นคนแรก – ตอนที่ต้องอ่านของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

ตอนนี้ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 960 ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนับเป็นคนแรก จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 960 ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนับเป็นคนแรก

พอสิ้นเสียงของหานเจวี๋ย ในแต่ละทิศทางของอาณาเขตปฐมภพล้วนมีกลิ่นอายแกร่งกล้าเลิศล้ำสายแล้วสายเล่าปรากฏขึ้น

หานเจวี๋ยยังรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยด้วย

สิบสองบรรพชนจอมเวท!

เทพสูงสุดหยวนสื่อ!

ช้าก่อน!

เหล่าอริยะมหามรรคจากแดนเทพหวนปัจฉิมในอดีตก็มาด้วย

หลายล้านปีมานี้ สิบสองบรรพชนจอมเวทล้วนบรรลุมหามรรคแล้ว

เดิมทีอริยะมหามรรคเหล่านี้ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับมรรคาสวรรค์เช่นกัน ยามนี้กลับกลายเป็นศัตรูคู่แค้นไป

สีหน้าหานเจวี๋ยไร้อารมณ์ เขาไม่มีทางไว้ไมตรี

มิใช่แค่อริยะมหามรรคเท่านั้น ยอดมหามรรคก็มาเช่นกัน!

เงาร่างน่าหวาดผวาร่างแล้วร่างเล่าที่ราวกับโผล่ออกมาจากยุคดึกดำบรรพ์พุ่งเข้ามาพร้อมพลังที่สามารถถล่มโลกาได้ ไอสังหารทั้งหมดพุ่งเป้ามาที่หานเจวี๋ย ทำให้อาณาเขตปฐมภพที่รกร้างพังทลายสั่นไหวขึ้นมา

ร่างจำลองเทพมารผสานขึ้นเหนือศีรษะหานเจวี๋ยร่างแล้วร่างเล่า

ชั่วพริบตาเดียว ร่างจำลองเทพมารห้าร้อยร่างก็ผสานกันเสร็จสิ้น แค่ห้าร้อยร่างก็เพียงพอแล้ว!

ศึกใหญ่กำลังจะอุบัติขึ้น!

ร่างจำลองเทพมารห้าร้อยร่างหันหลังชนกัน ร้องคำรามใส่แต่ละทิศทาง ต่างสำแดงพลังวิเศษออกมา

เทพมารขุนพลสวรรค์เหวี่ยงหมัดออกไป กระแสหมัดเพิ่งจะโถมออกไป ห้วงอวกาศก็พังถล่มว!

เทพมารเงาไพศาลชูสองแขนขึ้น เงาเทพมารนับไม่ถ้วนพุ่งโจมตีออกไปดั่งน้ำหลาก ยากจะหยุดยั้ง!

เทพมารสงครามควบรวมพลังแห่งทหารเทพที่เปี่ยมเจตจำนงในการต่อสู้ สั่นคลอนปราณฟ้าบุพกาล สะกดข่มกลิ่นอายของศัตรูทั้งหมดไว้!

….

ภายในอารามเต๋า

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์ที่ใช้กับสิงหงเสวียนเพิ่งสิ้นสุดลง

ใช้เวลานับร้อยปีแถมยังต้องถูกหักอายุขัย รวมถึงใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์ได้ครั้งละหนึ่งคนเท่านั้น

หากต้องการใช้ความสามารถชำระล้างสมบูรณ์ขจัดเจตจำนงฟ้าบุพกาลออกไปก็นับว่ายุ่งยากจริงๆ อย่างมากเขาก็ใช้ได้แค่กับญาติมิตรหรือเหล่าศิษย์สืบทอดเท่านั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงมรรคาสวรรค์เลย จะช่วยสำนักซ่อนเร้นทั้งสำนักยังไม่ได้เลย

วิธีนี้ไม่ผ่าน

สิงหงเสวียนลืมตาขึ้น มองไปที่หานเจวี๋ย อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความฉงน “ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น ข้ารู้สึกเหมือนหลับฝันไป ฝันว่าพวกเรากลายเป็นศัตรูคู่แค้น…”

นางย้อนนึกถึงความฝันนั้น หวาดกลัวขึ้นมาอย่างยิ่ง

สมจริงเกินไปแล้ว

โชคดีที่ไม่ใช่ความจริง!

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “นั่นไม่ใช่ความฝัน”

เขายกมือจิ้มหน้าผากสิงหงเสวียนเล็กน้อย

ฉากเหตุการณ์ในเขตเซียนร้อยคีรีหลั่งไหลเข้าสู่หัวของนาง ทำให้จิตใจนางเลื่อนลอยไปอย่างอดไม่อยู่

หานเจวี๋ยอธิบายต้นสายปลายเหตุทั้งหมดนี้กับนาง ทำให้นางตกตะลึงอย่างยิ่ง

“เจตจำนงฟ้าบุพกาล…”

สิงหงเสวียนพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงสั่นเครือไปหมด

ถึงแม้นางจะติดตามฝึกบำเพ็ญอยู่ข้างกายหานเจวี๋ยมาตลอด แต่หาได้เข้าใจโลกทัศน์ของหานเจวี๋ยไม่ ด้วยระดับตบะของนางทำให้นางยังไม่เข้าใจฟ้าบุพกาล

เรื่องควบคุมบงการจิตสำนึกของสรรพสิ่งเช่นนี้นางไม่กล้าจินตนาการถึงเลย

เจตจำนงฟ้าบุพกาลเป็นตัวตนเช่นใดกันถึงสามารถบงการสรรพสิ่งได้…

สิ่งมีชีวิตอย่างพวกนางนับเป็นอันใดกันเล่า

สิงหงเสวียนสับสนไปหมดแล้ว

จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าทุกอย่างล้วนไร้ความหมาย

จะบอกว่านางอ่อนแอก็คงไม่ได้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงเป็นเช่นเดียวกัน

เมื่อค้นพบว่าตนอาจจะถูกตัวตนบางอย่างควบคุมบงการได้ แล้วความหมายในการมีชีวิตจะไปอยู่ที่ใดกันเล่า

หานเจวี๋ยเอ่ยปลอบ “ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่ทั้งคน”ไอรีนโนเวล

เสียงเขาเบายิ่ง แต่กลับมีน้ำหนักนัก ทำให้สิงหงเสวียนอดไม่ได้ที่จะช้อนตาขึ้นมอง พอเห็นสีหน้าที่สงบราบเรียบของหานเจวี๋ย นางก็รู้สึกอบอุ่นใจนัก ความรู้สึกปลอดภัยเช่นในอดีตหวนกลับมา

ใช่แล้ว

มีท่านพี่อยู่ นางยังต้องกลัวสิ่งใดอีก

ทั้งสองสบตากันผ่านอากาศ ไอโลหิตและปราณฟ้าบุพกาลที่ตลบลบอวลอยู่รอบอาณาเขตปฐมภพพลันหยุดนิ่งในชั่วพริบตา ราวกับช่วงเวลาถูกหยุดลง

เวลานี้เอง ผู้บำเพ็ญนับไม่ถ้วนที่อยู่ห่างออกไปในแต่ละทิศทางต่างกำลังจับตามอง พวกเขาไม่กล้าเข้าใกล้ด้วยกลัวว่าจะถูกลูกหลงไปด้วย

“เหล่าจื่อออกโรงแล้ว!”

“ได้แต่หวังว่าเขาจะเอาชนะอริยะสวรรค์เกรียงไกรได้”

“เฮ้อ คิดว่าคงยากนัก อริยะสวรรค์เกรียงไกรแข็งแกร่งเกินไป คิดว่าไร้พ่ายไปแล้ว”

“เอาชนะขุนพลศักดิ์สิทธิ์ พิชิตดวงจิตบรรพกาล มีชัยเหนือมหามรรคนับร้อย นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อริยะสวรรค์เกรียงไกรนับเป็นคนแรกจริงๆ จนใจที่คนผู้นี้ก่อกรรมชั่วช้ามากมาย กลายเป็นภัยต่อฟ้าบุพกาล”

“หากว่าแม้แต่เหล่าจื่อก็ยังพ่ายศึก เช่นนั้นฟ้าบุพกาลสมควรทำอย่างไรเล่า”

“ขอเพียงเหล่าจื่อสามารถข่มอริยะสวรรค์เกรียงไกรไว้ได้ ต่อให้พ่ายแพ้ แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้สู้เพียงลำพังในศึกนี้!”

….

หานเจวี๋ยลุกขึ้นมา ย่างเท้าก้าวเดียวก็พ้นจากอาณาเขตปฐมภพแล้ว

เหล่าจื่อมองหานเจวี๋ยพลางเอ่ยว่า “อันที่จริงเจ้ายังมีทางอื่นให้เลือกเดิน เส้นทางที่เจ้าเลือกในตอนนี้เป็นเส้นทางที่ไม่อาจย้อนหวนกลับมาได้อีก ในอดีตเทพยักษาผู้นั้นก็เคยทำเช่นนี้ จุดจบคือร่างสิ้นมรรคสลาย เจ้าสามารถเลือกเดินตามรอยท่านอาจารย์ของข้าได้”

ผานกู่สังหารเทพมารฟ้าบุพกาลสามพันตน สุดท้ายก็ตายตกไป

บรรพชนเต๋าไม่ได้เลือกเข่นฆ่าก่อกรรมมหันต์ คาดว่าคงเลือกใช้วิถีทางอื่น รอมชอมประนีประนอม นับจากนั้นมามรรคาสวรรค์หยุดนิ่งไม่พัฒนา ทุกครั้งที่จะใกล้จะบังเกิดความก้าวหน้าขึ้นมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตก็จะมาเยือนเสมอ

จะให้หานเจวี๋ยเอาอย่างบรรพชนเต๋านั้น เขาทำไม่ได้

ตอนนี้ต่างไปจากกาลก่อน หากเขายอมก้มหัว เรื่องจะไม่จบเพียงว่ามรรคาสวรรค์หยุดนิ่งไม่ก้าวหน้า แต่จะต้องสังเวยอริยะไปมากมายเพื่อให้กลับไปอยู่ในรูปการณ์เช่นเดียวกับในอดีต

หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับมรรคาสวรรค์ล่มสลายเลย!

หานเจวี๋ยตัดสินใจจะสู้สุดตัว!

ต้องการต่อสู้กับเจตจำนงฟ้าบุพกาลว่าใครจะร้ายกาจกว่ากันแน่!

อย่างมากเขาก็ปล่อยปรมาจารย์ฟ้าทลายออกมาถล่มสรรพสิ่งให้ราบเท่านั้น

พลังวิเศษทำลายมรรคาถล่มสรรพสิ่งให้ราบเป็นหน้ากลองได้ เป็นพลังวิเศษโชคชะตาเซ่นสรวงตบะและดวงชะตาของตนเพื่อแลกเปลี่ยนกับความตายของสรรพสิ่ง สำแดงได้เพียงในมหาเคราะห์หรือในเขตมรรคาสวรรค์เท่านั้น สิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนไปก็คือระดับตบะอันยิ่งใหญ่!

ทว่าปรมาจารย์ฟ้าทลายมิใช่สิ่งมีชีวิตมรรคาสวรรค์เท่านั้น แต่มรรคาสวรรค์ของเขาก็รวมเป็นฟ้าบุพกาลเช่นกัน!

หมากตานี้ เดิมทีเตรียมไว้ต่อกรในขั้นสุดท้ายกับเจ้านวฟ้าบุพกาล!

………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ