สรุปเนื้อหา บทที่ 961 เลิศล้ำไร้พ่าย อำนาจศักดิ์สิทธิ์ฟ้าบุพกาล – ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ โดย Internet
บท บทที่ 961 เลิศล้ำไร้พ่าย อำนาจศักดิ์สิทธิ์ฟ้าบุพกาล ของ ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 961 เลิศล้ำไร้พ่าย อำนาจศักดิ์สิทธิ์ฟ้าบุพกาล
หานเจวี๋ยชูมือขวาขึ้น ตราปฐมยุคประทับนภาก่อตัวขึ้นข้างกาย แผ่แสงสีแดงออกมา สาดส่องอาณาเขตปฐมภพ ดูน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง
เขาจ้องมองเหล่าจื่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย เอ่ยไปว่า “ขอบคุณสำหรับคำเตือน แต่หากเจ้าต้องการเป็นศัตรูกับข้า ข้าก็จะไม่ไว้ไมตรี เตรียมตัวรอรับความตายได้เลย”
เหล่าจื่อเอ่ยด้วยสีหน้าเฉยเมย “ข้าก็อยากตระหนักถึงความร้ายกาจของอริยะสวรรค์เกรียงไกรอยู่พอดี เจ้าฝึกบำเพ็ญมาเนิ่นนานจนก้าวข้ามผู้อาวุโสอย่างพวกเราไปแล้ว หากพ่ายแพ้แก่เจ้า ก็นับว่ามรรคาสวรรค์มีผู้สืบทอดแล้ว”
หานเจวี๋ยยิ้มเล็กน้อย
ช่างหาข้ออ้างเสียจริง!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็อย่าได้โทษว่าเขาไม่เกรงใจ!
เขาพลันเลือนหายไป ร่างเขายังไม่ทันเลือนหายไปอย่างสมบูรณ์ดี เขาก็ไปโผล่ด้านหลังเหล่าจื่อแล้ว
เหล่าจื่อเบี่ยงเท้าออกไป ปราณกระบี่ใต้เท้าพุ่งขึ้นมาสาดประกายแสงกระบี่ ม่านตาหานเจวี๋ยหดตัววูบ ใช้ปฐมยุคประทับนภากดทับลงไป สะกดปราณกระบี่เอาไว้ จากนั้นหานเจวี๋ยพลันตวัดมือสำแดงฝ่ามือสวรรค์มหาเกรียงไกร!
เหล่าจื่อหมุนตัว ใช้ดัชนีต่างกระบี่
ระดับความเร็วของทั้งสองฝ่ายรวดเร็วสุดขีด พริบตาเดียวก็ประมือกันไปหลายร้อยล้านครั้งแล้ว
ปราณกระบี่ตวัดวาด ฟ้าบุพกาลพังทลาย ราวกับมีใยแมงมุมใหญ่ยักษ์ใยหนึ่งครอบคลุมทั่วฟ้าบุพกาลไว้ เป็นฉากที่ตระการตาอย่างยิ่ง
‘สมเป็นเหล่าจื่อ มีฝีมืออยู่บ้าง’
หานเจวี๋นทอดถอนใจอยู่ในใจ
แต่ยังคงมิใช่คู่ต่อสู้ของข้าอยู่ดี!
หานเจวี๋ยหยุดนิ่งกะทันหัน ตราปฐมยุคประทับนภาแผ่พลังแห่งมิติออกมา เคลื่อนย้ายเหล่าจื่อเข้าไปในตราปฐมยุคประทับนภาเสียเดี๋ยวนั้น
เหล่าจื่อมีสีหน้าตื่นตะลึง แต่เขาไม่ได้ตระหนกลนลาน กายเนื้อแปลงเป็นปราณกระบี่สายหนึ่ง แต่ยังคงไม่อาจหลบหนีออกไปได้
ปราณกระบี่สายนี้เริ่มสั่นรุนแรง
หานเจวี๋ยเงยหน้าขึ้นในทันใด เห็นเพียงว่าปรากฏรอยปริแยกขึ้นท่ามกลางห้วงอวกาศอันมืดมิด แม่น้ำใหญ่สายหนึ่งถาโถมลงมา สายน้ำทั้งหมดล้วนเป็นปราณกระบี่
แม่น้ำมรรคกระบี่!
ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งโถมลงมาเสียงดังกึกก้อง กระแทกเข้าใส่ตราปฐมยุคประทับนภา
หานเจวี๋ยหรี่ตาลง พลังปฐมยุคนับไม่ถ้วนถ่ายเทหลั่งไหลเข้าไปในตราปฐมยุคประทับนภา ตราปฐมยุคประทับนภาขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว แม่น้ำมรรคกระบี่ทั้งสายพออยู่ต่อหน้ามันแล้วพลันดูเล็กจ้อยลงไปเลย
ไม่ว่าแม่น้ำมรรคกระบี่จะพุ่งโจมตีอย่างไร ก็ไม่อาจสลายทำลายตราปฐมยุคประทับนภาได้
เหล่าจื่อกลับคืนสู่กายเนื้ออีกครั้ง แช่อยู่ในแม่น้ำมรรคกระบี่ เขาตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย
‘นี่คือพลังวิเศษใด…แข็งแกร่งถึงเพียงนี้…’
จิตใจเหล่าจื่อจมดิ่งลงสู่เหวลึก
เขาเดาได้ว่าตนอาจจะพ่ายแพ้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะพ่ายแพ้อย่างสิ้นท่าเช่นนี้ หากหานเจวี๋ยทุ่มพลังทั้งหมดออกมา เขาคงสู้ไม่ได้เลย
ไม่แปลกเลยที่จะทำลายขุนพลศักดิ์สิทธิ์สองหมื่นรายได้ ไม่แปลกเลยที่ตัวตนโอหังสุดขีดอย่างดวงจิตบรรพกาลจะหนีความตายไม่พ้น
เหล่าจื่อหันไปเอ่ยกับหานเจวี๋ยว่า “ข้ายอมรับความพ่ายแพ้”
พอสิ้นเสียงเหล่าจื่อก็สลายไปดั่งหมอกควัน แม่น้ำมรรคกระบี่อันยิ่งใหญ่ที่อยู่ด้านบนก็สลายไปเช่นกัน
ในมุมมองของผู้ที่เฝ้ามองการต่อสู้ครั้งนี้อยู่ไกลๆ เห็นเพียงว่าเหล่าจื่อถูกหานเจวี๋ยสะกดไว้อย่างฉับพลัน จากนั้นแม่น้ำมรรคกระบี่ก็ปรากฏขึ้น ต่อมาเหล่าจื่อก็ดับสูญไป
รวดเร็วยิ่งกว่าสังหารในเสี้ยววินาทีเสียด้วยซ้ำ!
หานเจวี๋ยหันหลัง เหาะกลับเข้าไปในอาณาเขตปฐมภพ
ห้วงอวกาศแถบนี้ตกอยู่ในความเงียบสงัด
หานเจวี๋ยใช้การกระทำพิสูจน์ให้เห็นถึงความไร้พ่ายของตนแล้ว
ผู้ไร้พ่ายแห่งฟ้าบุพกาล มิใช่คำโอ้อวดแน่นอน!
….
ณ อาณาจักรเทพ ดวงจิตมหามรรคทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่บนแท่นกลมแห่งหนึ่ง
ห้าเทวทัณฑ์ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน หานทั่วมีสีหน้าดำคล้ำเป็นอย่างยิ่ง อี๋เทียนสีหน้าบึ้งตึง หงุดหงิดเต็มประดา
เทพมหาทัณฑ์พลันปรากฏกายขึ้น ทำให้เหล่าดวงจิตมหามรรคตื่นเต้นขึ้นมา
“ท่านเทพ พวกเรายังไม่ควรออกโรงอีกหรือ”
อี๋เทียนถามด้วยความแปลกใจ “ผู้ทรงพลังในอนาคตจากที่ใด”
“นิยามของอนาคตคืออยู่เหนือกาลเวลา หลังจากพวกเราพิสูจน์มหามรรค กาลเวลาก็ไร้ความหมายสำหรับพวกเรา แต่ก็มิใช่อย่างสมบูรณ์ พวกเราเพียงก้าวข้ามกฎเกณฑ์กาลเวลาที่ควบคุมมหามรรคสามพันวิถีแล้ว อดีตและอนาคตภายใต้มหามรรคเสมือนภาพลวงตาสำหรับพวกเรา แต่ตัวฟ้าบุพกาลมีชะตาเป็นของตนอยู่ ตัวตนที่สมควรจะผงาดรุ่งเรืองขึ้นมาย่อมจะผงาดขึ้นมาในไม่ช้าก็เร็ว กฎเกณฑ์สูงสุดปกครองมหามรรคสามพันวิถี สามารถอัญเชิญผู้ทรงพลังในอนาคตมาได้ ผู้ทรงพลังที่มาจากอนาคตล้วนจะเป็นตัวตนที่ก้าวข้ามมหามรรคสามพันวิถีไปแล้ว”
เหล่าดวงจิตฟังคำอธิบายของเทวีตราวินัยแล้วหวั่นไหวยิ่ง
เทวีตราวินัยชะงักไปเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “ยอดผู้ทรงพลังในยุคเดียวร่วมมือกันอาจจะยังมิใช่คู่ต่อสู้ของอริยะสวรรค์เกรียงไกร แต่หากเป็นผู้ทรงพลังสิบยุคร้อยยุคหรือหมื่นยุคขึ้นไปเล่า”
เหล่าดวงจิตเบิกตากว้าง สีหน้าราวกับไม่อยากเชื่อ
เทพมหาทัณฑ์ขมวดคิ้วเอ่ยถามว่า “กฎเกณฑ์สูงสุดจะรองรับกรรมอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ไหวหรือ ผู้ทรงพลังมากมายปานนี้ไม่มีทางปรากฏขึ้นมาตรงๆ ได้ แปลว่าต้องใช้พลังแห่งกฎเกณฑ์สูงสุดแปลงสภาพ”
เทวีตราวินัยมองไปที่เทพมหาทัณฑ์ เอ่ยว่า “กฎเกณฑ์สูงสุดสายเดียวรับไม่ไหวจริงๆ แต่เจ็ดกฎเกณฑ์สูงสุดผสานรวมกัน จะแปรเปลี่ยนเป็นอำนาจศักดิ์สิทธิ์ฟ้าบุพกาลอย่างที่ไม่เคยมีปรากฏมาก่อน นั่นคือตัวแทนพลังของฟ้าบุพกาลทั้งผืน ต่อให้อริยะสวรรค์เกรียงไกรแข็งแกร่งแค่ไหน แต่จะเทียบกับฟ้าบุพกาลได้หรือ”
เทพมหาทัณฑ์เงียบไป
ดวงจิตมหามรรคทั้งหมดตื่นเต้นขึ้นมา ต่างพากันให้การสนับสนุน
เทวีตราวินัยเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไปดำเนินการทันที”
นางไม่ได้ขอคำตัดสินใจจากเทพมหาทัณฑ์ก็หันหลังจากไปทันที
เทพมหาทัณฑ์เอ่ยว่า “แยกย้ายเถอะ”
พอสิ้นเสียงเขาพลันเลือนหายไปจากจุดเดิม เขาเร้นกายสู่ความมืด ก่อนเข้าฝันหานเจวี๋ยทันที บอกเล่าถึงเรื่องนี้
หานเจวี๋ยแสดงท่าทีว่ารับรู้
หลังจากสิ้นสุดแดนความฝัน
เขาลืมตาขึ้น ถามในใจ ‘ผู้ทรงอำนาจจากยุคสมัยต่างๆ ที่เทวีตราวินัยใช้อำนาจศักดิ์สิทธิ์ฟ้าบุพกาลอัญเชิญมา ร่างแยกของข้าสามารถสู้ได้หรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งแสนล้านล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[ได้!]
………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...