ตงหวางเซียนจับกระบี่ด้วยสองมือ เดินเหยียบอากาศไปด้านหน้า ร่มสีแดงคันหนึ่งกางออกและหมุนวนด้วยความรวดเร็วอยู่รอบตัวตงหวางเซียน หั่นสะบั้นปีศาจแต่ละตนที่โจมตีเข้ามาจนเลือดสาดกระเซ็นเต็มฟ้า
มองลงไปด้านล่าง ทั่วทุกที่ล้วนเต็มไปด้วยศพของปีศาจที่สภาพไม่สมบูรณ์ น่าสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
“พวกเจ้ามีกำลังแค่นี้เองหรือ ราชาของพวกเจ้าเล่า”
ตงหวางเซียนหัวเราะอย่างโอหัง จิตใจฮึกเหิม ความกรุ่นโกรธคลายลงด้วยความตื่นเต้นจากการฆ่า
นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการที่สุด!
กระทำผิดอย่างกำเริบเสิบสาน!
ไม่อาจหยุดยั้งได้!
ตู้ม!
ปลายเส้นขอบฟ้ามีไอปีศาจที่น่าหวาดกลัวทะลักขึ้นมา ก่อนพุ่งสู่ท้องฟ้า สะเทือนแม่น้ำและภูเขา ต้นไม้บนเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง ราวกับจะถูกพายุคลั่งที่เกิดจากไอปีศาจม้วนพัดไปได้ตลอดเวลา
ตงหวางเซียนหันหน้าไปทันที สีหน้าเคร่งขรึมยิ่ง
ไอปีศาจนี้…
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอไอปีศาจน่ากลัวเช่นนี้ ทำให้เขาขนลุกชันอย่างอดไม่ได้
แต่ว่าเขาเป็นถึงใคร?
บุตรแห่งสวรรค์อันดับหนึ่งของสำนักไร้ลักษณ์จะหวาดกลัวได้อย่างไร
ตงหวางเซียนคำรามด้วยความโมโห “เฒ่าประหลาดอู้เต้าอาจารย์ของข้าถูกพวกเจ้าเหล่าปีศาจสังหารใช่หรือไม่”
เสียงหัวเราะของพญาอสรพิษหยกดังมา “เฒ่าประหลาดอู้เต้าตายแล้วหรือ ฮ่าๆๆ! เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ! เจ้าเป็นศิษย์ของเฒ่าประหลาดอู้เต้ารึ เช่นนั้นเจ้าก็อย่าคิดจะมีชีวิตอยู่เลย! ข้าจะต้มเจ้าตุ๋นน้ำแกง!”
ตงหวางเซียนได้ยินก็ตาแดงขึ้นมา!
ที่แท้ก็ถูกปีศาจที่นี่สังหารจริงๆ ด้วย!
“ข้าจะสู้แลกชีวิตกับเจ้า!”
……
ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน
หลังจากสิงหงเสวียนจากไปแล้ว หานเจวี๋ยเริ่มฝึกบำเพ็ญต่อ บางครั้งก็รดน้ำให้หญ้าโลกาสวรรค์
พลังวิญญาณชนิดต่างๆ ที่ควรมีในถ้ำเทวาล้วนมีครบหมด ภายใต้ระยะเวลายาวนาน หญ้าโลกาสวรรค์เกิดความเคยชินในการดูดซับและคายพลังวิญญาณฟ้าดินแล้ว ความจริงไม่จำเป็นต้องให้หานเจวี๋ยดูแลเป็นพิเศษ เพียงแค่ไม่เหยียบโดนมันก็พอแล้ว
เวลาสองปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หญ้าโลกาสวรรค์สูงขึ้นไม่น้อย พลังวิญญาณของที่นี่ก็หนาแน่นกว่าแดนปีศาจที่มันเคยอยู่
หานเจวี๋ยเฝ้ารอคอยให้มันเกิดสติปัญญาขึ้นมา หากบ่มเพาะให้เป็นภูตต้นหญ้าได้ก็น่าสนใจอยู่บ้าง
สุนัขสวรรค์ ไก่ เถาน้ำเต้า ต้นฝูซัง โสมวิญญาณบรรพกาล ภูตต้นหญ้า…
จิ๊ๆ หานเจวี๋ยคิดว่าตัวเองสามารถเปิดสวนพฤกษศาสตร์ได้แล้ว
ในวันนี้ หลี่ชิงจื่อมาเยี่ยมเยียน
หานเจวี๋ยรออีกฝ่ายเข้ามาด้านในแล้วก็รีบถาม “สำนักไร้ลักษณ์มาแล้วหรือ”
หลี่ชิงจื่อส่ายหน้าบอก “มิใช่ แต่เป็น…ผู้อาวุโสสูงสุดใกล้จะถึงขีดจำกัดอายุขัยแล้ว”
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
สำนักหยกพิสุทธิ์มีผู้อาวุโสสูงสุดแค่ท่านเดียว ซึ่งก็คืออาจารย์ของหลี่ชิงจื่อ แต่ก่อนก็เคยคบค้าสมาคมกับหานเจวี๋ย
ทว่านึกดูอย่างละเอียดก็เป็นเรื่องปกติ หานเจวี๋ยอายุสี่ร้อยกว่าปีแล้ว หลายปีมานี้ตบะของผู้อาวุโสสูงสุดแทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลย จึงยากที่อายุขัยจะเพิ่มขึ้นด้วย
“ต้องการพบข้าหรือ” หานเจวี๋ยถาม
อย่างไรเสียก็นับว่าเป็นคนรู้จักเก่าแก่ หานเจวี๋ยไม่อยากเสียใจเหมือนคราวผู้เฒ่าเถี่ย
หลี่ชิงจื่อส่ายหน้ากล่าว “อาจารย์ไปจากสำนักหยกพิสุทธิ์แล้ว หากท่านไม่กลับมาภายในยี่สิบปี นั่นก็หมายความว่าท่านสิ้นแล้ว ท่านให้ข้ามาเอ่ยคำขอบคุณ ท่านบอกว่าหากไม่มีผู้อาวุโสหาน สำนักหยกพิสุทธิ์ก็คงไม่มีวันนี้”
หานเจวี๋ยนิ่งเงียบ
คำขอบคุณอาจจะมาจากใจจริง แต่เห็นได้ชัดว่าคำพูดนี้ยังมีความหมายแฝงอีกชั้นหนึ่ง
หานเจวี๋ยไม่ได้ปฏิเสธ เขาเองก็เข้าใจได้
ตอนนี้เขาอยู่ในสำนักหยกพิสุทธิ์อย่างสุขสบาย ไม่มีใครรบกวน เขาต้องการอะไรพวกหลี่ชิงจื่อก็พยายามทำให้เขาพอใจอย่างสุดความสามารถ
“ผู้อาวุโสหาน แม้ว่าตบะของข้าก็กำลังยกระดับขึ้น แต่รู้สึกว่าการจะสำเร็จระดับเปลี่ยนวิญญาณนั้นยากนัก หากวันใดข้าเผชิญหน้ากับขีดจำกัดของตัวเองเช่นกัน ท่านคิดว่าใครเหมาะสมจะเป็นเจ้าสำนักคนต่อไป” หลี่ชิงจื่อถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ
รอดสักทีนะหวงจุนเทียน...
สงสารหวงจุนเทียน.......
จะได้เห็นพิสูจน์เทพผู้สร้างไหมหนอ...
จะไม่กลับมาจริง ๆ เหรอ...