จะว่าไปแล้วมู่ซีซีก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปเอาความกล้ามาจากไหน เธอผลักประตูห้องทำงานที่หนักอึ้งแล้วเดินออกไป โดยไม่รอให้จี้หลิงชวนตอบกลับ
เมื่อเห็นมู่ซีซีเดินออกไปเหมือนกระต่าย จี้หลิงชวนก็เม้มริมฝีปากและเผยให้เห็นรอยยิ้ม จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมากดเบอร์ของฟางเซิ่ง และสั่งให้ฟางเซิ่งนำอาหารกลางวันที่เป็นของโปรดของมู่ซีซีมาเพิ่มสักสองสามอย่าง
หลังจากที่สั่งเสร็จแล้ว จี้หลิงชวนก็หยุดชะงัก แล้วนึกถึงเรื่องที่เวินจิ่งพูดกับเขาเมื่อกี้ เวินจิ่งแนะนำให้เขาพามู่ซีซีไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล
ในหัวของจี้หลิงชวนยังจำได้ว่าทุกครั้งที่มู่ซีซีมีประจำเดือน สีหน้าของเธอจะซีดขาวและขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด เรื่องนี้ดูเหมือนจะไม่สามารถยืดเวลาออกไปได้อีก เดือนหน้าเขาไม่อยากเห็นมู่ซีซีต้องเจ็บปวดมากอย่างนั้นอีก
จี้หลิงชวนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาศาสตราจารย์ฟู่ ผู้เชี่ยวชาญด้านนรีเวชที่มีชื่อเสียงในเมืองหรง ซึ่งอายุหกสิบกว่าแล้ว
ศาสตราจารย์ฟู่เป็นที่รู้จักกันดีด้านนรีเวชในประเทศจีน จี้หลิงชวนรู้จักได้เพราะว่าศาสตราจารย์ฟู่กับนายหญิงจี้เป็นเพื่อนสนิทกัน และพวกเขาก็สนิทสนมกันเหมือนพี่น้องแท้ ๆ
ทั้งสองครอบครัวคบกันมาหลายชั่วคน ในตอนที่จี้หลิงชวนเคลอดศาสตราจารย์ฟู่ก็เป็นคนทำคลอดด้วยตัวเอง
โทรศัพท์เชื่อมต่อได้ภายในไม่กี่นาที เสียงที่ใจดีของศาสตราจารย์ฟู่ก็ดังขึ้น เธอพูดด้วยรอยยิ้มว่า:“หลิงชวนเหรอ!ทำไมวันนี้หลิงชวนของเราถึงโทรหาหญิงชราอย่างฉันได้”
จี้หลิงชวนเม้มริมฝีปากและยิ้ม:คุณย่าฟู่ ช่วงนี้สบายดีไหมครับ?”
“สบายดี สุขภาพร่างกายแข็งแรง!”
จี้หลิงชวนถามอย่างใส่ใจสองสามคำ ก่อนที่จะเข้าสู่หัวข้อหลัก:“คุณย่าฟู่ เมื่อไหร่คุณย่าจะลงตรวจที่โรงพยาบาลครับ?ผมอยากพาคนไปนัดตรวจกับคุณย่าที่นั่นครับ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ศาสตราจารย์ฟู่ก็ยิ้มและตอบกลับในทันที:“ไม่จำเป็นต้องนัดเลย เช้าวันอังคารเธอพาคนไปโรงพยาบาลก็ได้”
ปกติแล้วคนที่มาหาเธอล้วนแต่เป็นผู้หญิง ศาสตราจารย์ฟู่ยังไม่เข้าใจอะไรอีก แต่ก็ยังถามว่า:“หลิงชวน เธอจะพาแฟนมาเหรอ?”
จี้หลิงชวนไม่ได้ปิดบัง และพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า:“เป็นแฟนครับ คุณย่าฟู่”
หลังจากยอมรับแล้ว เขาก็หยุดชะงักและพูดเสริมว่า:“แต่เนื่องจากความสัมพันธ์ยังไม่มั่นคง ดังนั้นผมเลยยังไม่ได้บอกคุณย่าครับ รบกวนคุณย่าฟู่ช่วยเก็บเป็นความลับให้ผมด้วยนะครับ”
ศาสตราจารย์ฟู่ยิ้มและพูดว่า:“โอเค ๆ รู้แล้ว และจะไม่บอกคุณย่าของเธอ”
หลังจากจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว จี้หลิงชวนก็รีบกลับมามีสมาธิกับงานในทันที
งานยุ่งมากจนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และมาถึงมื้อกลางวันในชั่วพริบตา
ในห้องทำงานของผู้ช่วยประธานบริษัท มู่ซีซีได้ยินเสียงระฆังพักกลางวันดังขึ้น และกำลังจะออกไปทานอาหารกลางวันในโรงอาหารของพนักงาน ทันทีที่เธอเดินออกจากห้องทำงาน เธอก็บังเอิญเจอกับฟางเซิ่งที่กำลังถืออาหารจากชั้นล่างขึ้นไปชั้นบน
เมื่อเห็นมู่ซีซี ฟางเซิ่งก็รีบยัดอาหารเข้าไปในอ้อมแขนของมู่ซีซี:“คุณมู่ รบกวนคุณช่วยเอาของพวกนี้ไปส่งที่ห้องห้องทำงานของท่านประธานหน่อยครับ”
หลังจากที่พูดจบ ฟางเซิ่งก็เดินจากไป โดยไม่รอให้มู่ซีซีปฏิเสธ
มู่ซีซีก้มลงมองอาหารที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง เธอทำปากขมุบขมิบและพูดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็ทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม และถืออาหารเดินไปที่ห้องทำงานของจี้หลิงชวน
“ก๊อกก๊อกก๊อก” มู่ซีซียกมือขึ้นเคาะประตู:“คุณชายจี้ ฉันเอง ฉันมาส่งอาหาร……”
เมื่อจี้หลิงชวนที่อยู่ในห้องทำงานได้ยินเสียงของมู่ซีซี เขาก็อดไม่ได้ที่จะเม้มฝีปาก สิ่งที่มู่ซีซีพูดเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าเธอกำลังมาส่งอาหาร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ
ย่าก็ปักใจเชื่อเลย ไม่ตรวจดีเอ็นเอหน่อยล่ะ...
ตรวจดีเอ็นเอก็จบ งง นังพี่เลวยังคิดได้ แต่พระเอกคิดไม่ได้...
เรื่องนี้อ่านจบแล้ว...