มู่ซีซีสะบัดหน้าแล้วเดินออกจากอาคารบริษัทจี้ทันที
ในแผนกฝ่ายบุคคล มู่อวี๋เฟยแสดงท่าทางวางมาดบาตรใหญ่ว่าตัวเองนั้นเป็นภรรยาของท่านประธานบริษัท และพูดคุยโอ้อวดกับหัวหน้าฝ่ายบุคคลเป็นเวลานานมาก จุดประสงค์เพื่อต้องการสืบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมู่ซีซีจากหัวหน้าฝ่ายบุคคลแต่กลับไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยแม้แต่น้อย
หัวหน้าฝ่ายบุคคลบอกเพียงแค่ว่าทางโรงเรียนเป็นคนแนะนำมาเท่านั้น และเนื่องจากบริษัทจี้ขาดตำแหน่งผู้ช่วยนักแปลเอกสารอยู่หนึ่งตำแหน่ง ดังนั้นจึงรับมู่ซีซีเข้ามาทำงานในบริษัท
มู่อวี๋เฟยคิดว่าเธอคงไม่ได้ข้อมูลไปมากกว่านี้เธอจึงเลิกถาม หลังจากที่เธอออกจากแผนกฝ่ายบุคคลแล้ว เธอก็ขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 28
บนชั้น 28 ของอาคารบริษัทจี้ ซึ่งเป็นเหมือนบริเวณเขตหวงห้าม
จะไม่อนุญาตให้พนักงานทั่วไปเข้าไปในชั้น 28 เด็ดขาด เนื่องจากชั้น 28 ทั้งหมดมีสำนักงานเพียง 2 ห้องเท่านั้น ได้แก่ ห้องทำงานของประธานบริษัทและห้องทำงานเลขานุการของท่านประธานบริษัทเท่านั้น ส่วนห้องอื่นๆเป็นห้องประชุมระดับไฮเอนด์ทั้งหมด
ทันทีที่มู่อวี๋เฟยก้าวขึ้นลิฟต์ไปบนชั้น 28 เธอก็ไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มแห่งความสุขบนใบหน้านั้นได้
มันช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ต่อไปนี้เธอก็สามารถทำงานอยู่ที่นี่ และเธอยังสามารถได้อยู่ใกล้ชิดกับจี้หลินชวนทุกวันอีกด้วย
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นมู่อวี๋เฟยก็เดินก้าวไปข้างหน้าอย่างสบายใจ เธอใส่รองเท้าส้นสูงเดินเสียงดังตึกตัก เสียงฝีเท้านั้นดังถี่ขึ้นและเดินเร็วขึ้น เธอเดินตรงไปที่ห้องทำงานของท่านประธานบริษัทอย่างรวดเร็ว
เป็นเวลาหลายวันแล้วที่เธอไม่ได้เจอจี้หลิงชวน
ในขณะที่มู่อวี๋เฟยกำลังคิดอยู่นั้น เธอก็เอื้อมมือไปเคาะประตูห้องทำงานของท่านประธานบริษัท
จี้หลิงชวนที่กำลังดูเอกสารในห้องทำงานผู้บริหาร ทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู เขาที่กำลังเซ็นเอกสารอยู่ก็ต้องหยุดชะงักไป เขาคิดว่าเป็นฟางเซิ่งเสียอีกที่เคาะประตู ในบริษัทจี้แห่งนี้ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเขาให้เคาะประตูก็จะไม่มีพนักงานคนไหนที่กล้าทำเช่นนี้!
“เข้ามา!” จี้หลิงชวนตอบกลับ แล้วเขาก็ก้มลงไปดูแฟ้มเอกสารต่อไป
เมื่อเสียงนั้นจบลง และประตูห้องทำงานผู้บริหารก็ถูกผลักเปิดออกทันที ตามด้วยเสียงของรองเท้าส้นสูงเสียงดังตึกตักเป็นจังหวะเดินก้าวเข้ามาใกล้
ทันทีที่จี้หลิงชวนได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงนั้น จี้หลิงชวนก็เงยหน้าขึ้นเหลือบมองไปทางคนที่กำลังเดินเข้ามา
เขามองมู่อวี๋เฟยที่ตัวแข็งทื่ออย่างเย็นชาและไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่นัก
รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่อวี๋เฟยหายไปในทันที และเธอไม่กล้าที่จะมองตรงไปที่ดวงตาอันแสนเย็นชาของจี้หลิงชวนโดยตรง
เธอตกอยู่ในภาวะชะงักงันและยืนนิ่งตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม และรู้สึกผิดที่เพิ่งเคาะประตูอย่างประมาทเลินเล่อแล้วเดินตรงเข้ามาเลย
บรรยากาศในห้องล้วนเต็มไปด้วยความอึดอัด
น้ำเสียงเย็นชาของจี้หลิงชวนได้ทำลายความเงียบนั้นลง: "มู่อวี๋เฟย ทำไมเธอถึงมาที่นี่ได้!!!"
จี้หลิงชวนคิ้วขมวดแน่นอย่างเห็นได้ชัดว่าในขณะนี้เขารู้สึกอารมณ์เสียมาก!
หลังจากที่ได้ยินน้ำเสียงของจี้หลิงชวนแล้วทำให้มู่อวี๋เฟยตัวสั่นด้วยความกลัว เธอรีบเงยหน้าขึ้นมองจี้หลิงชวนด้วยความรู้สึกผิดแล้วรีบอธิบายว่า: “คุณชายจี้คะ คือว่าฉัน คุณย่าเป็นคนสั่งให้ฉันมาทำงานที่บริษัทจี้ค่ะ …… "
ทันทีที่เขาได้ยินคำว่าคุณย่า คิ้วที่ขมวดอยู่แล้วของจี้หลิงชวนก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก: “คุณย่าให้คุณมาทำงานที่นี้ทำไม?”
ก่อนที่นายหญิงจี้จะพูดจบ* เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขอีกครั้งว่า:“หลิงชวน หลานทำตามที่คุณย่าบอกเถอะ ทำดีต่อมู่อวี๋เฟยให้มาก ค่อยๆสร้างความสัมพันธ์ที่ดีซึ่งกันและกัน และมีเหลนให้คุณย่าอุ้มเร็วๆ”
จี้หลิงชวนเม้มริมฝีปากโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขากลัวว่าถ้าปฏิเสธคุณย่ามันจะทำให้อาการของคุณย่าแย่ลงกว่าเดิม เขาจึงเลือกจบการสนทนาและวางสายไปก่อน
เมื่อนึกถึงคำพูดประโยคสุดท้ายของคุณย่าแล้ว จี้หลิงชวนก็ขมวดคิ้วอย่างแรง ทั้งที่ความจริงแล้วนั้นเขาไม่ชอบเด็กเลยสักนิด และยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยว่าเขาจะมีลูกกับคนที่ตัวเองไม่ได้รัก
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ถึงแม้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและมู่ซีซีนั้นจะยุ่งเหยิงวุ่นวายขนาดไหน แต่จี้หลิงชวนนั้นได้เตรียมการเอาไว้หมดแล้ว
เพราะในหัวใจของจี้หลิงชวนนั้น ในชีวิตนี้มีผู้หญิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถมีลูกให้กับจี้หลิงชวนได้! นั้นก็คือชูเหยา!
นอกจากเธอแล้ว จี้หลิงชวนจะไม่มีวันยอมมีลูกกับผู้หญิงคนไหนอีกเด็ดขาด
เมื่อนึกถึงชูเหยา สีหน้าของจี้หลิงชวนก็เปลี่ยนไปเศร้าหมองและเย็นชาทันที และเขาก็แอบสูดหายใจเข้าลึกๆ สักสองสามครั้งเพื่อระงับอารมณ์ที่ซับซ้อนในใจและเพื่อเรียกสติกลับคืนมา มันช่วยทำให้ข้างในจิตใจของเขารู้สึกสงบขึ้นได้
จี้หลิงชวนยกมือขึ้นและนวดระหว่างคิ้ว ดวงตาสีเข้มวาววับวาววับไม่อาจคาดเดาได้ ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะทำได้เพียงยอมให้มู่อวี๋เฟยทำงานที่บริษัทจี้ไปก่อนเท่านั้น!
มิฉะนั้น หากทำให้คุณย่าเครียดจนอาการป่วยของคุณย่ากำเริบ มันจะได้ไม่คุ้มเสีย!
ในขณะที่คิดอยู่นั้นสีหน้าของจี้หลิงชวนดูเคร่งเครียด เขายกหูโทรศัพท์บนโต๊ะขึ้นรีบกดโทรหาฟางเซิ่งทันที
โทรศัพท์นั้นได้รับการเชื่อมต่อกันอย่างรวดเร็ว และจี้หลิงชวนก็รีบสั่งการในโทรศัพท์กับฟางเซิ่งทันทีว่า: “เวลานี้มู่อวี๋เฟยน่าจะยังยืนอยู่หน้าประตูห้องทำงานของผม ตอนนี้คุณช่วยออกมาพาเธอไปที่ห้องทำงานของคุณที และจัดเตรียมโต๊ะทำงานให้กับเธอด้วย คุณย่าส่งให้เธอมาทำหน้าที่ผู้ช่วยเลขานุการ คุณช่วยดูแลเธอก่อนแล้วกัน แต่ยังไม่ต้องให้เธอทำอะไรทั้งสิ้น!คุณทำแค่เพียงคอยสังเกตเธออยู่ห่างๆเท่านั้น และอย่าให้เธอมาปรากฏตัวต่อหน้าผมอีกเท่านั้นก็พอแล้ว!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ
ย่าก็ปักใจเชื่อเลย ไม่ตรวจดีเอ็นเอหน่อยล่ะ...
ตรวจดีเอ็นเอก็จบ งง นังพี่เลวยังคิดได้ แต่พระเอกคิดไม่ได้...
เรื่องนี้อ่านจบแล้ว...