“ได้ครับคุณชายจี้ ผมจะไปจัดการตามที่คุณสั่งเดี๋ยวนี้ครับ” เมื่อฟางเซิ่งฟังน้ำเสียงของท่านประธานแล้วน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ และเขารู้ได้ทันทีว่านี่จะต้องเป็นแผนการของนายหญิงจี้อย่างแน่นอน*
โดยปกติแล้วท่านประธานของเราก็ไม่ค่อยชอบมู่อวี๋เฟยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยินยอมให้มู่อวี๋เฟยเข้ามาทำงานในบริษัทจี้อย่างแน่นอน !
เฟิงเซิ่งรีบไปที่ห้องทำงานที่อยู่ติดกันกับห้องทำงานของท่านประธาน และทันทีที่เขามาถึง เขาก็เห็นมู่อวี๋เฟยยืนอยู่ด้านนอกห้องทำงานของท่านประธาน เธอกำลังกัดริมฝีปากของตัวเองและสีหน้าแสดงออกทางสายตาที่เจ็บปวดและเศร้าเสียใจ
ฟางเซิ่งเคยเจอมู่อวี๋เฟย ในงานแต่งระหว่างเธอกับจี้หลิงชวน แต่จี้หลิงชวนไม่ได้ไป ก็มีเพียงแต่ฟางเซิ่งผู้ช่วยของจี้หลิงชวนคนนี้เท่านั้นที่เป็นคนทำหน้าที่ไปรับเจ้าสาวมู่อวี๋เฟยแทน
เมื่อมู่อวี๋เฟยเห็นว่าฟางเซิ่งกำลังเดินมา มู่อวี๋เฟยรีบเปลี่ยนสีหน้าที่เศร้าหมองของตัวเองและพยายามฝืนทำสีหน้าให้ปกติพร้อมมองไปทางฟางเซิ่ง
ฟางเซิ่งได้ร่วมงานกับจี้หลิงชวนมาก็หลายปีแล้ว เขาได้ผ่านร้อนผ่านหนาวร่วมกับบริษัทนี้มามากมาย เขาเพียงแค่เหลือบมองมู่อวี๋เฟยอย่างเงียบๆ แล้วก็เดาได้ทันทีว่าในใจของมู่อวี๋เฟยนั้นกำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อเห็นท่าทางที่เย่อหยิ่งของมู่อวี๋เฟยแล้ว ฟางเซิ่งก็อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยอยู่ในใจ
คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่คนนี้รับมือได้ยากจริงๆ!
เธอไม่เคยอยู่ในสายตาของประธานอยู่แล้ว และแทนที่เธอก็ควรที่จะรู้ตัวเองบ้างนะว่าควรทำตัวยังไง วันนี้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบริษัทก็แสดงท่าทางวางมาดบาตรใหญ่ว่าเป็นภรรยาของท่านประธาน เธอไม่รู้จักข้อบกพร่องของตนเองเลยสักนิด นี่คงคิดว่าตัวเองเป็นภรรยาของท่านประธานจริงๆล่ะสินะ!
ผมคิดว่าหน้าตาที่เสแสร้งของเธอชาตินี้ยังไงก็ไม่สามารถทำให้ท่านประธานสนใจเธอได้หรอก มันไม่น่าแปลกใจเลยที่ท่านประธานจะเกลียดคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ขนาดนี้
ในทางกลับกันแล้วคุณหนูมู่ซีซีนั้น ไม่เพียงแต่สวยแต่ยังสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนอีกด้วย ทั้งๆที่ทั้งสองคนเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่เดียวกัน แต่ทำไมอุปนิสัยมันช่างต่างกันราวฟ้ากับดินขนาดนี้ด้วยนะ!
“คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ โปรดเชิญทางนี้ครับ” ฟางเซิ่งพูดกับมู่อวี๋เฟยด้วยน้ำเสียงที่เบาและเรียบเฉย
เมื่อมู่อวี๋เฟยได้ยินฟางเซิ่งเรียกเธอด้วยสรรพนามว่า "คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่" นั้น เธอขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจสักเท่าไหร่
มู่อวี๋เฟยไม่รู้เลยว่าความจริงแล้วฟางเซิ่งรู้เรื่องราวทุกอย่างระหว่างเธอและคุณชายจี้นั้นเป็นแค่สามีภรรยาในนามหลอกๆเท่านั้น
“เลิกเรียกคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่สักทีเถอะ ! ตอนนี้ฉันแต่งงานกับคุณชายจี้แล้ว!” มู่อวี๋เฟยขมวดคิ้วและเหลือบมองไปที่ฟางเซิ่งเพื่อตอกย้ำ
ตั้งแต่ที่เธอก้าวเข้ามาในบริษัท พนักงานต่างเรียกเธอว่าคุณนายหญิงด้วยความเคารพ ซึ่งทำให้มู่อวี๋เฟยพอใจเป็นอย่างมาก
เมื่อฟางเซิ่งได้ยินสิ่งที่มู่อวี๋เฟยพูด ความประทับใจที่มีต่อมู่อวี๋เฟยนั้นก็ค่อยๆ ลดลงจนเหลือศูนย์ทันที
ท่าทางความอวดดีน้อยลงกว่าเมื่อกี้นี้เล็กน้อย: “เรียกคุณว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่น่าจะดีกว่านะครับ มิฉะนั้นถ้าคุณชายจี้ได้ยินแล้วจะไม่พอใจได้นะครับ”
ตามที่ฟางเซิ่งรู้จักนิสัยใจคอของท่านประธาน ในใจของท่านประธานน่าจะมีเพียงคุณหนูซูเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเป็นภรรยาของท่านประธานได้
หลังจากที่เดินเข้าไปอีกนิดถึงจะเป็นบริเวณห้องทำงานของฟางเซิ่ง เห็นได้ชัดเจนเลยว่าจี้หลิงชวนไม่อยากเห็นหน้ามู่อวี๋เฟยเลย ฟางเซิ่งจึงจำเป็นต้องฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่เต็มใจทำ เขาได้จัดแจงมู่อวี๋เฟยให้พักผ่อนในบริเวณเลานจ์ตรงทางเข้า และสั่งให้พนักงานจัดเตรียมโต๊ะและเก้าอี้ทำงานขึ้นมาหนึ่งชุด และมันก็เท่ากับว่าเป็นห้องทำงานของมู่อวี๋เฟยโดยปริยายแล้วล่ะ
หลังจากที่ฟางเซิ่งทำน้ำเสียง ฮึ่มออกมา มู่อวี๋เฟยก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวมากขึ้น และเธอก็ไม่ได้แสดงท่าทางวางมาดบาตรใหญ่เหมือนเมื่อกี้นี้อีก เธอเลยจำใจต้องนั่งลงบนเก้าอี้ และเมื่อเห็นฟางเซิ่งลุกขึ้นกำลังจะเดินออกไปพร้อมกับแฟ้มเอกสาร มู่อวี๋เฟยก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนและรีบยืนขวางตรงหน้าของฟางเซิ่งอย่างรวดเร็ว พร้อมกล่าวว่า:“เลขาฟางคะ แฟ้มเอกสารนี้จะส่งไปที่สำนักงานของท่านประธานใช่หรือไม่? คุณยุ่งมากขนาดนี้ ให้ฉันเป็นคนนำแฟ้มเอกสารนี้ไปส่งแทนคุณดีกว่านะคะ”
มู่อวี๋เฟยไม่ได้โง่ เธอเป็นคนเฉลียวฉลาดเลยก็ว่าได้ วินาทีที่ฟางเซิ่งจัดเตรียมทุกอย่างให้กับเธอแล้วนั้น มู่อวี๋เฟยรู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นเพราะจี้หลิงชวนได้โทรหานายหญิงจี้แล้วอย่างแน่นอน และเป็นเพราะจี้หลิงชวนถูกกดดันและถูกบังคับจากนายหญิงจี้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจัดเตรียมห้องทำงานให้กับตัวเธออย่างไม่เต็มใจสักเท่าไหร่
ไม่อย่างงั้นด้วยอารมณ์หงุดหงิดฉุนเฉียวของจี้หลิงชวนเมื่อกี้นี้ คงให้ฟางเซิ่งไล่เธอออกจากบริษัทไปนานแล้วล่ะ
เมื่อเธอคิดว่าตัวเองนั้นมีนายหญิงจี้ให้ท้ายอยู่ และในเวลานี้จี้หลิงชวนไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรเธอแบบสุ่มสี่สุ่มห้าอย่างแน่นอน มู่อวี๋เฟยทนไม่ไหวลุกฮึดสู้โดยคิดอยากไปสร้างความสัมพันธ์กับจี้หลิงชวนอีกครั้ง
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น มู่อวี๋เฟยก็เอื้อมมือออกไปแย่งแฟ้มจากมือของฟางเซิ่งทันที
ฟางเซิ่งขมวดคิ้วพร้อมขยับหลบมือของมู่อวี๋เฟยที่เอื้อมมาหยิบแฟ้มเอกสาร
แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงเข้มและเย็นชา: “คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ครับ คุณไม่ต้องลำบากหรอกนะครับ คุณชายจี้กำชับไว้แล้วว่าถ้าหากไม่ได้รับอนุญาตจากคุณชายจี้ คุณห้ามย่างกรายเข้าไปในสำนักงานของท่านประธานโดยเด็ดขาดนะครับ ไม่เช่นนั้นถ้าคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ทำให้คุณชายจี้โกรธขึ้นมาผมรับผิดชอบไม่ไหว และคุณหนูก็คงรับผิดชอบไม่ไหวเช่นกันครับ "
เมื่อมู่อวี๋เฟยได้ฟังคำพูดประโยคสุดท้ายของฟางเซิ่งแล้ว ทันใดนั้นภาพใบหน้าที่เย็นชาและน่ากลัวของจี้หลิงชวนก็ปรากฏขึ้นมาในสมองของเธอทันที จู่ๆเธอก็รู้สึกกลัวจนสะท้านสั่นไปทั้งตัว
เมื่อนึกถึงท่าทางโกรธกริ้วและขุ่นเคืองของจี้หลิงชวนแล้ว มู่อวี๋เฟยก็รีบดึงมือกลับทันที แล้วเธอก็นั่งลงบนที่นั่งอย่างโกรธเคืองและไม่เต็มใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ
ย่าก็ปักใจเชื่อเลย ไม่ตรวจดีเอ็นเอหน่อยล่ะ...
ตรวจดีเอ็นเอก็จบ งง นังพี่เลวยังคิดได้ แต่พระเอกคิดไม่ได้...
เรื่องนี้อ่านจบแล้ว...