มู่อวี๋เฟยได้ทำงานอยู่บริษัทจี้ต่อเนื่องเป็นเวลาห้าวันแล้ว นับตั้งแต่ที่เธอเข้ามาทำงานในบริษัท เธอก็ไม่เคยได้เจอหน้าจี้หลิงชวนเลย
ทุกวันเวลาทำงานมู่อวี๋เฟยนอกจากนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองอย่างเบื่อหน่ายแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย
และมีอยู่วันหนึ่งได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นภายในบริษัทจี้อีกด้วย
เช้าตรู่ของวันนั้นมู่อวี๋เฟยกำลังมาทำงาน และในขณะที่เดินไปที่ล็อบบี้อาคารบริษัทจี้ มีพนักงานหญิงคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาในบริษัทเมื่อเธอเห็นมู่อวี๋เฟยเธอก็รีบเดินเข้าไปหามู่อวี๋เฟยแล้วเรียกด้วยน้ำเสียงประจบสอพลอ: "อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณหญิง "
เมื่อได้ยินแบบนั้นสีหน้าของมู่อวี๋เฟยก็ยิ้มหน้าบานระรื่น และเธอก็มีความสุขเป็นพิเศษเมื่อได้ยินคนเรียกเธอแบบนั้น แล้วเธอก็เชิดหน้าขึ้นยืดอกอย่างสง่าผ่าเผยราวกับว่าตัวเองเป็นภรรยาของท่านประธานจริงๆพร้อมตอบกลับว่า:“อืม อรุณสวัสดิ์จ๊ะ"
ตอนแรกมันก็ไม่มีเรื่องอะไรใหญ่โตหรอก แต่เป็นเพราะว่ามู่อวี๋เฟยดวงไม่ดี ดันเจอจี้หลิงชวนกำลังเดินตามหลังเข้ามาแล้วได้ยินเรื่องราวทั้งหมดพอดี
เมื่อได้ยินพนักงานหญิงคนนั้นเรียกมู่อวี๋เฟยว่าภรรยาของท่านประธาน อีกทั้งมู่อวี๋เฟยยังตอบกลับด้วยความมั่นใจ และใบหน้าของจี้หลิงชวนที่ยืนอยู่ด้านหลังสีหน้าก็กลายเป็นเย็นชาและเคร่งขรึมทันที
เขาจ้องมองมู่อวี๋เฟยและพนักงานด้วยแววตาดุร้ายน่ากลัวราวกับสัตว์ป่าที่อยากจะกินเลือดกินเนื้อ น่ากลัวเหมือนคลื่นลมพายุกลางทะเลยังไงยังงั้น
สายตาที่เฉียบคมและเย็นชาของจี้หลิงชวนจ้องมองไม่หยุด มู่อวี๋เฟยและพนักงานหญิงคนนั้นพอรู้สึกตัวว่ามีคนกำลังจ้องมองอยู่จึงหันไปมองทางจี้หลิงชวน
เมื่อทั้งสองคนได้สบตากับจี้หลิงชวนที่แววตาดุร้ายน่ากลัวราวกับสัตว์ป่าที่อยากจะกินเลือดกินเนื้อและน่ากลัวเหมือนคลื่นลมพายุกลางทะเลนั้น ทั้งมู่อวี๋เฟยและพนักงานคนนั้นตกใจกลัวจนตัวสั่นไปทั้งตัวและเดินก้าวถอยหลังสองสามก้าว
จี้หลิงชวนมีสีหน้าเคร่งขรึม ทันใดนั้นเขาก็เดินก้าวฉับตรงไปยังพนักงานหญิงคนนั้น และถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า:“เมื่อกี้นี้คุณเรียกเธอว่าอะไรนะ?!!!”
พนักงานหญิงพูดตะกุกตะกักด้วยความกลัว: "ท่าน...ท่านประธานคะ...ฉัน ฉัน..."
ก่อนที่เธอจะพูดจบ พนักงานหญิงคนนั้นก็ตกใจกลัวจนเกือบร้องไห้ออกมา
ไม่ได้มีเพียงแต่พนักงานหญิงคนนั้นที่ตกใจคนเดียว แม้แต่มู่อวี๋เฟยที่ยืนอยู่ด้านข้างมองดูจี้หลิงชวนก็ตกใจกลัวจนหน้าซีดเซียวเช่นกัน
จี้หลิงชวนชำเลืองมองพนักงานหญิงและมู่อวี๋เฟยอย่างเฉียบขาด จากนั้นจึงละสายตาและเดินตรงไปที่ลิฟต์ส่วนตัวของท่านประธาน
มู่อวี๋เฟยและพนักงานหญิงคนนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิมและได้ยินเสียงแสนเย็นชาของจี้หลิงชวนที่พูดออกมาทีละคำว่า: “รีบไล่พนักงานหญิงคนนั้นออกไปซะ!”
ประโยคนี้จี้หลิงชวนพูดกับฟางเซิ่งที่กำลังเดินติดตามเขาอยู่ด้านหลัง
ฟางเซิ่งรีบตอบรับอย่างรวดเร็วว่า:“รับทราบครับผม คุณชายจี้ "
หลังจากที่ฟังฟางเซิ่งพูดจบ พนักงานหญิงคนนั้นก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ใบหน้าของเธอก็ซีดเซียวลงทันที และเมื่อเธอกำลังจะรีบไปขอความเมตตาจากจี้หลิงชวนอยู่นั้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนก็เดินตรงเข้ามาหาเธอ คนหนึ่งอยู่ทางซ้ายและอีกคนหนึ่งอยู่ทางขวาลากพนักงานหญิงคนนั้นออกไปโดยที่เธอไม่กล้าปริปาก
ทันใดนั้นเหลือเพียงมู่อวี๋เฟยเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่คนเดียวด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเธอซีดเซียว เธอรู้สึกว่าดวงตาของพนักงานเหล่านั้นที่อยู่รอบๆบริเวณมองมาที่ตัวเองด้วยสายตาเยาะเย้ย ราวกับว่ากำลังหัวเราะเยาะเธออยู่ยังไงยังงั้นแหล่ะ
มู่อวี๋เฟยรู้สึกว่าจี้หลิงชวนทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนตบหน้าต่อหน้าพนักงานเข้าฉาดใหญ่จนสะเทือนไปถึงหัวใจยังไงยังงั้น
มู่อวี๋เฟยรู้สึกตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากจนน้ำตาซึม แล้วเธอก็กัดริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ปล่อยให้ตัวเองร้องไห้ต่อหน้าผู้คนมากมาย
มู่อวี๋เฟยกำหมัดแน่นแนบข้างกายอย่างแรง เธอเตือนตัวเองในใจนับครั้งไม่ถ้วนว่าให้อดทน และต้องอดทนต่อไป!
“ทำปกติ” จี้หลิงชวนพูดและมองไปที่มู่ซีซีพร้อมเสริมอีกประโยคว่า: “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคุณเริ่มทำงานได้แล้ว”
ในขณะที่จี้หลิงชวนพูดอยู่นั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน พร้อมเหลือบมองไปที่มู่ซีซีและก้าวเดินออกไปทันที
มู่ซีซีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
จี้หลิงชวนขึ้นรถไปก่อน และนั่งฝั่งคนขับพร้อมมองออกไปข้างนอกรถ และมองดูมู่ซีซีด้วยสีหน้าเคร่งขรึมขมวดคิ้ว เขาลดกระจกลงพร้อมมองไปทางมู่ซีซีแล้วพูดว่า : "ขึ้นรถ!"
มู่ซีซีกัดริมฝีปากของเธอเบา ๆ และมองไปที่จี้หลิงชวนอย่างกล้าหาญ: "ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้เวลายังเช้าอยู่ เดี๋ยวฉันนั่งรถประจำทางไปบริษัทด้วยตัวเองดีกว่าค่ะ ……”
มู่ซีซียังไม่ลืมว่ามู่อวี๋เฟยก็ทำงานอยู่ในบริษัทจี้เช่นกัน และการที่เธอไปทำงานในวันนี้อาจจะได้พบกับมู่อวี๋เฟยก็เป็นได้ และเป็นไปได้ว่าเวลานี้มู่อวี๋เฟยก็อาจจะเกิดความสงสัยแล้ว ถ้าหากยังให้มู่อวี๋เฟยเห็นเธอลงจากรถของจี้หลิงชวนแล้วล่ะก็ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ซวยแน่ๆ!
เมื่อจี้หลิงชวนได้ยินคำพูดของมู่ซีซีแล้วเขาก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นทันที และเสียงที่เอาแต่ใจของเขาก็ดังขึ้นทันที: "มู่ซีซี ผมจะพูดอีกครั้ง! ขึ้นรถ!"
ด้วยสายตาจ้องมองที่ดุร้ายของจี้หลิงชวน มู่ซีซีไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากกัดริมฝีปากของเธอเบาๆพร้อมดึงประตูและเข้าไปนั่งในรถอย่างไม่สบอารมณ์
โชคดีที่ครั้งนี้ มู่ซีซียังไม่ทันอ้าปากพูดอะไร จี้หลิงชวนก็ขับรถไปจอดที่เดิมตรงแยกซึ่งยังคงอยู่ห่างจากบริษัทพอสมควร
มู่ซีซีรีบลงจากรถอย่างรวดเร็วด้วยความโล่งอก มองดูรถที่หรูหรายี่ห้อมายบัคค่อยๆขับออกไป เธอเดินประมาณ 10 กว่านาทีก็เดินไปถึงบริษัทจี้แล้ว
ตรงตามกับที่คิดไว้ไม่มีผิด บางครั้งยิ่งเรากลัวสิ่งไหนก็จะเจอสิ่งนั้นจริงๆ!
ทันทีที่มู่ซีซีเดินเข้าไปในตึกใหญ่ของบริษัทจี้ เธอก็พบกับมู่อวี๋เฟยซึ่งกำลังเดินเข้าไปในบริษัทพอดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ
ย่าก็ปักใจเชื่อเลย ไม่ตรวจดีเอ็นเอหน่อยล่ะ...
ตรวจดีเอ็นเอก็จบ งง นังพี่เลวยังคิดได้ แต่พระเอกคิดไม่ได้...
เรื่องนี้อ่านจบแล้ว...