เมื่อได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของเธอ สายตาของเปปเปอร์ก็อ่อนโยนลง เช็ดมุมปากและลุกขึ้นจากพื้น กำลังจะตอบว่าไม่เป็นไร ก็เห็นเธอเดินผ่านข้างกายของเขาไป และเดินไปทางลาเต้
มายมิ้นท์ดึงมือของลาเต้ขึ้นมา มองขึ้นมองลง“มือไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ย?”
ลาเต้ขจัดความโกรธ และหัวเราะแฮะๆ“ไม่เป็นไร สบายดี”
“งั้นก็ดี”มายมิ้นท์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ดวงตาของเปปเปอร์หมองคล้ำ ความดันอากาศของรอบตัวก็ลดลง สีหน้าของดูไม่ดีมาก
ที่แท้เขาคิดเอาเองฝ่ายเดียว เธอไม่ได้เป็นห่วงเขาด้วยซ้ำ
ก็ใช่ ลาเต้เป็นแฟนของเธอ เธอเป็นห่วงลาเต้ถึงจะปกติที่สุด เพียงแต่ว่าทำไมในใจถึงได้ไม่พอใจขนาดนั้น?
เปปเปอร์กำหมัดทั้งสองแน่นขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา
มายมิ้นท์ไม่ได้มองเขา จิ้มที่หน้าผากของลาเต้อย่างโกรธเคือง “นายน่ะ อยู่ดีๆต่อยคนอย่างกะทันหัน ฉันตกใจแทบตาย”
“ใครให้เขาหน้าด้านขนาดนี้”ลาเต้พูดอย่างเย็นชาใส่เปปเปอร์
สีหน้าท่าทางของมายมิ้นท์ก็เย็นชาขึ้นมา มองไปทางเปปเปอร์“ประธานเปปเปอร์ คุณกลับไปเถอะ ฉันยังยืนยันคำเดิม ฉันไม่มีทางล้มเลิกไม่แจ้งตำรวจ”
เปปเปอร์มองต่ำ“เธอต้องการทำอะไร!?”
“อะไรนะ!?”มายมิ้นท์นิ่งอึ้ง
เปปเปอร์มองดูเธอ ริมฝีปากบางเปิดออกเบาๆ“ตราบใดที่เธอรับปากว่าจะไม่แจ้งตำรวจ เธอต้องการอะไรก็ได้”
“แกแม่ง……”ลาเต้ก็จะคลั่งอีก
มายมิ้นท์ห้ามเขาไว้ มองไปที่เปปเปอร์ด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ย “ต้องการอะไรก็ได้งั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง”เปปเปอร์พยักหน้า
มายมิ้นท์หรี่ตา“ได้ คุณเป็นคนพูดเองนะ งั้นฉันต้องการบริษัทตระกูลนวบดินทร์หรือว่าเอสซีกรุ๊ป คุณเลือกมาหนึ่งอย่างนะ ตราบใดที่คุณให้หนึ่งในนั้น ฉันก็จะไม่แจ้งตำรวจ”
ดวงตาของลาเต้เปล่งประกาย “ที่รัก อันนี้ดี”
เปปเปอร์คาดไม่ถึงว่ามายมิ้นท์จะมีความทะเยอทะยานมากขนาดนี้ ทันทีที่เอ่ยปากก็จะต้องการบริษัทตระกูลนวบดินทร์หรือว่าเอสซีกรุ๊ป ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา“มายมิ้นท์ เธอกำลังล้อฉันเล่นเหรอ? ทั้งที่เธอรู้ว่าฉันไม่มีทางให้สิ่งนี้กับเธอ”
มายมิ้นท์พับแขน แล้วพูดอย่างเยาะเย้ยว่า: “ใช่ ฉันก็กำลังล้อคุณเล่น ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเปลืองความคิดบอกให้ฉันล้มเลิกที่จะแจ้งตำรวจ เพราะว่านี่มันเป็นไปไม่ได้ ฉันจะต้องทำให้ส้มเปรี้ยวเข้าคุกอย่างแน่นอน!”
หลังจากที่พูดจบ เธอดึงลาเต้เดินทางไปลิฟต์
เดิมที เธอยังรู้สึกซาบซึ้งใจที่เปปเปอร์ปรากฏตัวช่วยเธอได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นเธออาจจะตายแล้ว แต่ตอนนี้สิ่งเหล่านี้ที่เปปเปอร์ทำ ทำให้ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่เธอมีต่อเขาหายไปอย่างราบคาบ มีเพียงเต็มไปด้วยความขยะแขยง
เธอคิดว่า ตามใจคนที่ตัวเองรักไม่ผิด แต่ตามใจขนาดนี้จนไม่มีขีดจำกัด ไม่สนใจกฎหมายและศีลธรรม นั่นก็ไม่มีความเป็นคนมากเกินไปแล้ว
เปปเปอร์มองดูแผ่นหลังของมายมิ้นท์ ไม่ได้ห้ามให้เธอจากไป
เพราะว่าเขารู้ว่า ห้ามไปก็ไม่มีประโยชน์ สู้ใช้วิธีอื่น ช่วยส้มเปรี้ยวดีกว่า
ดวงตาของเปปเปอร์เปลี่ยนไปเล็กน้อย และก็หันหลังจากไป
ในอีกด้านหนึ่ง ในลิฟต์
ลาเต้ยังคงพูดไปด่าไป“เปปเปอร์ไม่เข้าท่าจริงๆ คำพูดหน้าด้านขนาดนี้ก็พูดออกมาได้”
“เอาล่ะ ฉันก็ไม่โกรธแล้ว นายยังโกรธอะไรอีก!?”มายมิ้นท์มองดูท่าทางโกรธของเขา และยิ้ม
ลาเต้เบะปาก“ที่รัก เธอไม่โกรธแล้วจริงเหรอ?”
“อือ โกรธแป๊บเดียวก็ดีแล้ว โกรธนานเกินไปไม่คุ้มค่า เนื่องจากว่าเป็นคนไม่สำคัญ”มายมิ้นท์ตอบอย่างราบเรียบ
ลาเต้กะพริบตาอย่างตื่นเต้น “ที่รักพูดถูก พวกเขาก็เป็นคนไม่สำคัญ แต่ว่า……”
“อะไร!?”มายมิ้นท์เดินออกจากลิฟต์
ลาเต้ติดตามเธออย่างใกล้ชิด “ครั้งนี้เปปเปอร์ล้มเลิกการตัดสินใจของเธอ คงจะไม่มีทางยอมแพ้แน่ คงจะทำอะไรอย่างแน่นอน”
ดวงตาของมายมิ้นท์มืดลง “ถ้าหากเป็นแบบนี้จริงๆ แน่นจริงก็เข้ามาสิ ถึงยังไงฉันคนเดียว ไม่มีอะไรให้เสียแล้วก็ย่อมไม่กลัวอะไร เรื่องใหญ่ก็จบเห่ด้วยกัน”
ลาเต้ตกใจ“ที่รัก อย่าเป็นแบบนี้นะ เธอจบแล้วฉันจะทำยังไง?”
มายมิ้นท์กลอกตาขาวแวบหนึ่ง“เอาล่ะ ฉันก็แค่พูดเรื่อยเปื่อยเท่านั้นเอง นายยังคิดว่าจริงเหรอ”
แต่ถ้าหากเปปเปอร์ทำให้เธอโกรธมากจริงๆ
เธอก็ไม่ใช่ว่าจะลากเขาไปจบด้วยกันไม่ได้
ระหว่างที่คุยกัน ถึงห้องทำงานแล้ว
มายมิ้นท์ผลักประตูเข้าไป และหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรแจ้งตำรวจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...