“ไม่ได้แน่นอน นายกินข้าวมาแล้วนะ อีกอย่างพี่ชายนายทำอาหารเต็มโต๊ะเลย โน่น อยู่ทางโน้น นายรีบไปกินเถอะ”
ปีโป้จ้องตาเขม็ง “ผมไม่ได้ถามพี่ พี่ถือสิทธิ์อะไรมาตอบ”
“ก็ถือสิทธิ์พี่เป็นแฟนของที่รักไงครับ” ลาเต้พูดพลางโอบไหล่มายมิ้นท์
มายมิ้นท์เองก็ไม่ได้ขัดขืน
เมื่อลาเต้เห็นเธอให้ความร่วมมือขนาดนี้ สีหน้ายิ่งแสดงออกถึงความได้ใจ “เป็นอย่างไรล่ะ นายยังมีปัญหาอะไรอีกไหม”
ปีโป้โกรธจนหน้าแดงจัด แต่ไม่นาน เขาก็เบนความสนใจมาที่มายมิ้นท์ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “พี่มายมิ้นท์... ผมหิวจริงๆนะ พี่ให้ผมกินหน่อยเถอะ ขอร้องล่ะ”
เขายกมือขึ้นไหว้แล้วไหว้อีก ท่าทางน่าสงสาร
และนั่นก็ทำให้มายมิ้นท์คิดถึงสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ที่ตัวเองเลี้ยงเมื่อหลายปีก่อน เพื่อให้ได้อาหาร ก็ยังยกขาหน้าสองข้างขึ้นไหว้ เหมือนกับปีโป้ในตอนนี้ไม่มีผิด
และแล้วมายมิ้นท์ก็ใจอ่อนขึ้นมา พร้อมชี้มาทางเก้าอี้ที่ยังว่างอยู่ “เอาเถอะ นายกินเถอะ”
“เย้ พี่มายมิ้นท์ ผมขอให้พี่อายุมั่นขวัญยืนนะครับ” ปีโป้กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ และก็ได้รีบวิ่งหยิบชามและตะเกียบในห้องครัว
“ที่รัก คุณให้เขากินด้วยจริงๆ เหรอ” ลาเต้มองมาที่มายมิ้นท์ด้วยความสงสัย ทามทอยและชาหวานก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน
แม้แต่เปปเปอร์ก็ยังถึงกับชะงักไป
เธอเคยบอกว่าจะไม่ญาติดีกับตระกูลนวบดินทร์แล้วไม่ใช่เหรอ
ทำไมยังยอมให้ปีโป้กินข้าวด้วยล่ะ?
“ใช่ค่ะ ให้เขากินเถอะ” มายมิ้นท์พยักหน้าตอบ
ลาเต้ขมวดคิ้ว “ทำไมล่ะ?”
เปปเปอร์ตั้งใจรอฟังคำตอบอย่างเงียบๆ
เพราะเขาก็อยากรู้เหตุผล
“ง่ายนิดเดียว ท่าทางเมื่อสักครู่ของเขาทำให้ฉันคิดถึงเจ้าฝอยทอง” มายมิ้นท์พูดด้วยรอยยิ้ม สายตาเปล่งประกายเมื่อนึกย้อนถึงความทรงจำในอดีต
ลาเต้ก็ย้อนนึกหน้าตาของเจ้าฝอยทองจากส่วนลึกในความทรงจำ แล้วพยักหน้าเห็นด้วย “มีส่วนคล้ายกันจริงๆ”
“เจ้าฝอยทองที่พวกคุณพวกถึงคือ?” จู่ๆ เปปเปอร์ก็ลุกขึ้น พร้อมถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง น้ำเสียงร้อนรนอย่างเก็บอาการไว้ไม่อยู่
เจ้าฝอยทองเหมือนกับที่เขาคิดอยู่ตอนนี้หรือเปล่านะ?
พลันมายมิ้นท์และลาเต้สบตากัน ไม่เข้าใจว่าทำไมเปปเปอร์ต้องร้อนรนขนาดนี้
ช่วงจังหวะที่ทั้งสองคนกำลังจะตอบว่าเจ้าฝอยทองเป็นสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ตัวหนึ่ง
ส้มเปรี้ยวก็ได้ก้มหน้าลง ใช้มือยันโต๊ะและไอขึ้นมาเสียงดัง
เปปเปอร์สีหน้าตึงเครียดทันที รีบตบกลางหลังเธอเบาๆ แล้วถามอย่างห่วงใยว่า “ส้มเปรี้ยวเป็นอะไรไปเหรอ?”
“เปปเปอร์ ฉันรู้สึกเวียนหัว เหมือนจะเป็นหวัด คุณช่วยพยุงฉันกลับห้องหน่อยได้ไหมคะ” ส้มเปรี้ยวเงยหน้าที่ไอจนซีดเซียวขึ้นมามองเขา
“ได้ครับ” เปปเปอร์พยักหน้าตกลง
ส้มเปรี้ยวกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอกภายในใจ
เธอรู้ว่าเจ้าฝอยทองคือสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ จากการอ่านจดหมายของเปปเปอร์ เพียงแต่เธอไม่คาดคิดว่ามายมิ้นท์จะเอ่ยชื่อเจ้าฝอยทองขึ้นมา และยังเข้าหูเปปเปอร์อีกด้วย
แต่โชคดีที่เธอเข้าขัดจังหวะไว้ได้ทัน ทำให้บทสนทนาเรื่องเจ้าฝอยทองจบลงเพียงเท่านี้ ไม่อย่างนั้นเปปเปอร์จะต้องรู้ว่าเจ้าฝอยทองที่มายมิ้นท์พูดถึงคือเจ้าฝอยทองเดียวกันกับที่เขาคิด แล้วเขาก็จะรู้ความจริงว่ามายมิ้นท์ก็คือคนที่เขาเขียนจดหมายถึงเขา และเธอก็คือคนที่เขารักอย่างแท้จริง
“เอ๊ะ พี่ชายผมล่ะ?” เมื่อปีโป้ถือชามและตะเกียบออกมา แล้วเห็นว่าเปปเปอร์กับส้มเปรี้ยวไม่อยู่แล้ว จึงถามด้วยความสงสัย
เลเต้ชี้ไปที่ชั้นบน “กลับห้องไปแล้ว นายก็กลับไปเถอะ ไม่ต้องกินแล้ว”
“ถึงพี่ไม่ให้กิน แต่ผมไม่ทำตามหรอกนะ” ปีโป้กลอกตาใส่เขาแล้วนั่งลงเริ่มกินข้าว
วินาทีที่ปลายลิ้นได้สัมผัสรสชาตินั้น เขาถึงกับซาบซึ้งจนน้ำตาเกือบจะไหลออกมา
“นี่ถึงเป็นอาหารที่คนกิน” ปีโป้ถอนหายใจด้วยสีหน้าที่อิ่มเอม
วินาทีหลังจากนั้น มายมิ้นท์วางตะเกียบลง และก็ได้ทำให้ความสุขของเขาพังทลายลง “หลังจากกินเสร็จอย่าลืมเก็บจานชามบนโต๊ะไปล้างด้วยนะ”
“ทำไมครับ?” ตาของปีโป้เบิกกว้าง
“ทำไมน่ะเหรอ?” มายมิ้นท์มองเขาด้วยสายตาที่อดขำไม่ได้ “ก็เพราะว่าพี่เป็นคนทำอาหาร ชาหวานเป็นคนล้างผัก ทามทอยเป็นคนจัดการกับปลา ส่วนลาเต้ก็เป็นคนจัดเตรียมเครื่องปรุงและถ้วยชาม เพราะฉะนั้นนายจะมากินข้าวฟรีๆ ไม่ได้หรอกนะ?”
“ผม...” ปีโป้ก้มหน้าลง “ผมเข้าใจแล้วครับ”
มายมิ้นท์มองทรงผมที่ชี้อยู่จุกหนึ่งบนหัว อดไม่ไหวที่จะเอามือเข้าลูบแล้วบอกว่า “เป็นเด็กดีนะ”
ปีโป้หน้าแดงก่ำ “พี่ยังคิดว่าผมเป็นเด็กเหรอครับ?”
“นายจะคิดแบบนั้นก็ได้” มายมิ้นท์ลุกขึ้นเดินกลับห้องไป
พวกลาเต้กินข้าวใกล้เสร็จ ก็เริ่มทยอยแยกย้ายออกจากโต๊ะอาหาร
สุดท้ายบนโต๊ะอาหารจึงเหลือแต่ปีโป้คนเดียว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...