รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 159

   ที่จริงเขาเคยได้ยินมายมินท์บอกว่าไม่รักตัวเองตั้งนานแล้ว แต่ที่ผ่านมาเขาแค่ไม่เอามาใส่ใจ นึกว่านั่นเป็นคำพูดที่เธอแค่พูดด้วยความโกรธเฉยๆ เธอโกรธที่เขาคอยปกป้อง ส้มเปรี้ยว ถึงได้แกล้งพูดแบบนี้ เพราะเขาไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าหลายปีนี้เธอรู้สึกกับเขายังไง

   แต่ตอนนี้ เธอสามารถอยู่ตรงหน้าคุณย่าและบอกคุณย่าอย่างสงบว่าเธอไม่รักแล้ว ก็ทำให้เขาตระหนักได้อย่างสิ้นเชิงว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของเธอไม่ใช่ยั่วโมโหเขา แต่ว่าเธอไม่รักแล้วจริงๆ

   นาทีนี้ เปปเปอร์รู้สึกได้ชัดเจนว่าหัวใจตัวเองเจ็บแปล๊บๆ แถมยังค่อนข้างว่างเปล่า ราวกับถูกคนคว้านเอาสิ่งที่สำคัญที่สุดไปยังไงอย่างงั้น ทำให้สีหน้าเขาดูแย่มาก

   หางตาของได้เห็นหน้าตานาทีนี้ของเขา เธอส่ายหัวเล็กน้อยพร้อมกับถอนหายใจ “เดิมทีย่ายังคิดอยู่ว่าถ้าหนูยังมีใจให้เปปเปอร์ ไม่ว่ายังไงย่าก็จะจับคู่พวกหนู แต่ตอนนี้……เฮ้อ ที่จริงแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”

   เมื่อก่อนคือเปปเปอร์ไม่รักมายมินท์ ทั้งคู่ถึงได้เย็นชาขนาดนั้น

   แต่ตอนนี้คือมายมินท์ไม่รักเปปเปอร์ ทั้งสองกลับมาอยู่ด้วยกัน แล้วจะต่างอะไรกับเมื่อก่อนล่ะ

   “ขอบคุณๆย่าที่เป็นห่วงค่ะ แต่หนูกับประธานเปปเปอร์เป็นไปไม่ได้แล้วค่ะ” มายมินท์ดึงมือของท่านย่าไว้ “ทำให้คุณย่าผิดหวังแล้วค่ะ”

   “เด็กโง่ พูดอะไรน่ะ เมื่อเทียบกับฝืนให้หนูอยู่กับเปปเปอร์แล้ว ย่าหวังให้หนูใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากกว่า หนูดูหน้าเรียวเล็กของหนูสิว่ามีชีวิตชีวามากแค่ไหน แล้วดูเมื่อก่อนสิที่อิดโรยจนไม่เหมือนหญิงสาวอายุยี่สิบกว่าเลย แบบนี้ดีกว่าเยอะ”ท่านย่าพูดพร้อมหัวเราะเหอะๆ

   มายมินท์เห็นท่านย่าไม่ได้ถือสาจริงๆ เธอที่กระวนกระวายก็ได้ผ่อนคลายลงเสียที พร้อมกับได้ยิ้มตาม

   ต่อมา เธอนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเอาสร้อยออกมาจากในคอเสื้อ “อ้อใช่ คุณย่าคะ หนูกลับไปที่คฤหาสน์เก่าเที่ยวนึง หาสร้อยคอเจอเส้นนึง คุณย่าดูหน่อยค่ะว่าใช่เส้นที่คุณย่าบอกหรือเปล่า?”

   สร้อยคอ?

   เปปเปอร์ที่อยู่นอกระเบียงได้ยินคำพูดนี้แล้วหรี่ตาไว้

   สร้อยคออะไร?

   ท่านย่ายกสร้อยคอของมายมินท์ขึ้น “ย่าก็ไม่รู้ว่าใช่เส้นนี้หรือเปล่า ตอนนั้นพ่อของหนูรีบร้อน ไม่ได้บอกเลยว่าสร้อยคอหน้าตาเป็นยังไง ย่าก็เลยไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน”

   มายมินท์วางสร้อยคอลง “คฤหาสน์เก่าทั้งหลังมีแค่เส้นนี้เส้นเดียวค่ะ ไม่มีเส้นอื่นแล้ว”

   “งั้นก็น่าจะอันนี้แล้วแหละ”ท่านย่าพยักหน้า

   มายมินท์กัดริมฝีปากล่าง “สร้อยเส้นนี้เหมือนสร้อยที่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ใส่มากเลยค่ะ หนูเคยไปถามมาแล้วว่าเป็นสร้อยคู่แม่ลูกกัน เส้นที่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ใส่อยู่คือของผู้เป็นแม่ ส่วนเส้นนี้คือของผู้เป็นลูก หนูเลยคิดไม่ตกว่าทำไมสร้อยของส้มเปรี้ยวถึงได้มาอยู่ที่บ้านของหนูคะ”

   “หนูบอกว่านี่เป็นสร้อยของตระกูลภักดีพิศุทธิ์?”ท่านย่าอึ้ง

   มายมินท์พยักหน้า “ใช่ค่ะ เป็นสร้อยที่เมื่อยี่สิบกว่าปีเยี่ยมบุญให้คนออกแบบให้ เพื่อมอบให้กับคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์และลูกสาวที่เธอเพิ่งคลอดออกมา นั่นก็คือส้มเปรี้ยว”

   “ย่านึกออกแล้ว”ท่านย่ายิ้ม “ถ้าเป็นสร้อยคู่แม่ลูกของตระกูลภักดีพิศุทธิ์จริงๆ งั้นเส้นที่อยู่ในมือของหนูไม่ใช่ของส้มเปรี้ยว แต่เป็นของชวนชม”

   “ชวนชม?”มายมินท์เอียงศีรษะอย่างข้องใจ

   ไม่รู้เป็นอะไร ได้ยินชื่อนี้แล้ว ในใจเธอมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูกผุดขึ้นมา

   แต่ไม่นาน ความรู้สึกนั้นก็ได้หายไป

   “ใช่ คือชวนชม เธอเป็นลูกสาวคนโตของเยี่ยมบุญกับภรรยา ส้มเปรี้ยวในตอนนี้คือลูกคนเล็ก ว่าไปแล้ว หนูกับชวนชมยังเกิดปีเดียวกันด้วยนะ”

   ท่านย่าพูดอย่างนึกย้อนความหลัง:“สมัยนั้นภรรยาของเยี่ยมบุญคลอดลูกสาวคนโตออกมา เรื่องที่เยี่ยมบุญซื้อสร้อยสองเส้น อยู่ในเมืองเดอะซีถือว่าโด่งดังพอสมควร คนมากมายต่างก็อิจฉาคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ แต่ตอนที่คลอดส้มเปรี้ยว เยี่ยมบุญกลับไม่มีการแสดงออกใดๆเลย เพราะฉะนั้นสร้อยเส้นนี้เป็นของลูกสาวคนโต”

   มายมินท์ก้มหน้าดูสร้อยที่อยู่บนคอ “ที่แท้ตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่ได้มีแค่ส้มเปรี้ยวลูกสาวคนเดียว แต่ทำไมที่ผ่านมาหนูไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าตระกูลภักดีพิศุทธิ์ยังมีลูกสาวคนโตอีกคนด้วย?”

   “นั่นเป็นเพราะว่าสมัยเธอยังเด็กมากก็ได้ตายไปแล้ว” เปปเปอร์ผลักประตูเข้ามาพูด

   มายมินท์เบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ “ตายไปแล้ว?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว