ในใจก็คิดแบบนี้ แต่ปากก็ไม่กล้าพูดแบบนี้ออกมา
ผู้ช่วยเหมันตร์กระแอมให้คอโล่งตอบกลับว่า “ครับ ผมจะส่งให้เดี๋ยวนี้”
เปปเปอร์ยื่นโทรศัพท์มือถือไปให้
หลังจากผู้ช่วยเหมันตร์รับมา ส่งให้เขาทันที
เปปเปอร์เหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะส่งเสียงดัง เปลือกตาหลุบลง “ได้แล้ว นายออกไปเถอะ”
“ครับ”
ผู้ช่วยเหมันตร์ออกไปแล้ว ในห้องทำงานเหลือเพียงเปปเปอร์เพียงคนเดียว
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กดเปิดวีแชท มองเห็นภาพถ่ายที่ผู้ช่วยเหมันตร์ส่งมา
มีสองภาพ อีกภาพหนึ่งเขายังไม่เคยเห็น
เปปเปอร์กดเปิดรูปนั้น
ในภาพถ่าย มายมิ้นท์ยังอยู่ในภาพเบื้องหลังนั้น แต่เปลี่ยนท่าทางแล้ว
เธอข้างหนึ่งของเธอยกชายกระโปรง อีกมือหนึ่งวางอยู่กลางอากาศ ราวกับว่าจะโบยบินไปในวินาทีถัดมาอย่างนั้น
สวยก็ถือว่าสวย แต่เขากลับไม่ชอบ
เปปเปอร์กดที่รูปภาพนั้น อยากจะลบภาพนั้นทิ้งไป
ทันใดนั้นนิ้วมือที่อยู่กลางอากาศเตรียมจะกดลบ กลับลังเลไม่ยอมกดลงไป
สุดท้าย เขาก็ยอมแพ้
“เปปเปอร์!” ทันใดนั้น เสียงที่กระวนกระวายเล็กน้อยของส้มเปรี้ยวก็ดังมาจากประตู
เปปเปอร์ขมวดคิ้ว รีบกดออกจากวีแชท เอาโทรศัพท์มือถือวางกลับไปที่เดิมเมื่อครู่ “เข้ามา”
อีกด้าน มายมิ้นท์กับชาหวานซื้อรองเท้าเสร็จ ออกมาจากร้านรองเท้า
ชาหวานลูบท้อง “ประธานมายมิ้นท์ พวกเราไปกินสักหน่อยเถอะค่ะ เริ่มหิวแล้วค่ะ”
มายมิ้นท์เองก็หิวเล็กน้อยแล้ว มองเวลา ใกล้จะบ่ายโมงแล้ว
“ได้ ไปชั้นห้ากัน ที่นั่นมีแต่ร้านอาหาร ฉันเลี้ยง ถือว่าเป็นการขอบคุณที่เธอออกมาเป็นเพื่อนฉันวันนี้” มายมิ้นท์เอาข้อมือลงยิ้มพลางเอ่ย
ชาหวานพยักหน้า “งั้นฉันไม่เกรงใจนะคะ”
“ไม่ต้องเกรงใจ ไปกัน” มายมิ้นท์คล้องแขนเธอ
ทั้งสองคนเพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว จู่ๆชาหวานก็หยุด ชี้ไปที่ร้านหนึ่งฝั่งตรงข้าม “ประธานมายมิ้นท์ นั่นไม่ใช่แม่ของส้มเปรี้ยวเหรอคะ”
ได้ยินประโยคนี้ มายมิ้นท์ก็มองไป มองเห็นคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์จริงๆ
เธอน่าจะเพิ่งทำสปาออกมา เปล่งประกายทั้งตัว ดูแล้วไม่เหมือนผู้หญิงวัยห้าสิบเลยสักนิดเดียว
“วันนี้ช่างไม่ใช่วันที่ควรออกจากบ้านจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็เจอกับส้มเปรี้ยวที่น่ารำคาญ ต่อมาก็เจอกับแม่ของส้มเปรี้ยว โลกนี่มันกลมจริงๆ” ชาหวานถอนหายใจ
มายมิ้นท์ยิ้ม “เอาละ อย่างไรเสียทุกคนก็อยู่ที่เมืองเดอะซี จะเจอกันง่ายๆก็เป็นเรื่องธรรมดามาก”
อาจจะเป็นเพราะสายตาของทั้งสองคนชัดเจนเกินไป ไม่ได้ปิดบังเลยสักนิดเดียว คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามสัมผัสได้ มองมา
มองเห็นมายมิ้นท์ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ขมวดคิ้วทันที สีหน้าไม่ยินดีอย่างมาก
มายมิ้นท์ก็ไม่โกรธ ในทางกลับกันเธอก้มศีรษะยิ้มให้ด้วย
คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เบนหน้าหนี เดินไปทางร้านด้านหน้า ไม่ได้คิดตอบโต้
ชาหวานกลอกตามองบน “ดูเถอะค่ะ ดูช้างให้ดูหางดูนางให้ดูแม่ มิน่าล่ะส้มเปรี้ยวถึงเป็นคนแบบนั้น ที่แท้แม่ก็สอนมานี่เอง”
“เอาละ ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าหิวแล้วเหรอ ไปเถอะ” มายมิ้นท์พูดพลางดึงสายตากลับมา
ชาหวานส่งเสียงอืม เดินไปทางบันไดเลื่อน นั้นพร้อมกับเธอ
จากนั้นสิ่งที่ทั้งสองคนคิดไม่ถึงก็คือ รอจนกินข้าวเสร็จ จะพบกับคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์อีก
แต่ครั้งนี้คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่สังเกตเห็นพวกเธอ หลังจากเดินออกมาจากร้านอัญมณีDT ก็ตรงกลับไปเลย
อีกอย่างตอนที่เดินออกมา สีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีนัก ดูเหมือนจะหดหู่สิ้นหวังมากอย่างนั้น
มายมิ้นท์อดไม่ได้ที่จะนึกถึงครั้งก่อน ที่ตนเองถือสร้อยคอของลูกสาวมาสอบถามที่ในร้านDT ต่อมาคนในร้าน ก็บอกเรื่องสร้อยคอของลูกสาวกับคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์
และก็ด้วยเหตุนี้ คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์จึงสงสัยว่าส้มเปรี้ยวยังมีชีวิตอยู่ จึงเริ่มที่จะตามหาส้มเปรี้ยว
เมื่อครู่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ออกมาจากDTด้วยสีหน้า หรือเป็นเพราะเรื่องของส้มเปรี้ยว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...