ในขณะเดียวกัน จู่ๆ ท้องฟ้าด้านนอกก็เกิดมีประกายขึ้น สายฟ้าแลบขนาดใหญ่ ดูเหมือนจะผ่าท้องฟ้าให้แบ่งออกเป็นสองส่วน ท้องฟ้ายามมืดมิดถูกส่องสว่างเจิดจ้าอยู่ครู่หนึ่ง
ณ คอนโดพราวฟ้า มายมิ้นท์ถูกเสียงฟ้าผ่าเมื่อสักครู่ทำให้ตกใจตื่น เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียง จิตใจว้าวุ่นและตื่นตระหนก แม้แต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเธอตื่นเต้นอะไรอยู่
มายมิ้นท์ยกมือขึ้นเปิดไฟที่หัวเตียง ก่อนจะกุมไปที่ขมับทั้งสองข้าง เธอหยิบแก้วน้ำที่วางไว้ตรงหัวเตียงขึ้นมาดื่มให้ตนเองสงบจิตสงบใจลง
แต่หลังจากที่เธอดื่มน้ำเรียบร้อยแล้ว เธอก็นำแก้วน้ำวางกลับไปที่เดิม ทว่าดวงตาของเธอต้องเบิกกว้างและตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
เนื่องจากเธอเห็นผ้าม่านบริเวณปลายเตียงที่ไม่ได้ถูกเปิดออกปรากฏเป็นหัวกะโหลกอันน่าตกใจ
เธอตาฝาดไปใช่ไหม?
มายมิ้นท์หลับตาลงอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณสองวินาที เธอก็ลืมตาขึ้นและมองไปยังผ้าม่านอีกครั้ง
ที่นั่นมีแต่ความมืดมิดและแสงสว่างจากไฟที่ส่องเข้ามา มันจะไปมีหัวกะโหลกได้ยังไงล่ะ?
เฮ้อ......มายมิ้นท์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะตบลงไปที่หน้าอกของตนเอง
เธอตาฝาดไปจริงๆ ด้วย
เธอก็ว่าอยู่ โลกในปัจจุบันนี้มีผีสางเทวดาเสียที่ไหน?
แต่เมื่อครู่ทำให้เธอตกใจได้ไม่น้อย
เมื่อรู้สึกว่าสักครู่ตนเพียงแค่ตาลายไป มายมิ้นท์ก็ส่ายหน้าและอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เช้าวันต่อมา มายมิ้นท์มาถึงที่บริษัท
เมื่อเธอเดินมาถึงปากประตูห้องทำงาน ซินดี้ก็ได้โค้งตัวเคารพเธอแล้วทักทายว่า “ประธานมายมิ้นท์คะ อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ มารอฉันอยู่ตรงนี้มีอะไรหรือเปล่า?” มายมิ้นท์หยิบคีย์การ์ดออกมาแล้วสัมผัสไปที่ประตู ก่อนจะเปิดเข้าไปด้านใน
ซินดี้ยืนอยู่ข้างหลังเธอแล้วพูดว่า “เมื่อสักครู่ได้รับแจ้งจากนวบดินทร์กรุ๊ป บอกว่าโครงการร่วมมือพลังงานใหม่จำเป็นต้องให้คุณเดินทางไปประชุมด้วย”
“เดินทางไปประชุมที่นวบดินทร์กรุ๊ปเหรอ?” มายมิ้นท์ลากเก้าอี้ออกมาและชะงักลง
ซินดี้พยักหน้า “ใช่ค่ะ”
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคลายลงและตอบว่า “โอเค เข้าใจแล้วกี่โมง?”
ที่จริงเธอเองก็ไม่อยากจะไปนวบดินทร์กรุ๊ปนักหรอก
แต่ว่าเปปเปอร์เป็นผู้รับผิดชอบหลักของโครงการนี้ การที่เขาเลือกสถานที่ประชุมคนอื่นไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธ นอกเสียจากว่าจะสละสิทธิ์การเข้าร่วมความร่วมมือ แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เธอจะได้มันมา เธอจะยอมทิ้งไปง่ายๆ ได้อย่างไร?
ดังนั้นต่อให้เธอไม่อยากไปก็คงจะต้องจำใจไป
“บ่ายสองโมงค่ะ” ซินดี้ตอบ
มายมิ้นท์ถอดเสื้อคลุมออกแล้วนั่งลง “เข้าใจแล้วค่ะ ยังมีเรื่องอื่นอีกมั้ย?”
“มีค่ะ เมื่อเช้าคุณราเม็งได้มอบบัตรเข้างานมาให้หนึ่งใบ” ซินดี้เปิดแฟ้มที่กอดเอาไว้ออก ก่อนจะหยิบบัตรเข้างานให้เธอใบหนึ่ง
มายมิ้นท์รับไปแล้วมองดูรายละเอียดด้านบนบัตรเป็นการแนะนำแฟชั่นโชว์ เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น “เขาให้มันจริงๆ ด้วยสินะ”
“ที่จริงแล้วคุณราเม็งอยากจะรอให้คุณเดินทางมาก่อนแล้วมอบให้ด้วยตนเอง แต่ว่าหลังจากได้รับโทรศัพท์สายหนึ่งเขาก็รีบเดินทางจากไป” ซินดี้พูดออกมา
มายมิ้นท์หยิบบัตรเข้างานนั้นใส่เข้าไปไว้ในลิ้นชัก “คงจะมีงานแหละมั้ง เอาล่ะ ไปทำธุระต่อเถอะ”
“ค่ะ” เลขาซินดี้พยักหน้าตอบรับแล้วเดินออกไป
มายมิ้นท์เปิดคอมพิวเตอร์ออกและเริ่มทำงานของเธอ
ในตอนกลางวัน เธอได้รับสายโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ รายงานถึงความคืบหน้าที่สืบสวนเรื่องโคมไฟที่หล่นลงมาในภัตตาคารเมื่อคืนนี้
คำตอบที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้แก่เธอก็คืออุบัติเหตุ พวกเขาดูกล้องวงจรปิดและพบว่าโคมไฟคริสทัลนั้นไม่เคยมีใครแตะต้องมัน
ส่วนเหตุผลที่ว่าเหตุใดโคมไฟคริสทัลจึงตกลงมาได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เหตุผลว่าเสาที่ยึดเอาไว้นั้นไม่แข็งแรงพอ
แม้มายมิ้นท์จะรู้สึกว่าการอธิบายนี้มันดูไม่สมเหตุผล แต่นี่คงจะเป็นคำตอบเดียวนอกเหนือจากว่าเสาที่ยึดเอาไว้เป็นสนิม และไม่มีใครไปแตะต้องมัน
สรุปโดยรวมก็คือเรื่องนี้นับว่าต้องจบลงเพียงเท่านี้
หลังจากวางสายลง มายมิ้นท์ก็มองไปทางผ้าที่พันแขนของตนเอาไว้แล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะรับประทานอาหารต่อไป
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว เธอก็เดินไปขับรถเพียงลำพังมุ่งหน้าไปที่นวบดินทร์กรุ๊ป
ณ ห้องทำงานของประธานบริษัทนวบดินทร์กรุ๊ป
เปปเปอร์มองดูเวลาในหน้าจอคอมพิวเตอร์ “ทุกคนมาถึงแล้วหรือยัง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...