มายมิ้นท์กัดริมฝีปากล่างของเธอ ครุ่นคิดอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ และเปปเปอร์ซึ่งนั่งอยู่ตรงเก้าอี้หลักตรงกลางที่อารมณ์เพิ่งจะเริ่มดีขึ้นมา จู่ๆก็จมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งในทันที
เขาคิดว่าที่เธอเรียกเขา เพราะอยากให้เขาอธิบายให้เธอฟังอีกครั้ง
คิดไม่ถึงว่าจะเอากล้องวงจรปิด!
ขอกลับไป จากนั้นไปดูพร้อมกับลาเต้หรือไม่ก็ราเม็งอย่างนั้นเหรอ?
ระงับความรู้สึกปั่นป่วนหงุดหงิดในใจเอาไว้ เปปเปอร์ตอบมายมิ้นท์อย่างเย็นชาคำหนึ่ง “กล้องวงจรปิดเสียแล้ว”
“เสียแล้ว?” มายมิ้นท์อึ้งไป จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองกล้องวงจรปิดที่อยู่บนหัว ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เชื่อว่ามันเสียแล้ว
แต่เธอก็ไม่สามารถเอ่ยปากขอตรอบสอบได้ เพราะที่นี่ก็ไม่ใช่เทนเดอร์กรุ๊ป
ขณะที่มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี จู่ๆเปปเปอร์ก็พูดขึ้นมาอีกว่า: “ไปห้องทำงานผม”
“อะไรนะ?” มายมิ้นท์มองดูเขาอย่างประหลาดใจ “ไปห้องทำงานคุณทำไมกัน?”
“ถ้าหากคุณไม่อยากส่งเล่มวิเคราะห์พรุ่งนี้ คุณไม่ไปก็ได้” เปปเปอร์พูดจบ ก็เดินออกไปพร้อมด้วยไม้ค้ำยัน
มายมิ้นท์ถึงได้เข้าใจ ที่แท้เขาก็รู้ว่าเธอไม่เข้าใจรายละเอียดในห้องประชุม ดังนั้นจึงอยากจะสอนเธอ
แต่ว่าเขาใจดีขนาดนี้เชียว มันทำให้เธอรู้ประหลาดใจเล็กน้อย
มายมิ้นท์มองดูสมุดบันทึกที่อยู่ในมือ ไม่รู้ว่าควรจะไปดีหรือเปล่า
เธอไม่ค่อยอยากอยู่ตามลำพังกับเขาสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากไม่ไป หลายๆจุดก็ยังไม่เข้าใจ……
ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายมายมิ้นท์ก็กัดฟันตามเขาไป
ตอนนี้พวกเขาเป็นทีมที่ทำงานร่วมกันแล้ว เขาคงจะไม่อยากให้เธอคอยถ่วงแข้งถ่วงขา ทำให้ความก้าวหน้าของความร่วมมือล่าช้า ดังนั้นถึงได้ช่วยเธอล่ะมั้ง
เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว ความกดดันในใจของมายมิ้นท์ ก็หายไปในทันที
ฟังเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากด้านหลัง เปปเปอร์หันหน้าเล็กน้อย เห็นร่างหญิงสาวตามมาแล้วจริงๆ
ริมฝีปากบางของเปปเปอร์ขยับเล็กน้อย ความเร็วในการเดินก็ชะลอลงมา รอจนเธอเดินเข้าใกล้แล้ว ถึงได้กลับเข้าสู่ความเร็วในการเดินตามปกติ
ทั้งสองเดินตามกันเข้าไปในห้องทำงานทีละคน
ทันทีที่ประตูห้องทำงานปิดลง ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องทำงานเลขาด้านข้าง
หญิงสาวมองดูประตูห้องทำงานของประธาน หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง
ส้มเปรี้ยวกำลังทำผมอยู่ ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าดังขึ้นมา หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วมองไปแวบหนึ่ง รับสายแล้วยกขึ้นมาแนบหูฟัง “มีเรื่องอะไร?”
“คุณส้มเปรี้ยว มีสถานการณ์ค่ะ!” เลขาสาวใช้มือกุมโทรศัพท์มือถือเอาไว้ ลดเสียงตอบกลับไป
ส้มเปรี้ยวกวาดความเกียจคร้านที่อยู่บนใบหน้า สีหน้าเปลี่ยนเป็นร้ายกาจขึ้นมา “นังหน้าด้านไร้ยางอายคนไหนมันกล้ามาแย่งผู้ชายของฉัน?”
ตั้งแต่ถูกเปปเปอร์ออกคำสั่งว่าถ้าไม่มีนัดห้ามเขาบริษัทตระกูลนวบดินทร์เด็ดขาด เธอก็ซื้อตัวเลขาข้างตัวของเปปเปอร์เอาไว้คนหนึ่ง ให้เลขาคนนั้นคอยจับตาดูพนักงานหญิงของบริษัทตระกูลนวบดินทร์เอาไว้ ถ้ามีพนักงานหญิงคนไหนที่คิดจะมายั่วยวนเปปเปอร์ ให้รีบรายงานต่อเธอทันที
ช่วงเวลานี้เลขาไม่ได้ติดต่อกับเธอเลย เธอยังนึกว่าพนักงานหญิงของบริษัทตระกูลนวบดินทร์จะสงบเสงี่ยมเงี่ยมเสียอีก คิดไม่ถึงความเป็นจริงจะตบหน้าเธออย่างแรง
“ไม่ใช่คนของบริษัทเราค่ะ” เลขาสาวส่ายหน้า
ส้มเปรี้ยวก็ยังไม่ชอบใจ “ถึงแม้จะไม่ใช่คนของบริษัทตระกูลนวบดินทร์ แต่ก็มาแย่งผู้ชายของฉันอยู่ดี บอกมา มันเป็นใคร?”
กล้ามาแหยมกับเธอ เธอจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นได้รับรู้ คำว่าเสียใจภายหลังเขียนอย่างไร!
“ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่ฉันได้ยินประธานเปปเปอร์เรียกเธอว่าคุณมายมิ้นท์ กิริยาที่ประธานเปปเปอร์แสดงออกต่อเธออ่อนโยนมาก แถมยังตั้งใจหยุดรอเธอ เข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับด้วยค่ะ” เลขาสาวตอบ
เลขาคนนี้เป็นน้องใหม่ที่เพิ่งจะเข้าทำงานในบริษัทตระกูลนวบดินทร์ได้ไม่ถึงสองเดือน ตอนนี้ยังไม่ได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ ก็ต้องไม่รู้อยู่แล้วว่ามายมิ้นท์กับเปปเปอร์เป็นอดีตสามีภรรยากัน
ส้มเปรี้ยวได้ยินคำว่ามายมิ้นท์ ไหนเลยจะไม่รู้ว่าเป็นใคร ลุกขึ้นจากเก้าอี้นุ่มๆทันที จากนั้นก็ถูกเครื่องม้วนผมที่อยู่ในมืออาจารย์โทนี่ดึงจนผมขาดไปหลายเส้น เจ็บจนร้องซี๊ดออกมา
“คุณกล้าดึงผมฉัน?” ส้มเปรี้ยวจ้องอาจารย์โทนี่ด้วยสีหน้าดุร้ายน่ากลัว
ในใจอาจารย์โทนี่รู้สึกน้อยใจไม่ได้รับความธรรมมาก อยากจะบอกว่าคุณเองต่างหากที่จู่ๆก็ลุกขึ้นมา ผมก็เลยถูกดึงจนขาด จะมาโทษฉันได้อย่างไรเล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...