การันต์ฟังออกแล้ว สายตาเยือกเย็นราวกับงูพิษ น้ำเสียงในการพูดกลับอ่อนโยน: “ไม่จำเป็นต้องฆ่าเธอให้ตายหรอก บางครั้งการมีชีวิตอยู่ มันทรมานกว่าความตายด้วยซ้ำ”
“หมายความว่าอย่างไร?” ส้มเปรี้ยวขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจเล็กน้อยที่เขาบอกว่าจะไม่ฆ่ามายมิ้นท์
แว่นตาข้างหนึ่งของการันต์เป็นประกายแสงสีขาวขึ้นมา “ความหมายของผมคือ หาคนจำนวนหนึ่งทำลายเธอให้ย่อยยับ แล้วถ่ายคลิปเอาไว้ไม่ดีกว่าเหรอไง? เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว เธอไม่เพียงแต่จะไม่สามารถรักษาเด็กในท้องเอาไว้ได้ ตัวเธอเองก็จะเหมือนตายทั้งเป็นอีกด้วย”
ดวงตาส้มเปรี้ยวเป็นประกาย “คุณพูดถูก ปล่อยให้มายมิ้นท์ตายไปแบบนี้ ราคามันถูกไปสำหรับเธอ ปล่อยให้เธออยู่อย่างเจ็บปวดทรมานไปตลอดชีวิต ถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด”
เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ถึงแม้เปปเปอร์จะรู้ภายหลังว่ามายมิ้นท์ต่างหากคือต้นไผ่ แต่มายมิ้นท์ผู้ที่ถูกทำให้แปดเปื้อนแล้ว เธอคิดว่าเปปเปอร์เองก็จะไม่มีความรักให้อีก
และตัวมายมิ้นท์เองก็จะโงหัวไม่ขึ้นไปตลอดชีวิต ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้คำซุบซิบนินทาของคนในโลก แม้แต่เทนเดอร์กรุ๊ปเองก็จะถูกเยาะเย้ยเพราะเธอ
ดังนั้นแค่ฆ่าคนจะเพียงพอได้อย่างไรกัน มันต้องลงโทษตามเจตนาด้วย!
ส้มเปรี้ยวตื่นเต้นจนตัวสั่นไปทั้งตัว
สายตาการันต์คลุมเครือไม่ชัดเจน “ดูท่าคุณจะเห็นด้วยกับวิธีนี้ใช่ไหม”
“ถูกต้อง” ส้มเปรี้ยวพยักหน้า
เธอไม่เพียงเห็นด้วยเท่านั้น กระทั่งรอไม่ไหวแล้วด้วยซ้ำ!
“คุณวางแผนจะลงมือเมื่อไหร่?” ส้มเปรี้ยวถามอย่างร้อนใจ
“พรุ่งนี้เลย คุณสนใจมาดูไหมล่ะ?” การันต์หมุนมีดผ่าตัดที่คมเฉียบ ถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงการล่อลวงเล็กน้อย
สายตาส้มเปรี้ยวตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกมุมปากขึ้นมา “แน่นอน ฉันอยากเห็นมายมิ้นท์ถูกลากไปลงนรกด้วยตาของตัวเอง!”
“ได้ พรุ่งนี้ผมจะล่อมายมิ้นท์ไปที่ถนนเลเหนือ ที่นั่นคนน้อย คุณรอผมที่ถนนเลเหนือได้เลย” การันต์ใช่หัวแม่ขูดใบมีดของมีดผ่าตัด
ส้มเปรี้ยววางสายโทรศัพท์ลงด้วยความตื่นเต้น ในแววตาเต็มไปด้วยความโหดร้ายทารุณ “มายมิ้น แกจบแน่!”
“ฮัดชิ่ว!” ในห้องประธานบริษัทตระกูลนวบดินทร์ มายมิ้นท์เพิ่งจะเปิดโน้ตที่ตัวเองทำขึ้นมา ปลายจมูกก็คันขึ้นมา จามออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
เปปเปอร์วางถ้วยชาแดงเอาไว้ตรงหน้าเธอถ้วยหนึ่ง “หนาวเหรอ?”
“ไม่เท่าไหร่” มายมิ้นท์ตอบพร้อมรวบเสื้อสูททรงสลิมบนร่างกายตัวเอง
ในห้องทำงานมีฮิทเตอร์ทำความร้อน อากาศไม่หนาวสักเท่าไร
แต่เมื่อกี้มีชั่วแวบหนึ่ง จู่ๆเธอก็รู้สึกถึงความเย็นวาบวูบหนึ่งแปลบขึ้นมาจากแผ่นหลัง ทำให้คนรู้สึกขนลุกในใจ
เปปเปอร์มองดูท่าทางของมายมิ้นท์ เม้มริมฝีปากบางของตัวเอง หยิบรีโมทขึ้นมา แล้วปรับอุณหภูมิภายในห้องทำงานให้สูงขึ้นมาเล็กน้อย “แบบนี้ก็น่าจะไม่หนาวแล้ว”
“ขอบคุณค่ะ ประธานเปปเปอร์” มายมิ้นท์ยิ้มให้เขาอย่างสุภาพ
เธอไม่ได้รู้สึกว่าที่เขาทำแบบนี้ เพราะห่วงใยเธอ
เป็นเพียงการปฏิบัติดูแลที่พึงมีต่อหุ้นส่วนก็เท่านั้น ถ้าหากเป็นเธอ เธอเองก็จะทำแบบนี้เหมือนกัน
เปปเปอร์อืมออกมา แสดงออกว่าไม่เป็นไร จากนั้นก็วางรีโมทลง นั่งลงไปข้างกายเธอ
มายมิ้นท์ได้กลิ่นหอมมิ้นท์จากตัวของเขา สีหน้าท่าทางอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นความคิดก็เตลิดลอยไปแสนไกลในทันที กลับไปถึงเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนที่เธอพบกับเขาครั้งแรก
ใต้ต้นไม้ใหญ่ ลมพัดผ่านเบาๆ สาวน้อยที่แอบถ่ายได้กลิ่นหอมสดชื่นของเด็กหนุ่มที่แอบชอบลอยมา เช่นเดียวกับช่วงเวลาในตอนนี้ แต่เธอกลับไม่มีความรู้สึกใจเต้นแรงเหมือนอย่างในตอนนั้นอีก
เพราะกลิ่นหอมยังคงเป็นกลิ่นหอมแบบนั้น แต่คนกลับไม่ใช่คนคนนั้นแล้ว
สูดลมหายใจเข้าลึกๆ มายมิ้นท์ระงับอารมณ์แปรปรวนในใจ มองดูเปปเปอร์ด้วยสายตาที่ซับซ้อน “ประธานเปปเปอร์ คุณเปลี่ยนกลิ่นน้ำหอมดีกว่า กลิ่นนี้ไม่ค่อยเหมาะกับคุณเท่าไหร่ คุณน่าจะเหมาะกับกลิ่นหอมประเภทโอเชี่ยนมากกว่า”
ได้ยินคำพูดนี้ เปปเปอร์ขมวดคิ้วขึ้นมา
เขาใช้กลิ่นหอมมิ้นท์แบบนี้มาสิบกว่าปีแล้ว เป็นเพราะต้นไผ่ชอบ ดังนั้นเขาเลยใช้มันมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนบอกกับเขา ว่าเขาไม่เหมาะกับกลิ่นหอมกลิ่นนี้
ยังมีอีก สายตาเมื่อครู่ของเธอมันคืออะไรกันแน่ ถ้าหากเขามองไม่ผิด ดูเหมือนเธอจะมองเห็นใครอีกคนหนึ่งผ่านตัวเขา
คนคนเป็นใครกัน? ราเม็งหรือลาเต้?
รู้สึกได้ถึงไอความเย็นและความกดอากาศต่ำจากผู้ชายที่อยู่ข้างกาย มายมิ้นท์เลิกคิ้วขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...