ตอน บทที่ 303 เวรกรรมตามสนองชาวเน็ต จาก รักหวานอมเปรี้ยว – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 303 เวรกรรมตามสนองชาวเน็ต คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ รักหวานอมเปรี้ยว ที่เขียนโดย สายฝน เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
“เชิญประธานมายมิ้นท์กำชับมาได้เลยค่ะ” เลขาซินดี้มองมาที่เธอ
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “กล้องวงจรปิดที่โรงจอดรถ ส่งไปที่สถานีตำรวจแล้วหรือยัง?”
เลขาซินดี้พยักหน้า “แม้ว่ารถติดอาจจะล่าช้าไปสักหน่อย แต่ก็ได้ส่งไปแล้วค่ะ”
มายมิ้นท์ตอบรับเบาๆ “โอเคดีแล้ว คุณไปทำธุระต่อเถอะ”
“ค่ะ” เลขาซินดี้ยิ้มตอบรับ ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตู
เธอเพิ่งจะเดินไปถึงปากประตู ยังไม่ทันจะเอื้อมมือไปเปิดก็ปรากฏว่าประตูถูกผลักเข้ามาจากคนที่อยู่ข้างนอก
ลาเต้เดินเข้ามาข้างในอย่างเร่งรีบและชนเข้ากับเลขาซินดี้อย่างจัง
“ว้าย!” เลขาซินดี้เสียศูนย์ เท้าที่สวมรองเท้าส้นสูงของเธอสวมถอยออกไปแทบจะล้มลง
ยังดีที่ลาเต้สายตาว่องไว เขาจึงได้เอื้อมมือไปคว้าแขนของเธอเอาไว้ทันและดึงเธอกลับมา
“ขอโทษครับ ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ คุณเป็นอะไรไหม?” ลาเต้เอ่ยขอโทษด้วยความรู้สึกผิด
เลขาซินดี้เหลือบไปเห็นมือที่เขากุมแขนของเธอเอาไว้ แววตาเกิดเป็นความสุขเล็กน้อยและจางหายไปอย่างรวดเร็ว เธอส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะประธานลาเต้”
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วครับ” ลาเต้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะปล่อยเธอแล้วเดินไปทางมายมิ้นท์
เลขาซินดี้มองตามหลังเขาไป ดวงตาของเธอหรี่ลงครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มศีรษะแล้วก้าวขาออกไป
วินาทีที่ประตูถูกปิดลง เลขาซินดี้ยังได้ยินเสียงของลาเต้พูดดังขึ้นว่า “ที่รัก ผมมาแล้ว!”
“มาก็มาสิคะ จะรีบร้อนทำไมกัน แล้วยังไปชนซินดี้อีก”
ลาเต้หัวเราะแหะ “ก็ผมอยากจะมาพบหน้าคุณเร็วๆ นี่ครับ”
ก่อนหน้านั้นในโทรศัพท์ เขาบอกว่าจะไปหาเธอที่สถานีตำรวจ แต่ว่ามีธุระต้องไปจัดการทำให้เสียเวลา ดังนั้นเขาจึงไม่ทันที่จะเดินทางไปสถานีตำรวจ จึงได้ขับรถมาที่นี่โดยตรง”
“มีเรื่องอะไรเหรอคะ?” มายมิ้นท์ชี้ไปที่ฝั่งตรงข้าม เป็นความหมายให้ลาเต้นั่งลง
ลาเต้ดึงเก้าอี้ออกมานั่ง “เรื่องดีครับ คุณลองเดาดูซิว่าตอนนี้ในโลกอินเทอร์เน็ตเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ มายมิ้นท์ก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน “หรือว่าส้มเปรี้ยวพูดอะไรออกมาอีกคะ? เธอทำให้ความวุ่นวายแย่ลงไปอีกอย่างงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ครับ!” ลาเต้รีบโบกไม้โบกมือ “ผมบอกแล้วไงว่าเป็นเรื่องดี จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับส้มเปรี้ยวก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกได้ยังไงล่ะ!”
มายมิ้นท์รู้สึกเริ่มสนใจขึ้นมาเล็กน้อย เธอยืดหลังตรงแล้วถามว่า “เหรอคะ แล้วเรื่องอะไรกัน?”
ลาเต้ยักคิ้วใส่เธอแล้วยิ้มแหะๆ “พวกชาวเน็ตที่ก่อนหน้านี้ออกมาด่าคุณ อีกทั้งพวกแฟนคลับที่อยู่ฝ่ายเดียวกันกับส้มเปรี้ยว พวกที่ใส่ร้ายป้ายสีโยนความผิดมาให้คุณ ตอนนี้พวกเขาได้รับผลกรรมที่ก่อไว้ทางอินเทอร์เน็ตแล้ว!”
“อะไรนะคะ?” ดวงตาของมายมิ้นท์เบิกกว้าง “ได้รับผลกรรม ได้รับผลกรรมยังไงคะ?”
ลาเต้กำมือ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น “พวกชาวเน็ตเหล่านั้นถูกใครบางคนแฮกข้อมูลและเปิดเผยข้อมูลตัวตนของทุกคนออกมา แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เรื่องอันน่าอายที่พวกเขาเคยทำไว้ก็ถูกเปิดโปงมาเช่นกัน ตอนนี้คนทั่วโลกล้วนรู้หมดแล้ว คาดว่าในอนาคตคงไม่มีหน้าจะไปพบใครอีกเลยล่ะ!”
“เหรอคะ?” ดวงตาของมายมิ้นท์หรี่ลง “แล้วพวกบัญชีการตลาดกับสื่อมีเดียล่ะคะ?”
“พวกเขาน่ะเหรอ” ลาเต้ยิ้มเยาะออกมาอย่างขบขัน “พวกเขาก็คล้ายๆ กัน พวกบัญชีการตลาดและสื่อเหล่านั้นล้วนเป็นพวกแสวงหากำไร เพียงแค่ให้เงินพวกเขา พวกเขาก็ไม่สนใจหรอกว่าข่าวที่ให้เผยแพร่ออกไปนั้นเป็นจริงหรือไม่ ไม่สนใจว่ามีเงื่อนงำอะไรหรือเปล่า เพียงแค่สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้ก็พอ เอาเป็นว่าพวกเขาดูดเลือดของคนอื่นมามากมาย และฆ่าผู้บริสุทธิ์ทางอ้อม ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาทำอย่างไร้มนุษยธรรมทุกเรื่องได้ถูกเปิดเผยออกมาบนโลกอินเทอร์เน็ตแล้ว และทางตำรวจไอทีก็ได้เริ่มทำการสอบสวนอย่างละเอียด”
ต้องยอมรับว่าในครั้งนี้ ราเม็งเจ้าหมอนั่นทำได้ดีทีเดียว เขาได้ฉีกหน้ากากของบรรดาชาวเน็ตเหล่านั้นออก เผยให้เห็นความมืดมนที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังแล้วเปิดโปงต่อหน้าสาธารณชน ทำให้โลกทางอินเทอร์เน็ตยุ่งเหยิงไปหมด
ด้วยเหตุนี้เอง ตำรวจไอทีคงจะพยายามจับกุมราเม็งแน่ แต่ความสามารถและทักษะของราเม็งนั้นสูงมาก เขาไม่ปล่อยให้ตำรวจจับได้หรอก
หลังจากที่มายมิ้นท์ฟังคำพูดของลาเต้จบ ในใจของเธอก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง ริมฝีปากแดงเรื่อเม้มเข้าหากัน “คุณรู้ได้ยังไงว่าพวกชาวเน็ตและบัญชีการตลาดเหล่านั้น มุ่งเป้ามาที่ฉันตั้งแต่แรก คุณก็รู้นี่ว่าในวงการบันเทิงมีคนมากมายทรุดตัวลง……”
“บนอินเทอร์เน็ตมีเขียนเอาไว้” ลาเต้นั่งตัวตรงแล้วพูดต่อว่า “ข้อมูลของคนพวกนี้ตรวจสอบพบว่าเคยด่าทอคุณมาก่อน”
“เหรอคะ ให้ฉันดูหน่อยได้ไหม?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วเข้าหากันแล้วเปิดดูคอมพิวเตอร์
เขากำลังคิดว่าชายเจ้าเล่ห์เป็นใครกันแน่? ทำไมมักจะเอาแต่หลบซ่อนอยู่ในความมืดไม่กล้าปรากฏตัว และเขาเกี่ยวข้องอะไรกับมายมิ้นท์?
เปปเปอร์ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างรู้สึกอึดอัดใจ
แต่สิ่งที่เขาไม่พอใจที่สุดนั่นก็คือ ชายเจ้าเล่ห์ลงมือรวดเร็วจริงๆ เขาตัดหน้าตนและจัดการกับชาวเน็ตเหล่านั้นไปก่อน
“ประธานเปปเปอร์ครับ” ผู้ช่วยเหมันต์เอ่ยปากเรียกเปปเปอร์
ดวงตาของเปปเปอร์กะพริบเบาๆ ก่อนจะรวบรวมสติกลับคืนมา “มีอะไรเหรอ?”
“โทรศัพท์ดังครับ คุณมายมิ้นท์โทรมา” ผู้ช่วยเหมันต์ชี้ไปที่โทรศัพท์มือถือของเขา
เปปเปอร์ก้มหน้าลงมองและพบว่าเป็นสายจากมายมิ้นท์จริงๆ แต่เมื่อสักครู่นี้เนื่องจากเขากำลังจัดการกับเอกสารอยู่จึงได้ปิดเสียงโทรศัพท์ไป ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ไม่ได้ยิน
เปปเปอร์ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมารับสายพูดว่า “สวัสดีครับมายมิ้นท์”
ผู้ช่วยเหมันต์ได้ยินเสียงที่เขาเรียกมายมิ้นท์ด้วยความอ่อนโยนเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตามอง
มีความรักและวิเศษมากหรือไง!
อืม คงวิเศษมากจริงๆ เขาเกิดมาได้สามสิบปีแล้ว แต่ไม่เคยมีใครมาให้ชอบเลยด้วยซ้ำ น่าอนาถจริงๆ ……
ผู้ช่วยเหมันต์ได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วยิ้มอย่างขมขื่น
อีกฝ่ายหนึ่งของโทรศัพท์ มายมิ้นท์จ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วพูดว่า “ประธานเปปเปอร์คะ เรื่องในอินเทอร์เน็ตนั่นคุณเป็นคนทำเหรอ?”
เปปเปอร์ได้ยินประโยคนี้ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอหมายถึงอะไร เข้าส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วก้มหน้าลง “ไม่ใช่ผม”
ดูเหมือนว่าชายเจ้าเล่ห์จะยังไม่บอกเธอ
การที่ชายเจ้าเล่ห์ทำเรื่องมากมายให้กับมายมิ้นท์ขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเขามีความคิดอย่างว่ากับมายมิ้นท์ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ที่จริงแล้วชายเจ้าเล่ห์สามารถบอกกับมายมิ้นท์ได้ถึงความเป็นจริง เพื่อแลกมากับความรู้สึกซาบซึ้งใจ ทำให้มายมิ้นท์ประทับใจ แต่ชายเจ้าเล่ห์ไม่ได้ทำอย่างนั้น เพราะอะไรกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...