รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 310

มายมิ้นท์กำลังดูรายงานการสอบสวนต่างๆ เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือสั่นเธอก็หยิบขึ้นมาดูแล้วพบว่าเป็นข้อความของการันต์ เธอส่งถามกลับไปอย่างรวดเร็วว่า “ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”

การันต์ยื่นมือออกไปโบกแท็กซี่จากนั้นขึ้นนั่ง ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ผมไม่เป็นไร ผมไม่ยอมรับสารภาพ ดูเหมือนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรู้ว่าผมเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด แต่พวกเขาไม่มีหลักฐานอะไร ส้มเปรี้ยวก็ไม่มีหลักฐานเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่มีหลักฐานที่จะจับกุมตัวผม นอกเสียจากว่าเข้าหาผู้ชายหกคนนั้นพบ”

มายมิ้นท์ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งว่า “แล้วผู้ชายหกคนนั้นตอนนี้อยู่ที่ไหนคะ พวกเขาจะถูกจับได้ไหม?”

การันต์ตอบกลับไปว่า “ไม่หรอก ผมเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลและส่งพวกเขาออกไปต่างประเทศแล้ว ในชีวิตนี้เขาจะไม่กลับมาอีก”

นั่นหมายความว่า ทั้งชาตินี้ทางตำรวจคงไม่อาจจับกุมหกคนร้ายนั้นได้?

ในเมื่อไม่สามารถจับชายทั้งหกคนนั้นมายอมรับสารภาพได้ เช่นนั้นความผิดทั้งหมด ส้มเปรี้ยวจะถูกแบกรับเพียงลำพัง

มายมิ้นท์พยักหน้าเป็นความหมายว่าเธอเข้าใจแล้ว “อย่างนั้นก็ดีค่ะ”

ทั้งสองสนทนากันอีกสองสามประโยค ก่อนจะจบบทสนทนาลง

ทันใดนั้นเองเลขาซินดี้ก็เคาะประตูและเดินตรงเข้ามา “ประธานมายมิ้นท์คะ ทางเอสซีกรุ๊ป คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์และคุณหนูใหญ่เดินทางมาบอกว่าต้องการพบคุณ”

เมื่อพูดถึงเรื่องคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลภักดีพิศุทธิ์ เรื่องนี้เป็นหัวข้อสนทนาที่ค่อนข้างเป็นประเด็นร้อน

เมื่อสองวันก่อนจู่ๆ คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็ปรากฏตัวขึ้น จากนั้นทางตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็ประกาศตัวตนของหล่อนออกมา ทุกคนจึงได้รู้ว่าตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่ได้มีเพียงส้มเปรี้ยวคนเดียวที่เป็นบุตรสาว แต่ยังมีบุตรสาวคนโตที่ถูกลักพาตัวไปตั้งแต่เด็กอีกคน

แต่หัวข้อสนทนาหลังอาหารก็ได้กลับมาเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกสาวคนเล็กของตระกูลภักดีพิศุทธิ์อีกครั้ง

“คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เหรอ?” มายมิ้นท์หรี่ตาเล็กน้อย “พวกเธอเดินทางมาทำอะไร?”

เลขาซินดี้ส่ายหน้า “เรื่องนี้ดิฉันไม่แน่ใจ แต่จากที่คาดเดาคงจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณส้มเปรี้ยว”

“อย่างงั้นเหรอคะ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องไปสนใจพวกเธอ” ส้มเปรี้ยวโบกมือ

เลขาซินดี้มองดูเธอแล้วถามว่า “ประธานมายมิ้นท์หมายถึง ไม่ให้พวกเธอเข้าพบใช่ไหมคะ?”

“ใช่แล้ว” มายมิ้นท์พยักหน้า

เลขาซินดี้ขยับแว่นของเธอพูดว่า “เข้าใจแล้วค่ะ เดี๋ยวฉันจะให้คนไปเชิญพวกเธอกลับไป”

หลังจากพูดจบ เธอก็เดินตรงออกไปที่ปากประตู

เมื่อเดินไปถึงประตูยังไม่ทันผลักประตูออกก็พบว่าประตูถูกคนจากด้านนอกพรรคเข้ามา

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์พาชวนชมเดินเข้ามา ด้านหลังตามมาด้วยพนักงานที่เคาน์เตอร์

เมื่อพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์มองเห็นเลขาซินดี้ก็ได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วตอบว่า “เลขาซินดี้คะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยให้พวกเธอเข้ามา แต่พวกเธอยืนกรานจะขึ้นมาให้ได้ อีกทั้งข่มขู่ดิฉันว่าถ้าดิฉันให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขับไล่ทั้งสองคนออกไป พวกเธอก็จะตายอยู่ที่นี่ ดังนั้น……”

เลขาซินดี้มองไปทางสองแม่ลูกแล้วรู้สึกปวดหัวจนต้องเอามือขึ้นกุมขมับ ก่อนจะหันไปทางมายมิ้นท์ “ประธานมายมิ้นท์คะ คุณว่า……”

แน่นอนว่ามายมิ้นท์ได้ยินคำพูดของพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ เธอจึงมองไปยังคุณนายภักดีพิศุทธิ์อย่างเยือกเย็น เม้มริมฝีปากแดงเรื่อแล้วตอบว่า “เดี๋ยวฉันจัดการเอง คุณกับมิลลี่กลับไปทำงานเถอะ”

“ค่ะ” ซินดี้ตอบรับ

มิลลี่หรือพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์คนนั้นได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ดูจากสถานการณ์แล้ว ประธานมายมิ้นท์ไม่ได้ถือโทษเธอที่ปล่อยให้สองคนนี้ขึ้นมาได้

เมื่อทั้งสองเดินออกไป ภายในห้องทำงานจึงเหลือเพียงมายมิ้นท์และสองแม่ลูกจากตระกูลภักดีพิศุทธิ์

มายมิ้นท์เอนกายไปที่เก้าอี้ เธอเงยหน้าขึ้นมองดูคุณนายตระกูลภักดีสุดและชวนชมที่กำลังเดินตรงเข้ามา

แม้ว่าเธอจะยังอายุน้อย แต่เธอก็ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงมาเป็นเวลาหลายเดือน ทำให้มีออร่าบางอย่างที่ดูแข็งแกร่ง

คนเช่นนี้มองดูคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ จึงทำให้เธอรู้สึกถึงแรงกดดันอยู่บ้าง

เนื่องจากเธอเป็นคุณนายในตระกูลภักดีพิศุทธิ์มาหลายสิบปี โดยมากแล้วเธอใช้เงินเพื่อความสุข หากจะพูดถึงเรื่องออร่าสง่างามน่าเกรงขามเธอไม่มีแม้แต่น้อย

อีกอย่างช่วงนี้ทางเอสซีกรุ๊ปเกิดเรื่องขึ้นเพราะส้มเปรี้ยว มองดูแล้วเธอจึงอ่อนแอลงไปอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว