รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 342

เมื่อได้ยินประโยคนี้เข้า ดวงตาอันมืดมนของเปปเปอร์ก็ดูเหมือนจะเกิดเป็นประกายขึ้นมา

เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “จริงเหรอ?”

“จริงสิครับ” ปีโป้ก้มหน้าลงเพื่อปิดบังความรู้สึกผิดในใจ

เมื่อวานนี้พี่มายมิ้นท์มาดูพี่ใหญ่ก็จริง แต่นั่นเป็นเพราะว่าถูกเขาลากมา ตัวเธอเองไม่ได้อยากมาสักเท่าไหร่

แต่ความจริงนี้เขาไม่ได้อยากจะให้พี่ใหญ่รู้ ไม่อย่างนั้นพี่ก็คงจะผิดหวังมาก

โชคดีที่เปปเปอร์กำลังตกอยู่ในความดีใจที่ได้ยินว่าเมื่อวานนี้มายมิ้นท์เดินทางมาหาตน จึงไม่ได้หันไปสนใจปีโป้

ไม่อย่างนั้น การแสดงที่สุดจะย่ำแย่ของปีโป้ ไม่ว่าใครก็มองออกทั้งนั้น

เปปเปอร์ยิ้มขึ้นเล็กน้อย เมื่อนึกถึงว่าเมื่อวานนี้มายมิ้นท์เดินทางมาหาตน ความรู้สึกเจ็บปวดบาดแผลที่หลังก็จางหายไปทันที

เธอมาเยี่ยมเขา!

เขาจะคิดอย่างกล้าหาญว่าเธอกำลังห่วงใยเขาได้ไหม?

ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ด้านนอกห้องพักผู้ป่วยก็มีในเสียงฝีเท้าดังขึ้น

ปีโป้หันหลังกลับไปมองดู เมื่อมองผ่านกระจกใสสามารถมองเห็นคนที่อยู่ข้างนอกได้

“พี่ใหญ่ครับ หมอการันต์กับท่านย่าเดินทางมาW ปีโป้บอกเขา

เปปเปอร์เก็บความตื่นเต้นดีใจเมื่อครู่ลงไปแล้วเงยหน้าขึ้นมอง

หญิงชราเดินตรงเข้ามาด้านในแล้วเอ่ยถามด้วยท่าทางเคร่งขรึมว่า “เปปเปอร์ โกรธฉันหรือเปล่า โกรธที่ฉันตีจนกลายเป็นสภาพนี้”

เปปเปอร์ไม่อาจลุกขึ้นยืนได้ แต่สมองของเขาคงคล่องแคล่วดังเดิม

เขาส่ายหน้าเบาๆ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ไม่ครับ ผมทำผิดเอง สมควรได้รับบทลงโทษ”

เนื่องจากในตอนนั้นที่เขาแยกทางกับมายมิ้นท์ เขาไม่รู้ตัวเองว่าตัวเองรักมายมิ้นท์ อีกทั้งเขาได้แตะต้องมายมิ้นท์ ขณะที่ตัวเองก็มีคู่หมั้นอยู่ ดังนั้นเขาจึงผิดเต็มๆ

หากว่าจะพูดให้ไม่น่าฟัง อาจบอกได้ว่าเขาทำผิดกฎหมาย

เมื่อหญิงชราได้ยินเปปเปอร์ตอบกลับมาเช่นนั้น ความตึงเครียดบนใบหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “รู้ตัวก็ดีแล้ว การันต์ ไปดูแผลให้เขาหน่อยสิ”

“ครับ ท่านย่า” การันต์ขยับแว่นตาแล้วก้าวไปข้างหน้า

ผ่านไปประมาณสิบนาที เขาจึงถอดถุงมือการแพทย์สีขาวออกแล้วมองไปยังเปปเปอร์ซึ่งใบหน้าขาวซีดและมีเม็ดเหงื่อผุดซึม มองไปแสนจะเจ็บปวด ก่อนจะยิ้มแล้วตอบว่า “ท่านย่าครับ ผมตรวจดูร่างกายเรียบร้อยแล้ว ประธานเปปเปอร์ รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวด นั่นหมายความว่าเส้นประสาทและกล้ามเนื้อของเขาไม่มีปัญหาอะไร ต่อจากนี้เพียงแค่รักษาเนื้อรักษาตัวไม่กี่วันก็คงหาย แต่รอยแส้ที่ถูกเฆี่ยนตีเหล่านี้น่าจะเป็นแผลเป็น”

“เป็นแผลเป็นก็ช่างปะไร ลูกผู้ชายจะกลัวรอยแผลเป็นแบบนี้ทำไมกัน ไม่ได้เป็นรอยแผลเป็นบนหน้าสักหน่อย”ท่านย่าหรี่ตามองไปยังหลังของเปปเปอร์แล้วกล่าวเบาๆ

หมอการันต์หัวเราะออกมา “ก็จริงครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนเวลาในครอบครัวของพวกคุณแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”

เมื่อพูดจบเขาก็เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกาวน์สีขาวก่อนจะเดินทางออกไปจากห้อง

ภายในห้องผู้ป่วย เหลือเพียงแค่เปปเปอร์ ท่านย่าและอีกทั้งปีโป้แค่สามคน

ปีโป้พยุงท่านย่านั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นท่านย่าก็พูดขึ้นว่า “เมื่อวานมายมิ้นท์มาหา”

“ผมรู้ครับ” เปปเปอร์ตอบรับเบาๆ ด้วยใบหน้าอันอบอุ่น

ท่านย่ามองเห็นดังนั้นก็ถอนหายใจออกมา “ฉันได้คุยกับหล่อนอยู่พักหนึ่ง เปปเปอร์ ฉันมองออกว่าหล่อนไม่ได้รัก หลานแล้ว”

ก่อนหน้านี้หลายต่อหลายครั้งเธอเคยถามมายมิ้นท์ว่ายังรักเปปเปอร์อยู่หรือไม่ มันจะเป็นไปได้ไหม

แต่ว่าคำตอบที่มายมิ้นท์ตอบกลับมาทุกครั้งก็คือไม่ได้รักแล้ว และเป็นไปไม่ได้

ในตอนนั้นเธอคิดว่ามายมิ้นท์ตอบมาแบบนี้เป็นเพราะความรู้สึกคุณหันพลันแล่น ที่จริงแล้วหล่อนยังคงมีความรู้สึกผูกพันกับเปปเปอร์อยู่ เพราะถึงอย่างไรมายมิ้นท์ก็รักเปปเปอร์มาตั้งหลายปี จู่ๆ บอกว่าไม่รักก็ตัดได้เลยอย่างนั้นหรือ?

แต่จนกระทั่งเมื่อวานนี้ ในที่สุดเธอก็เข้าใจว่าคำตอบที่มายมิ้นท์ให้มานั้นไม่ได้เป็นเพราะหุนหันพลันแล่น แต่เธอจริงจังมาโดยตลอด

เมื่อได้ยินประโยคนี้ของท่านย่า ความรู้สึกดีใจที่มายมิ้นท์เดินทางมาเยี่ยมตนเมื่อวานนี้ก็ดำดิ่งลงไปเหมือนน้ำค้างในมหาสมุทร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว