แต่ความโกรธในใจของเธอไม่ได้จางลงไปด้วย เธอหันศีรษะกลับมาตะโกนกับคนที่อยู่ข้างหลังว่า “เปปเปอร์ คุณทำตามอำเภอใจเกินไปแล้วนะ!”
เปปเปอร์ที่กำลังจัดแจงกับแขนเสื้อของตนได้ยินประโยคนี้เข้าก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ผมทำอะไรเกินไปอย่างงั้นเหรอ?”
“ใครใช้ให้คุณอุ้มฉันพร้อมกับรถเข็นขึ้นมาแบบนี้ คุณรู้ไหมว่ามันอันตรายมาก!” เธอสูดลมหายใจเข้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เปปเปอร์ก้มหน้าลง “ไม่อันตรายหรอกครับ ผมคอยปกป้องคุณอยู่ คุณไม่ตกลงมาแน่ๆ”
“ฉันหมายถึงคุณ!” มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว “คุณไม่กลัวว่าคุณจะหมดเรี่ยวหมดแรงก่อนหรือไง? ถ้าฉันกับรถเข็นตกลงไปพร้อมกันแล้วทับขาคุณขึ้นมา หรือบางทีอาจจะโดนแขนคุณล่ะ?”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ดวงตาของเปปเปอร์ก็เบิกกว้าง ใบหน้าของเขาแสดงถึงความดีอกดีใจออกมา “มายมิ้นท์ คุณเป็นห่วงผมอยู่เหรอ?”
มือของเขากำแน่นเห็นได้ชัดว่าภายในใจนั้นตื่นเต้นเพียงไร
มายมิ้นท์ตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะหันหลังกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “คุณคิดมากไปเอง ฉันไม่ได้เป็นห่วงกังวลคุณ ฉันกลัวแค่ว่าถ้าคุณได้รับบาดเจ็บขึ้นมาฉันก็จะต้องรับผิดชอบอีกต่างหาก”
ร่องรอยของความผิดหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของเปปเปอร์ แต่ในที่สุดก็จางหายไป เขายิ้มขึ้นอย่างบางเบา “เป็นแบบนี้นี่เอง เอาเถอะครับ ดูเหมือนว่าผมคงจะคิดไปเองจริงๆ แต่ประโยคของคุณเมื่อสักครู่ผมจะถือว่าคุณเป็นห่วงผม”
มายมิ้นท์ขมวดคิ้วทำหน้ามู่ “แล้วแต่คุณจะคิดยังไงก็เรื่องของคุณเถอะค่ะ แต่ฉันขอถามหน่อยว่าคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“ที่บริษัทของผมพบปัญหาสปายเข้าน่ะครับ มีคนขโมยเอกสารบนโต๊ะทำงานผม และบนโต๊ะทำงานผมมีร่องรอยนิ้วมือของคนคนนั้นอยู่ จึงตั้งใจว่าจะนำมาตรวจสอบเพื่อระบุตัวตนเสียหน่อย” แววตาของเปปเปอร์กะพริบเล็กน้อย แต่ใบหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ป้าทิพย์ที่อยู่ด้านข้างได้แต่กลอกตามอง
คุณชายใหญ่ช่างเก่งเหลือเกิน โกหกได้หน้าตายไม่แม้แต่จะรู้สึกเคอะเขิน
มายมิ้นท์ได้ยินประโยคนั้นของเปปเปอร์ เธอก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ “อะไรนะคะ มีสายลับอยู่ในบริษัทตระกูลนวบดินทร์ และได้ขโมยเอกสารจากโต๊ะทำงานของคุณไป?”
เปปเปอร์ตอบรับเบาๆ
มายมิ้นท์ยิ้มขึ้น “ไม่น่าใช่นะคะประธานเปปเปอร์ การรักษาความปลอดภัยของบริษัทตระกูลนวบดินทร์คุณแย่ขนาดนี้เลยเหรอคะ? แม้แต่ห้องทำงานของคุณใครจะเข้าจะออกก็ได้ตามอำเภอใจงั้นเหรอ?”
แม้เทนเดอร์กรุ๊ปจะไม่อาจเทียบได้กับบริษัทตระกูลนวบดินทร์ แต่ก็ไม่มีใครสามารถเข้าออกห้องทำงานของเธอได้ตามอำเภอใจ
ทว่าห้องทำงานของเปปเปอร์กลับเข้าออกได้ง่าย หน้าตลกสิ้นดี
เปปเปอร์จะฟังไม่ออกได้อย่างไรว่ามายมิ้นท์กำลังหัวเราะเยาะเย้ยเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้โกรธ ดวงตาของเขาปรากฏรอยยิ้มขึ้นเสียด้วยซ้ำ “เป็นเพราะผมสะเพร่าเอง และคิดว่าไม่น่าจะมีใครกล้าเข้ามาขโมยเอกสารถึงในบริษัทตระกูลนวบดินทร์ จึงเปิดโอกาสให้สปายเหล่านั้นเข้ามาได้ ว่าแต่คุณล่ะ มาที่นี่ทำไม?”
“คุณเยี่ยมบุญจะทำการ ตรวจสอบดีเอ็นเอกับเจินเจินอีกครั้ง เลยให้ฉันเดินทางมาดูกับตา ดังนั้นฉันก็เลยเดินทางมาที่นี่ค่ะ” มายมิ้นท์ตอบออกมาเบาๆ
เปปเปอร์เงยหน้าขึ้น “อ๋อ แบบนี้นี่เอง”
“คุณไม่แปลกใจเหรอคะว่าทำไมเขาถึงให้ฉันมาที่นี่?” มายมิ้นท์เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
เปปเปอร์ส่ายหน้า “ไม่จำเป็นหรอก อีกเดี๋ยวก็รู้แล้ว”
“อีกเดี๋ยวอย่างนั้นเหรอคะ?” มายมิ้นท์หรี่ตามอง “คุณจะเข้าไปกับฉันอย่างนั้นเหรอ?”
“ผมแค่อยากเข้าไปร่วมสนุกด้วย คุณไม่ต้อนรับเหรอครับ?” เปปเปอร์ก้มหน้ามองเธอ มายมิ้นท์เม้มริมฝีปาก “ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ยินดีต้อนรับคุณ คุณก็จะไม่ไปแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่”
“ถ้าอย่างนั้นก็มีค่าเท่ากัน” มายมิ้นท์ยักไหล่ “อีกอย่างที่นี่ไม่ใช่เขตของฉัน ฉันจะห้ามไม่ให้คุณไปไหนมาไหนได้ยังไง?”
เปปเปอร์ยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวผมจะเข็นคุณเข้าไปเอง”
“ไม่ต้องค่ะ ให้ป้าทิพย์เข็นก็พอ” มายมิ้นท์ส่ายหน้าแล้วปฏิเสธเขา
เปปเปอร์มองไปทางป้าทิพย์
ป้าทิพย์จึงได้เอ่ยปากขึ้นอย่างรู้งานว่า “คุณมายมิ้นท์คะ ให้คุณผู้ชายคนนี้เข็นไปเถอะคะ เมื่อสักครู่ตอนที่เห็นคุณผู้ชายยกเก้าอี้ขึ้นบันได ดิฉันก็รู้สึกกังวลและรีบวิ่งตามมาจึงทำให้ข้อเท้าเคล็ดนิดหน่อย”
“อะไรนะ! เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ?” มายมิ้นท์รีบเอ่ยถามขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...