รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 408

เมื่อประโยคนี้ถูกพูดออกไป สีหน้าของเยี่ยมบุญก็เปลี่ยนไปทันที แม้แต่คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ที่กำลังโอบชวนชมอยู่ก็ปล่อยมือออกอย่างไร้เรี่ยวแรง

นั่นสินะ หากว่าไม่ใช่ลูกสาวของคนคนนี้ แล้วทำไมชวนชมถึงหน้าตาคล้ายคลึงกับเขานัก?

ดูเหมือนว่าชวนชมจะเดาได้ถึงความคิดของทั้งสอง ท่าทางของเธอตื่นตระหนกตกใจขึ้นทันทีและรีบเอื้อมมือไปคว้ามือของคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เอาไว้ เธอหันไปมองทางเยี่ยมบุญแล้วพูดว่า “พ่อคะแม่คะ อย่าไปเชื่อคำของเขานะคะ หนูไม่ใช่ลูกสาวของเขา ไม่ใช่จริงๆ!”

“ถ้าไม่ใช่ แล้วคุณมีเหตุผลอะไรในการอธิบายถึงเรื่องที่หน้าตาเหมือนกับสุเวทย์แบบนี้?” ทามทอยมองไปทางชวนชมด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย

ดวงตาของชวนชมแดงเรื่อ เธอมองไปที่เขาอย่างเศร้าสร้อยและโกรธแค้น

เขาทำเกินไปแล้วจริงๆ

เขาอยากจะเปิดเผยตัวตนของเธอขนาดนี้เชียวเหรอ?

“เป็นโรคจิตหรือไง!” เมื่อพบกับแววตาเช่นนี้ของชวนชมเข้าอีกครั้ง ทามทอยก็อดไม่ได้ที่จะเบ้ริมฝีปากแล้วบ่นพึมพำออกมา

“มีอะไรเหรอคะ?” มายมิ้นท์ถาม

“ไม่มีอะไรหรอกครับ เธอเกลียดผมน่ะ” ทามทอยยักไหล่แล้วพูด

มายมิ้นท์ยิ้มขึ้น “คุณไปเอาสุเวทย์มาแบบนี้ เธอไม่เกลียดคุณก็คงแปลก”

เมื่อเห็นทั้งสองคนพูดไปพลางหยอกล้อ ริมฝีปากของเปปเปอร์ก็เหยียดเม้มเป็นเส้นตรง

นี่มันอะไรกัน?

มายมิ้นท์รู้สึกแย่ต่อทามทอยเพราะทามทอยปิดบังเธอไม่ใช่หรือไง?

ทำไมตอนนี้มองไปแล้วความสัมพันธ์ของทั้งสองคนถึงดีขึ้นกว่าเดิมมาก

หรือว่า......มายมิ้นท์ให้อภัยทามทอยแล้วอย่างงั้นเหรอ?

เมื่อคิดได้ถึงความที่อาจเป็นไปได้นี้ มือทั้งสองข้างของเปปเปอร์ก็กำขึ้นแน่น

ฝั่งตรงข้าม เมื่อชวนชมต้องเผชิญหน้ากับสายตาอันสงสัยประหลาดใจของเยี่ยมบุญและภรรยา และเธอก็รู้ดีว่าหากตัวเธอไม่ทำการอธิบายเรื่องนี้ละก็คงไม่อาจก้าวข้ามปัญหานี้ไปได้ พวกเขาก็คงจะไม่เชื่อคำพูดของเธอแน่นอน เธอสูดลมหายใจเขาก่อนจะร้องไห้พร้อมตอบออกมาว่า “หนู หนูก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงหน้าเหมือนเขาขนาดนี้ แต่ว่าหนู แต่ว่าหนูไม่ใช่ลูกสาวของเขาจริงๆ นะคะ พ่อคะแม่คะต้องเชื่อหนูนะ”

“ถุย! ฉันคลอดแกออกมาเอง ฉันเลี้ยงแกมาถึงยี่สิบกว่าปี ตอนนี้แกรับพ่อแม่ใหม่ของแกที่มีเงินแบบนี้แล้ว ก็ทำเป็นไม่รู้จักพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดแกแล้วใช่ไหม? เจินเจิน แกนี่มันไร้หัวใจจริงๆ!” หลังจากที่ภรรยาสุเวทย์ถ่มน้ำลายออกมา เธอก็เหยียดมือออกไปจะกระชากหัวชวนชม

ชวนชมหลบไปอยู่ข้างหลังเยี่ยมบุญและภรรยาอีกครั้งหนึ่ง จึงทำให้หลบนิ้วมือทั้งหยาบกร้านและสกปรกของภรรยาสุเวทย์ได้

ภรรยาสุเวทย์โมโหโกรธจัด “นังเจินเจิน แกมันหน้าด้านหน้าทนนักใช่ไหม? กล้าดียังไงมาหลบฉัน! โผล่หัวแกออกมาเดี๋ยวนี้ ดูสิว่าฉันจะจัดการกับคนอกตัญญูแบบแกยังไง!”

สุเวทย์ก็เข้ามาช่วยพูดว่า “ได้ยินสิ่งที่แม่บอกแล้วหรือยัง ยังไม่รีบออกมาอีก”

“ไม่ ทำไมฉันต้องออกไปด้วย? ออกไปถูกให้ถูกพวกคุณทำร้ายทุบตีน่ะเหรอ! พวกคุณทำร้ายฉันมาตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว พวกคุณคิดว่าฉันจะเป็นเหมือนเมื่อก่อน ยอมให้คุณลงไม้ลงมือยังไงก็ได้เหรอ?” ชวนชมโผล่ศีรษะออกมาจากด้านหลังของเยี่ยมบุญแล้วตะโกนออกไปทางสุเวทย์กับภรรยาด้วยความโมโห

“แกนี่มัน!” ภรรยาสุเวทย์ ชี้นิ้วที่สั่นคลอนไปยังเธอ “แก นังตัวดี นังกะหรี่ กล้าดียังไงมาพูดจาแบบนี้กับฉัน? ลืมกำพืดตัวเองไปแล้วใช่ไหม?”

ที่ด้านข้าง เมื่อมายมิ้นท์ได้ยินคำพูดอันหยาบคายซึ่งออกมาจากปากของภรรยาสุเวทย์ เธอก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน

แม้ว่าตัวเธอจะไม่ชอบเจินเจิน แต่เมื่อได้ยินแม่แท้ๆ ของเจินเจินพูดออกมาอย่างนั้น ในใจของเธอลึกๆ ก็รู้สึกเห็นใจเจินเจินมากทีเดียว

เนื่องจากแม่ผู้ให้กำเนิดต่อว่าด่าทอลูกสาวของตัวเองแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจยิ่งนัก

“พอได้แล้ว!” เยี่ยมบุญตะโกนออกมาขัดจังหวะการต่อล้อต่อเถียงของสองสามีภรรยา

แม้ว่าภรรยาสุเวทย์ จะเป็นคนกล้าหาญและหยิ่งยโส อีกทั้งหยาบคาย แต่เธอก็ค่อนข้างจะน้อยเนื้อต่ำใจกับชาติตระกูลของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าคนมีเงินเหล่านี้

เมื่อเยี่ยมบุญตะโกนออกมาเสียงดังเช่นนั้น จึงทำให้คุณสุเวทย์และภรรยาเงียบเสียงลง ไม่ได้ตะโกนโหวกเหวกโวยวายออกมาอีก

“มองดูเหมือนกับเยี่ยมบุญจะเคลื่อนไหวแล้วล่ะ” ทามทอยเอามือแตะไปที่คางแล้วกระซิบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว