เมื่อได้ยินคำชมจากชายชรา หัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ ของมายมิ้นท์ก็ได้สงบลงสักที เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจมาก “ขอบคุณคุณตานะคะที่ให้คำชมแก่หนู อ้อจริงสิคะคุณตา ทำไมอยู่ๆ ถึงโทรศัพท์มาหาหนูล่ะคะ ภารกิจในครั้งนี้ใกล้จะเสร็จแล้วหรือไง?”
“เฮ้อ ยังอีกนานเลยล่ะ ออกสำรวจโบราณคดีแต่ละครั้งหากไม่เป็นปีก็คงไม่เสร็จง่ายๆ หรอก ตอนนี้พวกเราเพิ่งจะขุดอุโมงค์ทางเข้า สุสานหลักเท่านั้น พรุ่งนี้ตั้งใจว่าจะเข้าไปในสุสานหลักก็เลยโทรศัพท์มาหาหลานก่อน อยากจะให้หลานหาเวลาเข้าไปที่บ้านตาสักหน่อย แล้วส่งสมุดบันทึกที่วางอยู่บนโต๊ะมาให้ตาหน่อย”
“อ๋อ แบบนี้นี่เองเข้าใจแล้วค่ะ คุณตาจะใช้เมื่อไหร่ รีบใช้ไหมคะ?” มายมิ้นท์ถาม
บ้านของคุณตาอยู่ที่ชนบท เธอต้องขับรถไปประมาณสามชั่วโมงอย่างน้อย
หากว่ารีบใช้ละก็ เธอจะออกเดินทางตั้งแต่ตอนนี้เลย คาดว่าค่ำๆ คงจะถึง
“ก็ไม่ได้รีบอะไรมากหรอกนะ ส่งมาให้ภายในอาทิตย์นี้ก็พอ เดี๋ยวตาจะส่งที่อยู่ไปให้” ชายชราหัวเราะเหอะๆ แล้วตอบเธอ
มายมิ้นท์พยักหน้า “ค่ะ เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นหนูจะเข้าไปวันพรุ่งนี้นะคะ”
จากนั้น สองตาหลานก็ได้เอ่ยถามถึงสถานการณ์ชั่วไปในช่วงนี้ ก่อนที่จะวางสายลงอย่างอาลัยอาวรณ์
เมื่อวางโทรศัพท์มือถือลง มายมิ้นท์จึงได้เห็นว่าเปปเปอร์กำลังจ้องมองเธออยู่
ไม่รู้ว่าเธอยังไง จู่ๆ ถึงได้บอกกับเขาไปว่า “ตาฉันเอง”
“ผมรู้” เปปเปอร์พยักหน้าตอบรับ “เพียงแต่ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณมีตาด้วย”
มายมิ้นท์เก็บโทรศัพท์มือถือเอาไปไว้ในกระเป๋า “ตาของฉันเป็นนักโบราณคดี ตามปกติแล้วเขาจะอยู่ในหุบเขาลึกหรือไม่ก็ในป่า อีกอย่างเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเรียบง่าย ก็เลยไม่ค่อยมีอะไรให้พูดถึงน่ะค่ะ”
เปปเปอร์ตอบรับว่าอืมเบาๆ “ท่านให้คุณทำอะไรเหรอ?”
“อ๋อ ฝากฉันส่งบันทึกเกี่ยวกับโบราณคดีไปให้เขาน่ะค่ะ” มายมิ้นท์ไม่ได้ตั้งใจจะปิดบัง เธอตอบเขาไปโดยตรง
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องผู้ป่วย
มายมิ้นท์หันหลังไปมอง พบว่าเป็นคุณหมอที่ไม่รู้จักหน้ามาก่อนและพยาบาลยืนอยู่ข้างนอก
“คุณเปปเปอร์คะ ได้เวลาตรวจร่างกายแล้วค่ะ” พยาบาลมองมาทางเปปเปอร์แล้วเอ่ยเตือน
เปปเปอร์รู้จักหมอที่ยืนอยู่ข้างกายพยาบาลดี เขาเป็นหมอเฉพาะทางรักษาโรคหัวใจ ในตาของเขาเป็นประกายแวบเข้ามา แล้วหันไปพูดกับมายมิ้นท์ว่า “มายมิ้นท์ คุณออกไปก่อนนะ”
มายมิ้นท์ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าการที่เขาให้เธอออกไปข้างนอกก่อนนั้น ก็เพื่อจะได้ไม่อยู่เกะกะการรักษาของทีมแพทย์ เธอจึงพยักหน้าตอบรับว่า “ค่ะ นี่ก็เย็นแล้ว เดี๋ยวฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ ฉันจะกลับไปทำอาหารให้คุณสักหน่อย ไม่รู้ว่าคุณอยากกินอะไรไหม?”
“คุณเปปเปอร์ทานได้แต่อาหารอ่อนและรสจืด” แพทย์ที่ยืนอยู่ด้านข้างกลัวว่าเปปเปอร์จะพูดอาหารที่เขาอยากกินซี้ซั้วออกมาเรื่อย เปื่อย ดังนั้นจึงได้รีบเอ่ยขึ้น
เปปเปอร์เหล่ตามองเขาอย่างรวดเร็ว
แพทย์หนุ่มมองไปทางพยาบาลอย่างทำตัวไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าตนเองทำผิดอะไรไป
พยาบาลก็เหล่ตามองเขาเช่นกัน
ก็เขาเป็นผู้ชายตรงๆ นี่
ไม่เห็นหรือไงว่าตอนที่คุณเปปเปอร์ ได้ยินประโยคของคุณผู้หญิงคนนั้นเอ่ยถามว่าอยากกินอะไรไหม แววตาขาวเป็นประกายขนาดไหน
แต่ประโยคเมื่อครู่ของแพทย์หนุ่มกลับทำให้แววตาอันเป็นประกายเมื่อครู่จางหายไปทันที
จะไม่ให้คุณเปปเปอร์เกลียดเขาได้อย่างไร?
มายมิ้นท์เห็นท่าทางของหมอและพยาบาล เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ในเมื่อคุณหมอบอกว่าให้คุณทานได้แต่อาหารอ่อนๆ งั้นเดี๋ยวฉันจะทำโจ๊กกับขนมมาให้นะคะ แล้วก็ของว่างรสอ่อนอีกสักหน่อย เป็นยังไงคะ?”
“ได้ครับ ตามนั้นได้เลย” เปปเปอร์ละสายตากลับมามองมายมิ้นท์ ดวงตาอันเยือกเย็นเมื่อครู่ ก็กลับกลายเป็นอบอุ่นขึ้นอีกครั้ง
เดิมทีเขาต้องการจะกินปลาต้มพริกสไตล์เสฉวนฝีมือเธอสักหน่อย
เขายังจำได้ดีว่าเมื่อตอนที่เพิ่งแต่งงานกันไม่นาน เธอลงมือทำกับข้าวด้วยตนเองครั้งแรกก็ได้ทำปลาต้มพริกสไตล์เสฉวน รสชาตินั้นทั้งหอมและเข้มข้น
แต่ตอนนั้นเขายังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกสะกดจิต จึงยังมองไม่ออกว่าเป็นเธอ ดังนั้นต่อให้รสชาติของปลาต้มพริกสไตล์เสฉวนนั้นจะหอมยั่วยวนสักเพียงใด เขาก็ไม่ได้แตะต้องและกินมันแม้แต่คำเดียว ทว่ากลิ่นอันหอมละมุนกับไม่เคยลืมเลือน
ตอนนี้ตัวเขาอยากจะลิ้มลองอาหารนั้นเหลือเกิน
อีกทั้งเขาหวังว่าภายในสามปีนี้จะได้ชิมอาหารทุกอย่างที่เธอเป็นคนทำขึ้นกับมือ ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็คงจะตายตาหลับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...