รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 893

สรุปบท บทที่ 893 เกรียงไกรมาเมืองเดอะซีแล้ว: รักหวานอมเปรี้ยว

บทที่ 893 เกรียงไกรมาเมืองเดอะซีแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ รักหวานอมเปรี้ยว

ตอนนี้ของ รักหวานอมเปรี้ยว โดย สายฝน ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนซ์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 893 เกรียงไกรมาเมืองเดอะซีแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

พอรับอาหารเช้ามาแล้ว มายมิ้นท์บอกขอบคุณพนักงานเรียบร้อยแล้ว ก็ปิดประตูลง แล้วกลับเข้ามาในบ้าน

อาหารเช้ายังคงหลากหลายเช่นเดิม ยังคงเป็นของที่เธอชอบกิน

เปปเปอร์จดจำความชื่นชอบของเธอไว้ได้ชัดเจนหมดแล้ว

มายมิ้นท์กินอาหารเช้าไปด้วย แล้วก็คิดไปด้วย

เพียงแต่อาจจะเป็นเพราะว่าไม่มีเขาอยู่ข้างกาย อาหารเช้ามื้อนี้ถึงจะเลิศรสมากแค่ไหน แต่พอเธอกินเข้าไปในปาก ยังไงก็ยังรู้สึกขาดอะไรไปบ้าง

มายมิ้นท์นวดหัวคิ้วเล็กน้อย แล้วถอนหายใจไปทีหนึ่ง

นี่เพิ่งจะผ่านมานานแค่ไหน พอไม่มีเขากินข้าวเป็นเพื่อนเธอด้วย เธอก็เริ่มคิดถึง และเริ่มรู้สึกอาหารไม่อร่อยแล้ว

นี่ถ้าอยู่ด้วยกันนานกว่านี้อีกหน่อย ก็คงจะกินข้าวไม่ลงแล้วจริง ๆ ใช่ไหม?

ไม่ ไม่ ไม่

มายมิ้นท์รีบส่ายหน้าขึ้นมาทันที

แบบนี้ไม่ได้นะ!

เธอตบหน้าตัวเองเล็กน้อย

การคิดถึงกันนั้นสามารถมีได้ แต่ว่าต้องไม่โดนอีกฝ่ายจูงจมูกเดิน เพราะว่าคิดถึงเด็ดขาด

ไม่งั้น ถ้าเกิดว่าความรักแตกหักกันขึ้นมา เธอก็จะต้องกลายเป็นคนที่แพ้จนลุกไม่ขึ้นแน่

เธอจะต้องไม่มีทางเป็นเพราะว่าเปปเปอร์ไม่อยู่ แล้วก็คิดถึงเขา คิดถึงจนกินอาหารไม่รู้รสชาติ ทำอะไรก็ไม่มีความกระปรี้กระเปร่า จนทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้เลยพอไม่มีเขาอยู่ข้างกายด้วย

เธอควรจะมีสติมากกว่านี้

ความรักที่แท้จริง เวลาอยู่ที่คบหากัน ควรจะคบหากันดี ๆ รักอีกฝ่ายให้ดี ๆ

ถ้าเกิดว่าต้องแยกจากกันชั่วคราว ต่างคนต่างไปทำงานของตัวเอง ก็ควรจะตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดี ต้องมีสมองที่ตื่นตัวและมีสติอยู่ตลอดเวลา จะต้องไม่เพราะว่าอีกฝ่ายไม่อยู่ ก็คิดถึงอีกฝ่ายคิดถึงจนไม่เป็นอันทำอะไรเลย

เพราะฉะนั้น เธออย่าคิดถึงเปปเปอร์อีกเลย ไว้เจอกันตอนกลางค่ำค่อยอยู่ด้วยกันดี ๆ ก็พอแล้ว ตอนกลางวันเขาไม่อยู่ เธอก็ยิ่งสมควรไปใส่ใจหน้าที่การงาน

ในเมื่อความรักนั้นสำคัญมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็ยังเป็นหน้าที่การงานอยู่ดี

ถ้าเกิดไม่มีความรักแล้ว อย่างน้อยตัวเองก็ยังมีหน้าที่การงาน ถ้าเกิดเห็นว่าการงานสำคัญน้อยกว่าความรัก ถ้าเกิดว่าพ่ายแพ้ไป ก็จะไม่เหลืออะไรแล้วจริง ๆ

คิดไป มายมิ้นท์ก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง แล้วก็เอาเรื่องของเปปเปอร์ออกไปจากสมองชั่วคราว แล้วก็ตั้งใจกินข้าวไป

พอกินข้าวเสร็จแล้ว เธอก็จัดการตัวเองไปแบบเรียบง่ายไปเล็กน้อย แล้วก็หิ้วกระเป๋าออกจากบ้านไป

แต่ว่าตอนที่มายมิ้นท์เพิ่งจะเดินออกจากตึกคอนโดนั้น อยู่ ๆ ผู้ชายที่สวยใส่ชุดสูทสีดำทั้งตัวคนหนึ่งก็โผล่ออกมา ขวางอยู่ตรงหน้าเธอ

“คุณมายมิ้นท์ กรุณารอสักครู่ครับ”

มายมิ้นท์จ้องมองคนที่มาขวางอยู่ตรงหน้าตัวเอง แล้วก็ค่อย ๆ ขมวดคิ้วที่เรียวงามขึ้นเล็กน้อย “คุณเป็นใครคะ?”

คนคนนี้หน้าตาธรรมดา สวมใส่ชุดสูทและใส่แว่นตาไว้ บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มตามมารยาทแฝงอยู่เสี้ยวหนึ่ง บุคลิกโดยรวมนั้นเหมือนกับผู้ช่วยเหมันตร์เป็นอย่างมาก

ดูท่าน่าจะเป็นผู้ช่วยของบุคคลใหญ่โตบางคนแน่นอน

“สวัสดีครับ คุณมายมิ้นท์ กรุณาอนุญาตให้ผมแนะนำตัวหน่อยนะครับ” ชายหนุ่มดันแว่นที่อยู่บนสันจมูกเล็กน้อย แล้วยิ้มและพูดขึ้นมา “ผมทัตครับ ที่ผมมาที่นี่ หลัก ๆ ก็เพราะว่าเจ้านายผมสั่งมา เจ้านายผมอยากเจอคุณมายมิ้นท์ครับ”

“เจ้านายคุณ?” หัวคิ้วของมายมิ้นท์ขมวดกันลึกมากยิ่งขึ้น “เจ้านายคุณเป็นใครคะ? ทำไมถึงต้องอยากเจอฉันด้วย?”

ผู้ช่วยทัตยังคงมีรอยยิ้มไม่เปลี่ยน “เจ้านายผมนามสกุลตระกูลคหบวร คิดว่าคุณมายมิ้นท์คงจะพอเดาออกได้ใช่ไหมครับ?”

นามสกุลตระกูลคหบวรเหรอ?

ม่านตาของมายมิ้นท์หดตัวขึ้นทีหนึ่ง ในสมองปรากฏชื่อคนคนหนึ่งออกมาทันที

เกรียงไกร!

มายมิ้นท์เบิกตากว้าง จ้องมองไปที่ผู้ช่วยทัตตรงหน้าอย่างตกตะลึง

พอผู้ช่วยทัตเห็นท่าทีของมายมิ้นท์ บนใบหน้าก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด เพียงแต่ว่ารอยยิ้มยิ่งลึกซึ้งมากขึ้นมา “ดูท่าคุณมายมิ้นท์จะเดาออกแล้ว ใช่ครับ เจ้านายของผมก็คือนายใหญ่ของตระกูลคหบวรแห่งเมืองปักษา คุณเกรียงไกรนั่นเอง คุณมายมิ้นท์ เชิญครับ เจ้านายของผมรออยู่ด้านนอกเขตชุมชนของคุณ”

แต่มาลองคิดดูแล้วก็ใช่ เกรียงไกรอยู่ที่เมืองปักษา ก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงย่ำแย่มากคนหนึ่ง คนที่อยู่ในฐานะผู้ช่วยของเขา จะไปเป็นคนดีคนหนึ่งได้ยังไง

ในเมื่อมีเจ้านายแบบไหน ก็ต้องมีหมาแบบนั้น

คิดแล้ว มายมิ้นท์ก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง พยายามข่มความไม่สบายใจในใจลง แล้วพูดด้วยใบหน้าไร้ปฏิกิริยาว่า “ช่างน่าขำจริง ๆ”

รอยยิ้มบนใบหน้าผู้ช่วยทัตเลือนหายไปหมดแล้ว น้ำเสียงก็ยิ่งเย็นชามากยิ่งขึ้น “คุณมายมิ้นท์ ที่คุณพูดมา หมายถึงอะไรครับที่น่าขำ?”

“แน่นอนว่าคือคุณกับเจ้านายคุณนะซิ” มายมิ้นท์ขยับเรียวปากขึ้นเล็กน้อย “ที่เจ้านายคุณมาที่เมืองเดอะซีในครั้งนี้ เป็นเพราะเรื่องของพัดชาเหรอคะ?”

ผู้ช่วยทัตไม่พูดอะไรตรง ๆ

มายมิ้นท์พูดขึ้นอีกว่า “พวกคุณอยากช่วยพัดชาออกมา แล้วไม่มีทางใช้เส้นสายกับทางรัฐในเมืองเดอะซีได้ เพราะว่าคนที่เป็นใหญ่ที่สุดในรัฐของเมืองเดอะซีในตอนนี้คือตระกูลชุติเกษม แล้วตระกูลชุติเกษมก็เป็นมิตรกับตระกูลนวบดินทร์ แน่นอนว่าไม่มีทางไว้หน้าเขาแล้วปล่อยตัวพัดชาไปแน่ ดังนั้นพวกคุณจึงต้องเข้าทางฉันกับเปปเปอร์ ขอแค่ฉันกับเปปเปอร์ยอมเซ็นหนังสือรับทราบ แล้วตกลงกันส่วนตัวได้ พัดชาก็จะถูกปล่อยตัวออกมาได้ แต่ว่าเจ้านายของคุณมีความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนกับเปปเปอร์ เจ้านายของคุณก็เลยไปหาเปปเปอร์ทันทีไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็เลยต้องมาหาฉัน แต่ว่านะ”

“แต่ว่าอะไรครับ? คุณมายมิ้นท์ยบอกมาตรง ๆ ดีกว่า!” สีหน้าของผู้ช่วยทัตยิ่งอยู่ก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้น

มายมิ้นท์เม้มปากเล็กน้อย “พวกคุณมาหาฉัน ก็ต้องมีเรื่องของให้ฉันช่วย แต่ว่าพวกคุณกลับไม่มีท่าทีที่จะขอร้องคนเลยสักนิด แต่กลับมีท่าทีอย่างกับผู้สูงส่ง มันช่างทำให้ฉันไม่สบอารมณ์จริง ๆ และที่สำคัญพวกคุณเป็นฝ่ายมาขอร้องฉัน ไม่ควรเป็นเจ้านายคุณเป็นฝ่ายมาพบฉัน ทำไมต้องให้ฉันเป็นฝ่ายไปพบเจ้านายคุณด้วยล่ะ? แม้แต่ลำดับความสำคัญพวกคุณก็ยังแบ่งแยกไม่ออก ดังนั้นฉันไม่มีทางไปพบเจ้านายคุณแน่ คุณกลับไปเถอะ เอาความตั้งใจของฉันไปบอกกับเจ้านายคุณให้เข้าใจด้วย”

ผู้ช่วยทัตคิดไม่ถึงว่ามายมิ้นท์จะไม่ยอมไปพบเจ้านายตัวเอง ชั่วขณะหนึ่งสีหน้าก็ดูแย่ถึงขีดสุดเลย

เขาคิดมาตลอดว่า ภารกิจที่ตัวเองจะพามายมิ้นท์ไปพบกับเจ้านายนั้นง่ายดายมาก ในเมื่อก็เป็นแค่ผู้หญิงที่พึ่งพาเปปเปอร์อย่างกับวัชพืชกาฝากต้นฝอยทองคนหนึ่งเท่านั้น จะไม่มีความสามารถอะไรมากมายกัน?

ต้องไม่กล้าปฏิเสธแน่นอน

แต่คิดไม่ถึง ว่าเขาจะคิดผิดไปแล้ว ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่วัชพืชกาฝากต้นฝอยทองแน่ ๆ ยิ่งไม่ใช่วัชพืชกาฝากต้นฝอยทองที่พึ่งแต่ผู้ชายแน่

วัชพืชกาฝากต้นฝอยทองคนหนึ่ง จะต้องไม่มีทางความกล้าและเรี่ยวแรงแบบนี้มาปฏิเสธเขาแน่นอน

เพราะว่าเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังเขานั้น เป็นถึงนายใหญ่ของตระกูลคหบวรเลยนะ

แต่ว่าผู้หญิงคนนี้นอกจากตอนแรกที่ได้ยินว่าเจ้านายของเขาคือนายใหญ่แห่งตระกูลคหบวรแล้วตกตะลึงขึ้นมาหน่อยแล้ว นอกเหนือจากนั้นก็เรียบเฉยมาตลอด แล้วก็ยังไม่เห็นเจ้านายของเขาอยู่ในสายตาเลยสักนิด ไม่ว่าเธอจะมีความกล้าก็ดี หรือว่าไม่รู้เรื่องก็ดี

แค่ด้วยจุดนี้ เขาก็ชัดเจนดีแล้ว ว่าเขาไม่มีทางพาตัวเธอไปได้ง่ายขนาดนั้นแน่

ชั่วขณะหนึ่ง ผู้ช่วยทัตรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างกับถูกมายมิ้นท์ฉีกหน้า สายตาที่จ้องมองไปที่มายมิ้นท์ ก็แฝงไปด้วยความเย็นชาและโหดเหี้ยมเสี้ยวหนึ่ง “คุณมายมิ้นท์จะไม่ไปจริง ๆ เหรอครับ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว