นี่มันก็คือการถูกฉีกหน้าไม่ใช่เหรอ?
ตอนที่มานั้น เขาดูน่าเชื่อถือ ดูมีความมั่นใจเต็มที่ แล้วรู้สึกว่าแค่ผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น ต้องไม่กล้าปฏิเสธเขาแน่ ๆ จะต้องตามเขาไปอย่างเชื่อฟังแน่
แต่คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้เป็นกระดูกอ่อนอย่างที่เขาคิดไว้ แต่ในทางกลับกันกลับเป็นกระดูกแข็งที่กัดยากอันหนึ่ง ทำให้เขาเข้าใจแล้วว่าความมั่นใจที่ตัวเองมีในตอนที่มานั้นช่างโง่เขลาแค่ไหน
นี่เปรียบเสมือนกับว่า เธอได้ตบหน้าเขาแรง ๆ ไปฉาดหนึ่ง แล้วทำให้เขาขาดหน้า
เพราะฉะนั้นจะให้เขามีท่าทีที่ดีอยู่อีกได้ยังไง?
มายมิ้นท์ฟังออกว่าในน้ำเสียงของผู้ช่วยทัตแฝงความข่มขู่เอาไว้ มือที่บิดกระเป๋าอยู่ก็กระชับแรงแน่นขึ้น “ถึงคุณจะถามฉันอีก ฉันก็ยังจะตอบเหมือนเดิมว่า ไม่ไป!”
เธอเป็นบ้าเหรอถึงจะตามไป
ใครจะไปรู้ว่า พอตามไปแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
สรุปก็คือเพื่อความปลอดภัยแล้ว เธอจะไม่มีทางไปด้วยแน่นอน
พอเห็นมายมิ้นท์ยังมีท่าทีเหมือนเดิม ผู้ช่วยทัตก็ได้หมดความอดทนไปหมดแล้วจริง ๆ สีหน้าก็เคร่งขรึมลงมาจนน่ากลัว “คุณมายมิ้นท์ ในเมื่อคุณไม่ยินยอมที่จะไปกับผม งั้นผมก็คงต้องลำบากสักหน่อย ต้องใช้กำลังมาพาตัวคุณไปแล้วนะครับ”
“คุณกล้าเหรอ!” ม่านตาของมายมิ้นท์หดตัวเล็กน้อย สีหน้าก็เปลี่ยนไป ฝีเท้าก็ถอยไปก้าวหนึ่งทันที พยายามข่มความวุ่นวายและความหวาดกลัวในใจไป แล้วจ้องมองอย่างระแวงไปที่คนตรงหน้า “ที่นี่คือคอนโดพราวฟ้า เป็นคอนโดระดับสูงของเมืองเดอะซี และมีกล้องวงจรปิดไปทั่วทุกแห่ง ถ้าคุณกล้าแตะเนื้อต้องตัวฉันที่นี่ ฉันกล้ารับประกันได้เลย ว่าคุณต้องลำบากแน่ ๆ แล้วก็เจ้านายของคุณด้วย คุณคิดว่าเปปเปอร์จะยอมปล่อยพวกคุณไปเหรอ?”
เธอยกเปปเปอร์ออกมาอ้าง
พอผู้ช่วยทัตที่อยู่ตรงข้ามได้ยินมายมิ้นท์ตักเตือน ฝีเท้าที่จะก้าวเดินมาข้างหน้าในตอนแรก ก็หยุดลงโดยอัตโนมัติ ความมืดมนบนใบหน้าก็จางลงไปเล็กน้อย สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือ ความหนักหน่วง และความกังวล
เขาก็แค่อยากจะทำภารกิจที่เจ้านายมอบหมายให้ตัวเองมาให้เสร็จเร็ว ๆ แล้วพาตัวคนไป
แต่กลับลืมไปว่า ที่นี่คือเมืองเดอะซี เป็นพื้นที่ของเปปเปอร์ ไม่ใช่ที่ที่คนนอกที่มาจากพื้นที่อื่นอย่างพวกเขาจะมาทำตามใจชอบได้
ถ้าเกิดเปปเปอร์รู้เข้าว่า พวกเขากล้าลงมือกับผู้หญิงของเขา เปปเปอร์จะต้องบ้าคลั่งขึ้นมาแน่
พอถึงตอนนั้นแผนของเจ้านายก็……
ผู้ช่วยทัตกำหมัดไว้แน่น รู้สึกทำอะไรไม่ถูกขึ้นมา
พอมายมิ้นท์เห็นว่าเขาหยุดลง ไม่ได้ชิดเข้ามาใกล้ตัวเองอีก ก็รู้ว่าการตักเตือนของตัวเองเกิดผลขึ้นมาแล้ว
ในใจเธอโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง แล้วก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย
เปปเปอร์ผู้ชายคนนี้ สามารถปกป้องเธอได้ทุกวินาทีจริง ๆ ถึงจะไม่อยู่ข้างกายเธอ แต่แค่ชื่อของเขาคำเดียว ก็สามารถทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยได้แล้ว
ขอแค่มีเขาอยู่ เธอก็ไม่ต้องเกรงกลัวอะไรไปตลอดเลย
เขาทำได้อย่างที่เขาเคยบอกกับเธอไว้จริง ๆ ว่าเขาจะคอยยืนอยู่ข้างเธอเสมอ จะช่วยบังแดดลมฝนให้กับเธอ ช่วยปกป้องให้เธอปลอดภัยไปตลอดชีวิต
พอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่ง แล้วมายมิ้นท์ก็เก็บความรู้สึกทุกอย่างที่มีในก้นบึ้งหัวใจไป ในเมื่อตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องพวกนี้
เธอกะว่าจะฉวยโอกาสตอนที่ผู้ช่วยทัตยังคิดคร่ำครวญอยู่นี้ รีบไปจากที่นี่ แล้วกลับเข้าไปในคอนโด จากนั้นก็จะรีบติดต่อเปปเปอร์ แล้วเอาเรื่องที่เกรียงไกรออกจากเมืองปักษามาที่เมืองเดอะซีแล้วบอกกับเขาไป
คิดแล้ว มายมิ้นท์ก็จดจ้องผู้ช่วยทัตไปด้วย แล้วก็ก้าวถอยหลังไปด้วย กะว่าพอถอยห่างได้พอประมาณแล้ว ก็จะรีบหมุนตัววิ่งหนีไป
ไม่งั้นถ้าหมุนตัววิ่งหนีไปตอนนี้เลย ก็จะทำให้ผู้ช่วยทัตตั้นสติขึ้นมาจากการครุ่นคิดได้ พอถึงตอนนั้นเธอก็จะไม่มีแม้แต่โอกาสวิ่งหนีแล้ว
หลับตาลงเล็กน้อย มายมิ้นท์ถอยหลังไปด้วย แล้วก็ปรับลมหายใจและสภาพจิตใจของตัวเองได้ด้วย เพื่อทำให้ตัวเองไม่ตื่นเต้นเกินไปและหวาดกลัวเกินไป พยายามสงบสติอารมณ์อยู่ เพื่อจะได้ไม่ทำพลาดไปภายใต้ความประหม่าเกินไป แล้วจะต้องยุ่งแน่
แต่สิ่งที่เธอคิดไม่ถึงก็คือ ตัวเองยังไม่ทันได้ทำพลาดไป ผู้ช่วยทัตก็ได้ตั้งสติกลับมาแล้ว
พอผู้ช่วยทัตเห็นมายมิ้นท์กำลังก้าวถอยหลังไป ก็สังเกตเห็นถึงความตั้งใจของเธอขึ้นมาทันที แล้วดวงตาทั้งคู่ก็หรี่ลง “อยากหนีเหรอ?”
พอมายมิ้นท์เห็นว่าเป้าหมายของตัวเองถูกพบเข้าแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก รีบหมุนตัวแล้วก็วิ่งหนีไปทางตึกของคอนโดเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...