นี่ก็เท่ากับว่า เสียเงินซื้ออากาศเท่านั้น
แต่ว่า ด้วยฐานะของเทนเดอร์กรุ๊ปในตอนนี้ ไม่มีทางที่จะซื้อไหวแน่ แต่ไม่ซื้อก็ไม่ได้
ดังนั้นสุดท้ายแล้วผลที่จะได้รับก็คือ เสียเงินไปแล้ว แต่เทนเดอร์กรุ๊ปไม่มีสินค้าที่จะเอามาขาย ไม่มีรายได้ จากนั้นเงินเดือนพนักงาน เงินกู้จากธนาคาร รวมทั้งส่วนแบ่งของบริษัทอื่นที่มาร่วมงานด้วยเป็นต้น ก็จะควักไม่ออกสักอย่าง
พอถึงตอนนั้น สิ่งที่รอคอยเทนเดอร์กรุ๊ปอยู่ ก็คือโดนฟ้องล้มละลายทางเดียวเท่านั้น
แค่ชิ้นส่วนเล็ก ๆ อันหนึ่งถูกแย่งไป ก็สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ที่น่ากลัวแบบนี้ได้ ดังนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ ว่าชิ้นส่วนนี้สำคัญมากแค่ไหน
ถ้าเกิดเตชิตรู้เรื่องเข้า ก็ต้องเอาเรื่องนี้มาขยายใหญ่โต แล้วเอามาโจมตีเธอที่เป็นประธานใหญ่แน่
แล้วถ้าให้พวกพนักงานรู้เข้า ก็มีแต่จะทำให้จิตใจคนหวาดระแวง เป็นกังวลว่าจะไม่ได้รับเงินเดือนของเดือนนี้ แล้วคาดว่าอาจจะโวยวายกันขึ้นมาเลยก็ได้
ด้วยเหตุนี้ เธอถึงได้ปิดข่าวนี้ไว้อย่างระมัดระวัง ไม่ให้ใครอื่นนอกเหนือจากเธอและผู้ช่วยเลขาเท่านั้นที่รู้เรื่อง
แต่คิดไม่ถึงว่า ลาเต้กลับมารู้เรื่องเข้า
ลาเต้รู้เรื่องแล้ว ก็อาจจะหมายความว่าเตชิตและพวกพนักงานในบริษัทรู้เรื่องแล้ว งั้นตอนนี้ที่บริษัทจะโวยวายกันขึ้นมาแล้วหรือเปล่า?
พอคิดถึงความเป็นไปได้นี้ หัวใจของมายมิ้นท์ก็หนักหน่วงไปถึงก้นเหวทันที
แล้วก็ในเวลานี้เอง ลาเต้ก็เปิดปากตอบขึ้นมาว่า “เลขาคนหนึ่งของคุณเป็นคนโทรมาบอกผมเอง อย่าลืมซะล่ะ ยังไงผมก็ยังมีชื่อเป็นผู้จัดการคนหนึ่งของเทนเดอร์กรุ๊ปอยู่ การร่วมงานกับโรงงานทิพย์ฟ้าในตอนแรก ผมก็เป็นคนเชื่อมสัมพันธ์ให้ พอทางโรงงานทิพย์ฟ้าจะฉีกสัญญา ผมที่เป็นคนเชื่อมสัมพันธ์นี้ก็ควรจะรับรู้ด้วย ดังนั้นเลขาของคุณจึงบอกกับผมมาตั้งนานแล้ว แล้วผมก็รีบไปหาประธานใหญ่ของโรงงานทิพย์ฟ้ามาแล้ว แต่ว่าประธานใหญ่ของโรงงานทิพย์ฟ้าไม่ยอมพบผม พอผมไม่รู้ว่าทำไมโรงงานทิพย์ฟ้าถึงฉีกสัญญา ก็เลยติดต่อคุณมา”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง” พอได้ยินการอธิบายของลาเต้แล้ว มายมิ้นท์ถึงรู้ว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวเองคิดไว้ ในใจก็โล่งอกไปได้เปลาะหนึ่ง
“มิ้นท์ ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ลาเต้ขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วถามขึ้น “ทำไมอยู่ดี ๆ โรงงานทิพย์ฟ้าถึงได้ฉีกสัญญากะทันหันได้? ผมจำได้ว่าชิ้นส่วนชุดนี้ใกล้จะถึงเวลาส่งมอบของแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ อีกสองวัน” มายมิ้นท์พยักหน้าขึ้น
ลาเต้โมโหจนตบโต๊ะขึ้นมา “จะส่งมอบของกันอยู่แล้ว แต่เขากลับเอาชิ้นส่วนขายให้กับคนอื่น ช่างมีความกล้ามากจริง ๆ มิ้นท์ คุณบอกผมมา คุณกับประธานใหญ่โรงงานทิพย์ฟ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันหรือเปล่า?”
ไม่งั้นประธานใหญ่โรงงานทิพย์ฟ้าจะเสี่ยงอันตรายใหญ่หลวงขนาดนี้มาฉีกสัญญาได้ยังไงกัน
นี่มันต้องรับผิดชอบตามกฎหมายเลยนะ
มายมิ้นท์ส่ายหน้าเล็กน้อย “เปล่านี่ ฉันกับประธานใหญ่โรงงานทิพย์ฟ้าไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน แต่ฉันกับคนที่มาแย่งชิ้นส่วนของเราไปมีความขัดแย้งกันอยู่ แล้วคนคนนั้น อาจจะจับจุดอ่อนของประธานใหญ่โรงงานทิพย์ฟ้าได้ ก็เลยข่มขู่ประธานใหญ่โรงงานทิพย์ฟ้าให้ขายชิ้นส่วนให้เขา เพื่อไม่ให้ฉันได้รับชิ้นส่วน แล้วจะได้รับของที่เขาอยากได้จากฉันไปง่าย ๆ”
“อะไรนะ?” ลาเต้ตกตะลึงเป็นอย่างมาก “ในนี้ยังมีเรื่องวกไปวนมาแบบนี้อีกเหรอ? มิ้นท์ นี่ตกลงคุณไปผิดใจกับใครนี่?”
เขารีบถามขึ้น
อยากจะดูว่าตัวเองจะช่วยอะไรได้หรือเปล่า
มายมิ้นท์กัดริมฝีปากไป แล้วค่อย ๆ พูดชื่อชื่อหนึ่งออกมา “เกรียงไกร”
“เกรียงไกรเหรอ?” ลาเต้นิ่งอึ้งไปก่อน แล้วรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหูเป็นอย่างมาก
แต่ว่าไม่นาน เขาก็นึกขึ้นมาได้ แล้วใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง “มิ้นท์ คุณอย่าบอกผมนะ ว่าเป็นนายใหญ่เกรียงไกรของตระกูลคหบวรแห่งเมืองปักษาน่ะ? ตระกูลคหบวรที่เทียบเท่ากับตระกูลอัครเดชโภคิน หนึ่งในพวกตระกูลใหญ่แห่งเมืองปักษานะเหรอ”
“ใช่ เขานั่นแหละ” มายมิ้นท์ตอบอืมไปคำหนึ่งแล้วพยักหน้าขึ้น
ลาเต้สูดลมเย็น ๆ เข้าไปคำหนึ่ง “ใช่เขาจริง ๆ เหรอ มิ้นท์ คุณกับเขามีความโกรธแค้นกันได้ยังไง? พูดตามหลักแล้ว พวกคุณไม่มีทางที่จะไปเกี่ยวข้องกันได้เลยนี่”
มายมิ้นท์หรี่ตาลงเล็กน้อย “เป็นลูกนอกสมรสของเกรียงไกร”
“อะไรนะ?” ลาเต้รู้สึกฟังไม่ค่อยเข้าใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...