รักหวานอมเปรี้ยว นิยาย บท 934

ลาเต้เองก็เงียบขรึมไปเลย ชั่วขณะหนึ่ง ก็คิดไม่ออกไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี

ในเมื่อครั้งนี้คนที่ต้องเผชิญหน้าด้วย คือนายใหญ่แห่งตระกูลคหบวร

อย่าว่าแต่เทนเดอร์กรุ๊ปในตอนนี้ แม้แต่รัตติพีระกรุ๊ป ก็ยังมีตัวตนอยู่แต่ไม่สามารถแตะต้องได้เลย

ไม่งั้น เขาก็จะใช้ชื่อเสียงของตระกูลรัตติพีระไปกดดันเกรียงไกรเลย แล้วให้เกรียงไกรส่วนคืนชิ้นส่วนกลับมาซะดี ๆ

แน่นอนว่า ตอนนี้ยังมีอีกคนหนึ่ง ที่สามารถทำให้เกรียงไกรส่งคืนชิ้นส่วนกลับมาได้ นั่นก็คือเปปเปอร์

เพียงแต่ว่าสำหรับเขาแล้ว เปปเปอร์เป็นศัตรู แล้วก็เป็นคนที่น่ารังเกียจ

เพราะฉะนั้น เขาไม่มีทางเปิดปากไปขอร้องเปปเปอร์แน่

ฉีกหน้าครั้งนี้ไม่ได้ แล้วก็ไม่สามารถละทิ้งศักดิ์ศรีนี้ได้ด้วย

ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่สามารถเปิดปากขอให้มายมิ้นท์ไปขอร้องเปปเปอร์ได้

ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นแฟนกัน มายมิ้นท์เปิดปากขอให้เปปเปอร์ช่วย ก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

แต่เขารู้จักเธอดี เธอไม่มีทางอยากพึ่งผู้ชายมาทำให้เรื่องหนึ่งสำเร็จ ไม่งั้น ในวินาทีที่เกิดเรื่องขึ้นมา เธอก็คงจะไปบอกกับเปปเปอร์ตั้งนานแล้ว ไม่มีทางถ่วงเวลามาจนถึงตอนนี้หรอก

เพราะฉะนั้นในฐานะที่เป็นเพื่อน เขาจะเคารพการตัดสินใจของเธอ เมื่อเธอไม่อยากขอให้เปปเปอร์ช่วย เขาก็จะไม่เอ่ยเรื่องนี้ออกมาแน่

ยังมีอีก ที่เขาไม่อยากให้เธอไปขอร้องให้เปปเปอร์ช่วย ก็เป็นเพราะว่าเห็นแก่ตัวของตัวเองด้วย ถ้าให้เธอไปหาเปปเปอร์ ก็เท่ากับว่าตัวเองได้ยอมรับแล้วจริง ๆ ว่าตัวเองไม่มีด้านไหนเทียบกับเปปเปอร์ได้เลย ไม่มีประโยชน์เท่าเปปเปอร์ แล้วก็ยิ่งไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้เท่าเปปเปอร์

เขารู้ว่าที่ตัวเองเป็นแบบนี้นั้นน่ารังเกียจมาก แต่เขาก็ไม่ได้อยากเป็นนี่

เขารับมายมิ้นท์มาสิบกว่าปี ตั้งแต่สมัยที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่น ก็ตกหลุมรักแล้ว ตกหลุมรักเธอมาก่อนเปปเปอร์ตั้งนาน

แต่สุดท้าย กลับถูกเปปเปอร์แย่งชิงไปตั้งสองครั้ง

ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเคยพูดว่าจะยอมแพ้ไป และบอกว่าจะปล่อยวาง และยังจะอวยพรให้พวกเขา แต่ยังไงในใจของเขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี

สรุปแล้วไม่ว่ายังไง เขาก็ไม่อยากไปหาเปปเปอร์อยู่ดี

ครุ่นคิดไป ลาเต้ก็ลังเลในใจอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เปิดปากพูดบอกความคิดที่จะให้มายมิ้นท์ไปหาเปปเปอร์ออกมา พูดเสนอความคิดเห็นแต่เพียงแค่ “มิ้นท์ หรือไม่ พวกเราลองหาซื้อชิ้นส่วนจากพวกสายงานเดียวกันมาก่อนสักชุด? เพื่อให้แก้ไขปัญหาเรื่องชิ้นส่วนไปได้ก่อน เพื่อให้เทนเดอร์กรุ๊ปสามารถดำเนินงานต่อไปได้ก่อน แล้วเรื่องที่จะไปคิดบัญชีกับเกรียงไกร ต่อไปค่อยมาว่ากัน คุณคิดว่าเป็นไง?”

เขาถามขึ้น

มายมิ้นท์ถอนหายใจ “นายนึกว่าฉันไม่เคยคิดวิธีนี้มาก่อนเหรอ? แน่นอนว่าฉันต้องเคยคิดมาก่อนอยู่แล้ว แต่ว่าไม่มีประโยชน์ ชิ้นส่วนของพวกเพื่อนในสายงานเดียวกัน จะมีLOGOบริษัทตัวเองสลักอยู่ทั้งนั้น ถ้าเกิดพวกเราไปกว้านซื้อมา ยังต้องเอาไปแก้ไขเพิ่มเติม ต้องลบLOGOพวกนั้นทิ้งไปอีก แล้วค่อยมาสลักLOGOของเทนเดอร์กรุ๊ปเข้าไป นี่จะเป็นงานใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัยเลย ทั้งเสียเวลาและเสียแรง ต้องใช้เวลาห้าวันถึงจะทำเสร็จได้ ดังนั้นพอลบLOGOพวกนั้นได้แล้ว เทนเดอร์กรุ๊ปของเราก็จะยุ่งวุ่นวายขึ้นมาแล้ว แน่นอนว่า จะซื้อพวกชิ้นส่วนที่ยังไม่มีLOGOพวกนั้นมาก็ได้ แต่ว่าชิ้นส่วนแบบนั้นมันมีจำนวนน้อย คาดว่าไปหาซื้อชิ้นส่วนทั้งหมดในประเทศมา ก็คงจะไม่พอ ตอนนี้LOGOของชิ้นส่วน ส่วนใหญ่แล้วก็ทำเสร็จอันหนึ่งก็จะสลักชื่อไว้อันหนึ่งเลย”

เธอเองก็เคยไปเดินตรวจดูขั้นตอนการทำงานของโรงงานทิพย์ฟ้ามาแล้ว

ดังนั้นจึงรู้ดีมากว่าได้LOGOบนชิ้นส่วนนั้น สลักลงไปเมื่อไหร่กัน

เพราะว่าLOGOมันเป็นสัญลักษณ์แทนบริษัทต่าง ๆ ทำให้ผู้คนเห็นเข้า ก็รู้เลยว่าชิ้นส่วนนี้มาจากบริษัทไหน

ด้วยเหตุนี้ การประทับตราLOGOบนชิ้นส่วน จึงเป็นเรื่องที่เข้มงวดมาก จะต้องไม่มีทางละเลยได้ แล้วก็ต้องสลักเข้าไปด้วย

เธอปฏิเสธที่จะให้ทามทอยช่วยเหลือ กลับเป็นเพราะว่าต้องการดูแลความรู้สึกของเปปเปอร์

เห็นได้ชัดเลยว่า ตอนนี้เธอเป็นห่วงเปปเปอร์มากแค่ไหน

หัวใจของลาเต้เจ็บปวดเป็นอย่างมาก มือที่กำโทรศัพท์อยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะกำแน่นขึ้น มุมปากก็ยิ้มขมขื่นแล้วพูดขึ้นว่า “ผมสงสัยมากจริง ๆ เปปเปอร์นี่เป็นตุ๊กตาเสน่ห์ยาแฝดหรือเปล่า”

“ห๋า?” มายมิ้นท์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาต้องว่าเปปเปอร์แบบนี้ด้วย

ลาเต้พิงไปด้านหลังกับพนักเก้าอี้ หัวหนุนอยู่บนหมอนหนุน แล้วหลับตาลงเล็กน้อย บดบังความเจ็บปวดในดวงตาไป “ก็เปปเปอร์ไง ถ้าเกิดว่าไม่ได้เป็นตุ๊กตาเสน่ห์ยาแฝด ทำไมถึงได้ทำให้คุณหลงเขาจนใส่ใจเขามากขนาดนี้ แถมยังมีพ่อแม่ผมด้วย เมื่อเช้าผมกลับไป แล้วถามถึงเรื่องเมื่อคืน ถามถึงสถานการณ์ที่คุณกับเปปเปอร์มาที่บ้าน ไม่ต้องบอกเลยว่าพวกเขาสองสามีภรรยาพึงพอใจในตัวเปปเปอร์มากแค่ไหน แล้วลากผมไปชื่นชมเปปเปอร์ให้ผมฟังอยู่พักใหญ่ จะชื่นชมไปก็ช่างเถอะ แต่ยังมารังเกียจผมว่าไม่มีอะไรเทียบกับเปปเปอร์ได้อีก จนผมโมโหแทบตาย ดังนั้นผมถึงบอกว่า เปปเปอร์เป็นตุ๊กตาเสน่ห์ยาแฝดหรือเปล่า? ทำให้คุณหลงจนโงหัวไม่ขึ้นก็ช่างเถอะ แต่ทำไมยังมาทำให้พ่อแม่ผมหลงเขาจนชมเขาไม่ขาดปากอีก? นี่ตกลงผมกับเปปเปอร์ใครกันแน่ที่เป็นลูกชายของพวกเขา”

พอได้ยินคำพร่ำบ่นของเขา มายมิ้นท์ก็ปิดปากหัวเราะขึ้นมา แล้วหัวเราะจนตัวสั่น “เอาล่ะเต้ นายอย่าน้อยใจไปเลย ที่จริงที่คุณลุงคุณป้าเคารพนับถือเปปเปอร์นั้นมันก็มีสาเหตุอยู่ เพราะเปปเปอร์มอบของขวัญที่ถูกใจพวกเขาที่สุดให้ ก็เลย……”

“ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง” คำพูดในตอนท้าย ถึงแม้ว่ามายมิ้นท์จะพูดไม่หมด แต่ลาเต้ก็เข้าใจแล้ว

เปปเปอร์เป็นคนร่ำรวย ของขวัญที่มอบให้ ก็ต้องทำให้พ่อแม่เขาพึงพอใจมากกว่าของที่ลูกชายอย่างเขามอบให้อยู่แล้ว

ในเมื่อของที่พ่อแม่เขาชอบ ถ้าเขาซื้อขึ้นมาก็จะมีแรงกดดันมากจริง ๆ

“ช่างเถอะ ช่างเถอะ ในเมื่ออยู่ที่คุณ ผมก็ได้พ่ายแพ้ให้กับเปปเปอร์ไปแล้ว ตอนนี้มาพ่ายแพ้ที่พ่อแม่ผมอีกครั้ง ผมก็รู้สึกชินแล้วล่ะ” ลาเต้สะบัดมือเล็กน้อย แล้วก็กลับมาพูดหัวข้อเมื่อกี้อีกครั้ง ด้วยท่าทีจริงจังว่า “มิ้นท์ ถ้าเกิดว่าไม่ไหวจริง ๆ พวกเราก็กู้เงินกับธนาคารอีกก้อนหนึ่ง เพื่อเอามาใช้จ่ายกับเรื่องในครั้งนี้”

“นายหมายความว่า ยอมปล่อยเรื่องชิ้นส่วนในครั้งนี้ไปเหรอ?” มายมิ้นท์ท่าทางเคร่งขรึมขึ้นมา

ลาเต้พยักหน้าขึ้นเล็กน้อย “ใช่ ถูกต้อง ถ้าเกิดเอากลับคืนมาไม่ได้จริง ๆ ก็คงต้องยอมแพ้ไปก่อน แต่ว่าพอยอมแพ้ไปแล้ว พวกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นานา ด้วยสภาพตอนนี้ของเทนเดอร์กรุ๊ปไม่มีทางควักออกมาได้แน่ ดังนั้นจึงต้องกู้ยืม เพื่อให้ผ่านช่วงนี้ไปให้ได้ จากนั้นพอเครื่องยนต์ชุดที่คุณไปเจรจาที่เกาหลีมาถึงแล้ว พวกเราก็จะสามารถผลิตชิ้นส่วนได้เองแล้ว ไม่ต้องไปร่วมมือกับใครอีก แล้วก็ไม่ต้องมาเป็นกังวลกับเรื่องพวกนี้อีก คุณคิดว่าไงล่ะ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว