วิธีนี้……
มายมิ้นท์เงียบขรึมไป
พูดตามตรง เธอรู้สึกว่ามันก็ได้อยู่
เพียงแต่ถ้ายอมปล่อยชิ้นส่วนพวกนั้นไปละก็ เงินที่จะต้องเอามาฝ่าวิกฤต เงินก้อนนี้ จะต้องเป็นเงินจำนวนมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ถ้าเทนเดอร์กรุ๊ปจะกู้เงินก้อนมหาศาลนี้ ก็จะต้องเอาของที่มีมูลค่าสูงออกมาเป็นของค้ำประกันก่อน
แล้วตอนนี้ของที่มูลค่าที่สุดของเทนเดอร์กรุ๊ป ก็คือตึกสำนักงานของเทนเดอร์กรุ๊ปนี้
ถ้าเอาตึกนี้ออกไปค้ำประกัน ก็จะเป็นการกระทำที่เสี่ยงมากครั้งหนึ่ง
ถ้าไม่ระวัง บางทีตึกสำนักงานนี้อาจจะสูญหายไปจากมือเธอเลย
ดังนั้น เธอจำเป็นที่จะต้องคิดวิเคราะห์ให้ดี ๆ ก่อน
คิดแล้ว มายมิ้นท์ก็นวดขมับเล็กน้อย แล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ทีหนึ่งแล้วตอบขึ้นว่า “นายให้ฉันลองคิดดูก่อนนะเต้ ฉันขอคิดดูก่อนสักวันหนึ่ง”
ลาเต้เองก็รู้ว่าเธอกำลังลังเลอะไรอยู่ เปลี่ยนเป็นเขา เขาก็เป็นเหมือนกัน
พอพยักหน้าไปเล็กน้อย แล้วลาเต้ก็ตอบกลับไปว่า “ได้ คุณลองคิดดูดี ๆ เถอะ ไม่ว่าจะคิดได้ผลยังไง ก็ต้องจำไว้นะว่าต้องบอกกับผมสักคำ อย่าให้ผมเป็นห่วงนะ”
“อืม” มายมิ้นท์คลี่ยิ้มขึ้นมา แล้วรับปากไป
จากนั้น ทั้งสองคนก็พูดคุยกันไปอีกหลายประโยค แล้วถึงได้วางสายไป
มายมิ้นท์เก็บโทรศัพท์ แล้วนั่งอยู่ข้างเตียง ก้มหน้าลงเล็กน้อย เข้าสู่ความเงียบขรึมไป
จนผ่านไปหลายนาที ประตูห้องถึงถูกคนเปิดออก แล้วเปปเปอร์ก็เดินเข้ามา ถามเสียงอ่อนโยนขึ้นว่า “เป็นอะไรไป? ทำไมเหม่อลอยอีกแล้ว?”
ดวงตามายมิ้นท์สั่นไหวเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมามองไปที่ชายหนุ่ม แล้วยิ้มให้กับชายหนุ่มทีหนึ่ง “ไม่มีอะไรค่ะ แค่กำลังคิดเรื่องอะไรบางอย่างอยู่เท่านั้น อ๋อ ใช่แล้ว คุณดูซิคะ ฉันแต่งตัวเป็นยังไงบ้าง?”
เธอรีบลุกขึ้นมา ข่มความกลัดกลุ้มในใจลง และไม่อยากให้เปปเปอร์มองออก ดังนั้นจึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยไป แล้วหมุนตัวต่อหน้าชายหนุ่มรอบหนึ่ง เพื่อให้ชายหนุ่มดูการแต่งกายชุดนี้ของเธอ
ชายหนุ่มลูบคางไปแล้วพยักหน้าเล็กน้อย ในดวงตาแฝงความชื่นชมอย่างไม่ปิดบังเอาไว้ “ไม่เลวเลย สวยมาก”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว ในเมื่อชุดนี้คุณเปปเปอร์เป็นคนเลือกให้เองเลยนะ” มายมิ้นท์วางแขนลงแล้วพูดขึ้นมา
เปปเปอร์คลี่ยิ้มขึ้น “ดังนั้นสายตาผมไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ?”
มายมิ้นท์ชูนิ้วโป้งขึ้นมาให้ “ใช่ค่ะ สายตาคุณเปปเปอร์ดีมาก ไม่งั้นก็คงจะไม่มีทางเลือกชุดที่สวยขนาดนี้ให้ฉันได้หรอกค่ะ”
“งั้นต่อไป ผมก็จะเลือกชุดให้คุณทุกวันเลยเป็นไง?” เปปเปอร์เดินเข้าไปใกล้เธอ แล้วใช้แขนข้างหนึ่งกอดเอวบางของเธอเอาไว้ แล้วก็ก้มหน้าลงมาพูดข้างหูเธอ
มายมิ้นท์มองไปที่ชายหนุ่ม “ถ้าคุณอยากทำ แน่นอนว่าฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
มีสไตล์ลิสต์ฟรี ๆ ไม่ใช้ก็เสียเปล่า
พอเห็นความเจ้าเล่ห์ในดวงตามายมิ้นท์ เปปเปอร์ก็หัวเราะเสียงต่ำขึ้นมา “ได้ ต่อไปขอแค่ผมมีเวลา ผมก็จะเลือกเสื้อผ้าที่จะใส่วันที่สองให้คุณ เอาล่ะ ไปกันเถอะ กับข้าวเสร็จแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ”
พอพูดจบ เขาก็จูงมือเธอเอาไว้ แล้วพอเธอเดินไปทางห้องอาหาร
เปปเปอร์ต้มบะหมี่ไว้สองชาม แต่เป็นบะหมี่ที่ครบเครื่องเป็นอย่างมาก
มีทั้งกุ้งทั้งเนื้อและหมูแดง และยังประดับประดาด้วยไข่สองใบกับผักกาดขาวเล็ก ๆ สองเส้น เห็นแล้วก็ทำให้คนน้ำลายไหลยืด
มายมิ้นท์รวบผมไว้แล้วก้มลงไปดมเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มแล้วชื่นชมขึ้นมา “หอมจังเลย จะต้องอร่อยมากแน่ ๆ ลำบากคุณแล้วนะคะ”
“ไม่ลำบากหรอก ขอแค่คุณชอบกิน ผมก็รู้สึกว่าคุ้มมากแล้ว” พูดไปด้วย แล้วเปปเปอร์ก็ช่วยมายมิ้นท์ดึงเก้าอี้ออกไปด้วย
พอเธอนั่งลงแล้ว ก็เอาตะเกียบยัดใส่มือเธอ “รีบกินเร็ว”
“อืม” มายมิ้นท์กำตะเกียบไว้แน่นแล้วพยักหน้าขึ้นอย่างแรง จากนั้นก็คีบบะหมี่ขึ้นมาแล้วเริ่มกินไป
เส้นหมี่เหนียวนุ่ม เนื้อกุ้งที่เด้งดึ๋ง เนื้อที่นุ่มลิ้น หมูแดงที่หวานหอม ถึงแม้ว่าวัตถุดิบแบบนี้จะไม่มีทางเป็นวัถุดิบชั้นเยี่ยม แต่พอเอามารวมกัน รสชาติก็ดีสุดยอดไปเลย
มายมิ้นท์อดไม่ได้ที่จะเคี้ยวไปด้วยแล้วก็พูดไปด้วยขึ้นว่า “เปปเปอร์ ถ้าเกิดว่าวันไหนคุณไปเปิดร้านบะหมี่ขึ้นมา แล้วมาขายแต่บะหมี่แบบนี้ ธุรกิจจะต้องดีมาก ๆ แน่”
เปปเปอร์ใช้ช้อนดื่มน้ำซุปไปอย่างสง่างามคำหนึ่ง แล้วถึงตอบกลับมาว่า “ก็ดีนะ รออีกหน่อยถ้าเราแก่แล้ว เกษียณแล้ว และเอาบริษัทมอบให้กับลูกแล้ว พวกเราก็ไปเปิดร้านบะหมี่ร้านหนึ่ง ผมทำบะหมี่ ส่วนคุณก็คอยเก็บเงินเป็นไง?”
มายมิ้นท์คิดไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มจะพูดต่อจากคำพูดของเธอ และที่สำคัญยังวาดภาพชีวิตในตอนแก่ของพวกเขาออกมาด้วย
จนทำให้เธออดไม่ได้ที่จะไปคิดไปในด้านที่เขาบรรยายออกมานี่ด้วยเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...