“ทำไมถึงได้ชอบขี้หึงขนาดนี้นะ?” จ้องมองท่าทางที่ผิดเพี้ยนไปของชายหนุ่ม มายมิ้นท์ก็อดขำขึ้นมาไม่ได้
เปปเปอร์หันไปมองเธอทีหนึ่ง “เพราะว่าเป็นห่วง เพราะฉะนั้นก็เลยหึงไง”
ถึงได้ไม่ชอบใจ
มายมิ้นท์เชื่อคำพูดนี้จริง ๆ
“ก็ได้ งั้นฉันพูดอะไรที่ทำให้คุณมีความสุขดีกว่า?” มายมิ้นท์ใช้ข้อศอกถองไหล่ชายหนุ่มเบา ๆ
ชายหนุ่มคว้าแขนที่ซุกซนของเธอไว้ แล้วเอามาวางลงบนมือและบีบนวดไปเล็กน้อย “เรื่องดีใจอะไร?”
“คุณรู้ไหมคะ ก่อนหน้านี้เต้พูดอะไรกับฉันบ้าง?” มายมิ้นท์มองไปที่เขา
เปปเปอร์เม้มปากเล็กน้อย “พวกคุณแอบติดต่อกันลับหลังผม ทำไมผมถึงไม่รู้เรื่อง”
มายมิ้นท์มองตาขาวทีหนึ่ง “อะไรคือแอบคุณคะ อย่าพูดอย่างกับฉันทำผิดต่อคุณซิคะ คุณถามฉันว่าติดต่อกับใคร ฉันก็บอกคุณไปตรง ๆ แล้วนี่คะ”
เพราะฉะนั้น จะมาบอกว่าแอบเขาได้ยังไงล่ะ?
เปปเปอร์ทำเสียงหึเล็กน้อย แล้วไม่ได้พูดอะไร
มายมิ้นท์หลุดขำขึ้นมาอย่างเหนื่อยหน่าย “เอาล่ะ เอาล่ะ ไม่อ้อมค้อมแล้ว ฉันจะบอกคุณตรง ๆ เลยก็ได้ เต้มาพร่ำบ่นกับฉันว่า ตกลงคุณไปทำอะไรกับคุณลุงคุณป้า ถึงได้ทำให้คุณลุงคุณป้ามีความทรงจำที่ดีต่อคุณมาก และยังชื่นชมคุณต่อหน้าเขาอีก แถมยังบอกว่าเขาไม่มีอะไรเทียบคุณได้สักอย่าง จนทำให้เต้สงสัยเลยว่า นี่ตกลงเขาหรือคุณกันแน่ที่เป็นลูกชายของคุณลุงคุณป้า เป็นยังไงบ้างคะ พอได้ยินว่าเต้เสียท่าแล้ว ตอนนี้ดีใจขึ้นมาบ้างหรือยังคะ?”
ก็เขามีความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่เต้มีความรู้สึกด้านนั้นต่อเธอมาตลอด เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เห็นเธอติดต่อกับเต้ ก็จะขี้หึงตลอด
งั้นครั้งนี้ เธอเอาเรื่องแย่ของเต้มาเล่าให้เขาฟัง เชื่อว่าพอเขาได้ยินเรื่องย่ำแย่ของศัตรู จะต้องไม่หึงและโกรธแล้วมั้ง?
และผลปรากฏว่า พอได้ยินว่าลาเต้ถูกสองสามีภรรยาประธานวสุรังเกียจเพราะตัวเอง ก็เห็นได้ชัดว่าดวงตาของเปปเปอร์มีประกายเพิ่มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง ความหึงหวงรอบตัว ก็ลดลงไปแบบสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลย แล้วเรียวปากก็เม้มขึ้นมา และคลี่ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ลาเต้บอกคุณแบบนี้จริง ๆ เหรอ?” เปปเปอร์จ้องมองมายมิ้นท์ ด้วยแววตาสอบถามและขอความมั่นใจ
มายมิ้นท์พยักหน้าเล็กน้อย “แน่นอนอยู่แล้ว ฉันจะไปหลอกคุณทำไม ไม่งั้นคุณลองไปถามคุณลุงคุณป้าดูซิคะ”
“ผมเชื่อคุณ” เรียวปากของเปปเปอร์คลี่ยิ้มกว้างมากขึ้น และปิดบังรอยยิ้มของเขาไว้ไม่อยู่แล้ว และที่สำคัญแววยินดีในความทุกข์ของผู้อื่น ก็ยิ่งเด่นชัดมากขึ้น
พอเห็นแบบนี้ มายมิ้นท์ก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มอารมณ์ดีแล้ว แล้วก็อดรู้สึกขำไม่ได้ “เพราะฉะนั้น ตอนนี้มีความสุขหรือยังคะ?”
เธอถามขึ้นมาอีกครั้ง
สายตาเปปเปอร์เหล่มองไปทางอื่น แสร้งทำเป็นกระแอมไอขึ้นมาคำหนึ่งอย่างมีเมตตา แล้วพูดเรียบ ๆ ขึ้นว่า “ก็พอได้อยู่ ดีกว่าเมื่อกี้นิดหน่อย”
พอมายมิ้นท์เห็นเขาภาคภูมิใจขนาดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะมองตาขาวขึ้นมาทีหนึ่ง บนใบหน้าแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม
จริง ๆ เลย อารมณ์ดีก็ดีไปซิ
ทำไมยังต้องไม่ยอมรับด้วย?
“เอาล่ะ เวลาก็พอประมาณแล้ว พวกเราไปกันเถอะ” พอหัวเราะเล่นกันไปแล้ว มายมิ้นท์ก็มองดูเวลาเล็กน้อย เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว ควรจะออกเดินทางแยกย้ายกันไปทำงานบริษัทใครบริษัทมันได้แล้ว
ช่วงสายพวกเขาต่างก็ไม่ได้ไปทำงาน ยังไงช่วงบ่ายก็ต้องไปแล้ว
เปปเปอร์ไม่ได้พูดอะไร พอตอบอืมไปคำหนึ่งแล้ว ก็จูงมือเธอขึ้นมา แล้วออกจากบ้านไปพร้อมกับเธอ
ทั้งสองคนมาถึงลานจอดรถ
ผู้ช่วยเหมันตร์กำลังพิงอยู่ข้างรถไมบัคของเปปเปอร์ กำลังก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ไม่หยุด
พอทั้งสองคนเดินใกล้เข้ามา แล้วผู้ช่วยเหมันตร์สังเกตเห็น ถึงได้วางโทรศัพท์ลงแล้วเงยหน้าขึ้นมา “ประธานเปปเปอร์ คุณมายมิ้นท์ ”
มายมิ้นท์ยิ้มให้เขาแล้วพยักหน้าเล็กน้อย ถือเป็นการตอบรับ
แต่เปปเปอร์กลับถามผู้ช่วยเหมันตร์โดยตรงเลยว่า “ที่ฉันให้นายไปเตรียม เตรียมเสร็จเรียบร้อยหรือยัง?”
ผู้ช่วยเหมันตร์ดันแว่นเล็กน้อย แล้วมองไปที่มายมิ้นท์อย่างมีความหมายลึกซึ้งทีหนึ่ง แล้วพยักหน้าและพูดขึ้นว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ผมทำงานคุณวางใจได้เลยครับ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: รักหวานอมเปรี้ยว
โดนสาดกรดก็รีบล้างออกสิ กว่าจะขับรถไปถึงก็กัดกร่อนไปถึงกระดูกแล้ว วางเรื่องมาให้พระนางฉลาดมาก แต่ดันไม่รู้ว่าต้องล้างด่วน...
ก็แค่บอกอีธานว่านังส้มเน่าอาจจะเป็นคนวางแผนฆ่าแฟนเก่า แล้วให้อีธานสะกดติตมันให้สารภาพ ก็จบแล้ว จะง่าวอะไรขนาดนั้น...