“เธอคือ…รัฐมนตรี? คงไม่ใช่…พี่สาวของท่านประธานาธิบดีหรอกนะคะ?”
“เธอนั่นแหละ”
“เก่งขนาดนี้เชียว” น้ำเสียงของอาชิงเต็มไปด้วยความชื่นชมต่อไป๋ซู่เย่
“ปกติเธอไม่ดูข่าวในประเทศบ้างหรือไง?”
อาชิงส่ายหัวรัว “น่าเบื่อจะตาย ประชาชนตัวเล็กๆ ที่อยู่สงบเสงี่ยมอย่างดิฉันติดตามไม่ไหวจริงๆ”
น่าหลันไม่พูดอะไรอีก สายตาจ้องมองแผ่นหลังนั่นกระทั่งไป๋ซู่เย่หายเข้าไปในห้องปิดประตูลงเธอก็ไม่ได้ถอนสายตาออกแต่อย่างใด
“คุณคะ?”อาชิงยกมือโบกหน้าเธอไปมา
น่าหลันหลุดจากห้วงภวังค์ “เรา…คล้ายกันมากใช่ไหม?”
“…ค่ะ เหมือนจริงๆ ก่อนหน้านี้ทุกคนก็พูดกัน”
“แต่…เทียบกับเธอแล้ว ฉันเหมือนตัวตลกที่เลียนแบบเขาแต่ไม่เหมือนใช่ไหม? เธอเก่งขนาดนี้ อะไรก็ดีไปหมด แต่ฉันกลับไม่ใช่อย่างนั้น…เป็นแค่เด็กกำพร้าที่ไม่มีอะไรเลย…” เธอหลุบตาลงอย่างเศร้าโศก เทียบกับเธอแล้วไม่ว่าจะเรื่องนิสัยหรือหน้าที่การงานของตัวเองหรือแม้แต่เบื้องหลังครอบครัว แทบไม่มีสิ่งไหนเทียบได้เลย
ผู้ชายอย่างเย่เซียว คงคู่ควรกับผู้หญิงที่ดีเลิศไปเสียทุกเรื่องแบบนี้สินะ!
อาชิงจับสังเกตอารมณ์ที่ผิดปกติของเธอได้จึงรีบพูดปลอบ “คุณคะ คิดอะไรเหลวไหลอีกแล้วล่ะ! ถึงคุณจะเป็นเด็กกำพร้าแต่มีนายท่านคอยปกป้องคุณไงคะ! ถ้าคุณไม่ใช่เด็กกำพร้า บางทีนายท่านอาจไม่ยอมเก็บคุณมาเลี้ยงดูก็ได้! อีกอย่างเธอเก่งขนาดนั้นแล้วมีประโยชน์อะไร? ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงที่เก่งกาจเกินไป ชอบผู้หญิงที่เหมือนคุณแบบนี้มากกว่า อ่อนโยนและต้องการการปกป้อง”
น่าหลันหัวเราะ มองเธอ “ที่พูดมาเป็นความจริงหรือแค่ปลอบใจฉันน่ะ?”
“จริงแท้แน่นอนสิคะ คุณคิดสิ ถ้าเกิดกลางดึกคุณอยู่ข้างนอก นายท่านจะทำใจให้คุณย้อนกลับไปเองดึกดื่นได้ยังไง? ดิฉันว่า นายท่านต้องมัวแต่เป็นห่วงคุณว่าจะเจอเรื่องเลวร้ายอะไรระหว่างทางหรือเปล่า!”
ความรู้สึกผิดและน้อยเนื้อต่ำใจของน่าหลันถูกถ้อยคำพูดนี้ของอาชิงกวาดทิ้งไปอยู่มุมลึกของหัวใจ หายไปในกลีบเมฆทันที
…………………………
ไป๋ซู่เย่วางกระเป๋าเดินทางเสร็จไม่ได้อยู่นานไปกว่านั้น กลับย้อนไปที่กระทรวงความมั่นคงแทน
ในกระทรวงงานยุ่งมากจนหัวหมุน ไม่เหลือช่องว่างให้เธอได้ครุ่นคิดเรื่องส่วนตัวสักนิด วันนี้ทำงานดึกตามเคย เมื่อหยิบโทรศัพท์ออกมาดูอีกทีถึงรู้ว่าเที่ยงคืนแล้ว
เย่เซียว…ตอนนี้น่าจะกลับไปแล้วล่ะมั้ง!
นึกถึงเขาก็นึกถึงภาพที่อยู่ในห้องน้ำชายวันนั้นขึ้นมาเสียดื้อๆ ได้แต่รู้สึกว่ากลีบปากร้อนผ่าวราวกับโดนไฟลน
“รัฐมนตรี ผมจะไปส่งคุณกลับเอง” ไป๋หลางเคาะประตูเข้ามา
“ฉันขับรถเอง”
“ดึกขนาดนี้ ผมกลัวคุณง่วง”
“ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน” ไป๋ซู่เย่ยืนยันคำขาด ไม่อยากให้ไป๋หลางรู้ข้อแลกเปลี่ยนของตัวเองกับเย่เซียว ยิ่งน้อยคนรู้ยิ่งดี
เธอขับรถไปยังปราสาทของเขา เธอคิดว่าโชคดีที่เลยเที่ยงคืนมาแล้วเขาต้องเข้านอนแล้วแน่ๆ เช่นนี้แล้วดูเหมือนตัวเธอจะรอดพ้นมาอีกหนึ่งวัน…
ขณะที่ติดไฟแดงอยู่เธอหยิบสมุดจากกระเป๋า ขีดฆ่าเส้นแดงทับบนเล็กที่ยี่สิบแปด
พริบตาเดียวกลับเหลือเพียงยี่สิบเจ็ดวันแล้ว…
เธอควรรู้สึกโล่งใจ แต่น่าแปลกที่กลับรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปไวนัก…
เธอเข้าไปในเขตสวนเพื่อส่งกุญแจ กดกริ่งประตูที่คราวนี้ไม่มีใครขวางเธออีก น้าหลี่เป็นคนมาเปิดประตู
“คุณไป๋”อาจเป็นเพราะเหตุการณ์โหดร้ายคราวก่อนที่น้าหลี่เห็นเองกับตา น้าหลี่จึงไม่ได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอเหมือนอาชิง
“ลำบากแย่ที่ต้องมาเปิดประตูให้ฉันดึกขนาดนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะ นายท่านบอกแล้วว่าต่อจากนี้ให้ฉันดูแลคุณคนเดียวพอ” น้าหลี่รับเสื้อนอกจากมือเธอไป ถามเสียงเบา “ทำงานจนดึกดื่น ต้องหิวแน่เลยใช่ไหมคะ? อยากทานอะไรหน่อยไหม เดี๋ยวฉันจะไปทำให้ที่ครัว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!