ไป๋ซู่เย่รู้สึกแค่ว่าตัวเองเป็นเสมือนก้อนสำลีที่ตัวอ่อนไร้เรี่ยวแรงไปทั้งตัว เธอรู้สึกเหมือนตัวเองถูกประคองขึ้นให้กลืนยาลงไป และคนคนนั้นเหมือนจะเป็นเย่เซียว
แต่เป็นฝันหรือความจริง เธอในตอนนี้ไม่มีสติไปถามหาความจริงอีกแล้ว
รอเธอกินยาเสร็จล้มตัวนอนเหมือนเดิม เย่เซียวไม่ได้กลับไปแค่ลากเก้าอี้มาคอยนั่งมองอยู่ไกลๆ
เธอหลับตานอนแน่นิ่งดูสงบมาก เจ้าตัวเหมือนดอกลิลลี่หนึ่งดอกที่ชุ่มฉ่ำท่ามกลางฝน ไม่ได้ดูมีชีวิตชีวาเหมือนทุกวันแต่กลับมีเสน่ห์น่าหลงใหลมากขึ้น
น่าหลงใหล?
เย่เซียวเหยียดปากล่างอย่างประชด ถอนสายตาจากใบหน้าเธอไปยังความมืดมิดข้างนอก
ความหลงใหลแบบนี้แหละคือยาพิษ
ทำให้เขาสูญเสียลูกน้องไปมากมาย ทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับมาตลอดสิบปี
เขาต้องตักเตือนตัวเองอยู่เสมอ ให้ตัวเขาไม่ลุ่มหลงไปกับยาพิษหลอดนี้อีก
…………………………
วันเวลาค่อยๆ ผ่านไป
ไม่รู้ผ่านนานแค่ไหน…
เมื่อไป๋ซู่เย่ตื่นมาอีกทีฟ้าข้างนอกก็สว่างแล้ว เธอเจ็บไปทั้งตัวเหมือนเพิ่งถูกรถใหญ่นาบผ่านไป ร่างกายใต้ผ้าห่มยิ่งเปียกชื้นเพราะเหงื่อเมื่อคืน
ทรมานจัง
เธอหอบหายใจอยากยันตัวลุกขึ้นแต่พอเงยหน้าเห็นภาพข้างๆ ก็ได้สะกดตัวเธอไว้นิ่ง
เย่เซียว…
เขานั่งบนเก้าอี้โดยขายาวสองข้างแยกออกสองมือประสานไว้บนหน้าขา เอนหลังน้อยๆ หลับตานอน ต่อให้อยู่ในท่าที่ไม่สบายตัวขนาดนี้หรือหลับคาเก้าอี้ตัวแคบเล็ก เขายังคงยืดตัวตรงรักษาความดูดีไว้ไม่ลดน้อยลง
เพียงแต่ตอนเขาหลับอยู่คิ้วเข้มกลับขมวดเป็นปม ความน่าเกรงขามบนองค์ประกอบใบหน้าที่ชัดเจนและติดเย็นชานั่นไม่เสื่อมคลายสักนิด
คนคนนี้ สัญชาตญาณของผู้บุกรุกมีมากเกินไป แม้แต่ตอนนอนยังไม่ปล่อยวางสักนิด
ชีวิตแบบนี้…บางทีก็ลำบากมากเหมือนกันสินะ…
คิดดังนั้นเธอเริ่มปวดใจโดยไม่รู้ตัว
เธอนอนบนเตียงหันข้างมองเขาจนเผลอเหม่อลอย แสงอาทิตย์อ่อนๆ สาดส่องเข้ามาตกกระทบตัวเขา เธอได้แต่แอบหวังชั่วขณะให้เวลาหยุดอยู่ตรงนี้…
คนคนนี้อาจมีเพียงเวลานี้เท่านั้น ที่เธอจะกล้ามองตรงๆ แบบนี้สินะ
ไม่รู้ว่าเผลอมองไปนานเท่าไรกระทั่งเขาลืมตาขึ้นเธอถึงได้สติกลับมา สายตาสองคู่สอดประสานอย่างคาดไม่ถึงและไม่อาจหลบหลีกได้จนทั้งคู่ต่างแน่นิ่งกันไป
สายตาของเขาล้ำลึกมากกว่าและคาดเดาอารมณ์ไม่ได้
“คุณตื่นแล้วเหรอ?” รอสักพักในที่สุดไป๋ซู่เย่ก็หาเสียงตัวเองเจอ เพราะอาการหวัดทำให้เสียงแหบเล็กน้อย สายตาได้เลื่อนออกจากตัวเขาไปแล้ว รู้สึกประหม่าชอบกล
เย่เซียวจ้องเธอนิ่งอยู่พักหนึ่งจนเธอเริ่มกำผ้าห่มบนตัวแน่นเพราะทำตัวไม่ถูกเขาถึงเบี่ยงตาหลบ แต่ไม่พูดอะไรแค่ใช้มือนวดคลึงระหว่างคิ้วไปมาอย่างเหนื่อยอ่อน
เธอเลิกผ้าห่มยันร่างที่อ่อนแอลุกขึ้นนั่ง พยายามหาเรื่องชวนคุยต่อ “คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ผมไปล้างหน้าสักหน่อย” เย่เซียวไม่ได้ตอบคำถามเธอ ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องน้ำ ไม่นานเขาก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เจ้าตัวดูมีสติมากกว่าเดิม
ไป๋ซู่เย่เองก็ลุกจากเตียงเรียบร้อย กำลังกอดชุดนอนยืนพิงกำแพงห้องน้ำรอเขาออกมา
ฉะนั้นทันทีที่เย่เซียวออกมาก็เจอเธอ
“ทำอะไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!