หากไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ปกติเธอมักควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีเสมอ
“หนูไม่เป็นไร แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหนู ทางนี้ยังมีธุระ หนูวางสายก่อนนะ” ไป๋ซู่เย่ไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้ก็กดวางสาย
ตัวเธออ่อนยวบนอนพิงอ่างอาบน้ำ ต่อให้หลับตาสนิทอยู่แต่น้ำตาก็ไหลออกจากหางตาเงียบๆ
หากรู้แต่แรกว่าการจากลาในหนึ่งเดือนให้หลังจะเจ็บปวดขนาดนี้ วันนั้นเธอยังจะยอมเซ็นสัญญาลงในกระดาษแผ่นนั้นอีกไหม?
ก็คงยอมสินะ…
มีบางเรื่องอย่างไรเสียก็ยากจะควบคุมมัน เธอก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง
ไป๋ซู่เย่โทรหาไป๋หลาง “นายมารับฉันเถอะ ช่วยฉันขับรถที”
“คุณเป็นอะไร?” ไป๋หลางได้ยินน้ำเสียงเธอก็จับความผิดปกติได้ทันที เริ่มตื่นตระหนก “คุณบาดเจ็บเหรอ?”
“นายไม่ต้องถามอีกแล้ว ฉันอยู่ตรงบ้านพักแช่น้ำร้อนของตระกูลยวิ๋นอวิ๋น รีบมาเลยยิ่งดี”
เธอไม่มีทางที่จะเหลือเรี่ยวแรงไว้ขับรถอีกหนึ่งชั่วโมงเพื่อกลับบ้านอีก
วางสายไปไป๋หลางจึงรีบออกเดินทางมาทางนี้อย่างไม่กล้าจะรอช้า
…………………………
อีกฟากหนึ่ง
เทียบกับสภาพย่ำแย่ของเธอแล้วเย่เซียวกลับยังคงท่าทางเดิมไม่เปลี่ยน หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นเขาแต่งกายเป็นระเบียบเรียบร้อย เดินออกมาจากบริเวณบ้านพัก เพียงแต่สีหน้าในวันนี้กลับเย็นยะเยือกกว่าปกติเป็นไหนๆ สร้างความกดดันให้แก่คนพบเห็น
หยูอันยืนรออยู่ข้างนอกแต่เช้า เห็นเขาออกมารีบถลาเข้าไปหา เย่เซียววางเสื้อสูทไว้บนแขนเขาและเดินไปที่รถด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไร้อารมณ์
หยูอันเดินตามไป เดินไปกล่าวไป “มีคนตามหาท่านตั้งแต่เวลาอาหารเย็นเมื่อวาน แต่โทรศัพท์ท่านไม่มีคนรับสายเลย”
“ไม่ต้องสนใจ” เย่เซียวไม่มีความสนใจต่อการเจรจาธุรกิจเหล่านั้นสักนิด
หยูอันรับคำสั้นๆ ในลำคอแล้วพยักหน้า แวบเดียวก็เห็นร่องรอยเป็นจ้ำๆ ที่ทิ้งอยู่บริเวณลำคอเขาหลายรอย แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเมื่อคืนผ่านความร้อนแรงขนาดไหนมา
หยูอันใช้ปลายนิ้วเท้าคิดยังคิดได้ว่าเมื่อคืนเขาอยู่กับใครมาตลอดคืน งานแบบนั้นเย่เซียวไม่คิดจะสนใจแม้แต่น้อย เรื่องโครงการน่าเบื่อที่คนในวงการธุรกิจเหล่านั้นริเริ่มและพูดคุยกันนั้นเขาไม่แยแสสักนิด แต่กลับหาเวลาหนึ่งคืนหนึ่งวันจากบรรดาวันที่งานยุ่งมาปรากฏตัวที่นี่ นี่มันมีเป้าหมายอื่นชัดๆ
แต่เมื่อคืนไม่มีความสุขหรือ? ทำไมสีหน้าของเขาแย่กว่าวันที่มาอีกล่ะ?
หยูอันก้าวขึ้นรถตามพลางพูดสั่งคนขับรถ “ขับรถ”
เขาวางเสื้อสูทของเย่เซียวหลังพับเสร็จพาดไว้บนแขน เผลอแตะโดนคลิปหนีบเนกไทบนปกเสื้อสูทนั้นอย่างไม่ทันระวังจนตกบนรถ เขาก้มเก็บมันขึ้นมาและทิ้งสายตาจดจ่อคลิปหนีบนั่นอยู่พักหนึ่ง ดวงตาฉายแวววับวูบหนึ่ง
“นายท่าน คลิปหนีบเนกไทนี้…” หยูอันขมวดคิ้วที “ก่อนหน้านี้เคยมีใครแตะต้องมั้ยไหมครับ?”
เย่เซียวกำลังพักสายตาอยู่โดยที่หัวคิ้วชนกันแน่นไม่เสื่อมคลาย ได้ยินคำพูดของหยูอันก็แค่รับคำจางๆ ในลำคอและไม่มีอารมณ์อื่นปะปนอยู่
หยูอันถามต่อ “ใช่ไป๋ซู่เย่มั้ยไหมครับ?”
เอ่ยถึงชื่อนั้นระหว่างคิ้วเย่เซียวก็เริ่มฉายแววหงุดหงิด เขาลืมตาโพล่งตวัดตาเย็นชามองหยูอัน “ทำไมถามเรื่องนี้ได้?”
หยูอันเกร็งใบหน้าแน่นทำหน้าเคร่งเครียด เขาไม่พูดอะไรเพียงแค่วางคลิปหนีบเนกไทนั่นไว้บนมือเย่เซียว
เย่เซียวดูแวบหนึ่ง แทบจะสังเกตเห็นปัญหาได้ทันท่วงที
มือเพิ่มแรงจนเกิดเสียงดัง ‘พลั่ก–’ ก่อนคลิปหนีบเนกไทนั่นจะหักคามือของเขา ข้างในกลับมีเครื่องดักฟังขนาดเล็กซ่อนอยู่!!
“ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อกี้ตกพื้นแล้วเห็นมุมเล็กๆ ของเครื่องดักฟังก็ไม่มีทางสังเกตเห็นได้!” หยูอันกล่าว “วิธีติดตั้งเครื่องดักฟังนี้เชี่ยวชาญมาก ดูก็รู้ว่าต้องเป็นฝีมือของผู้เชี่ยวชาญ!”
เย่เซียวขยำมือกำคลิปหนีบเนกไทที่สลักตัวอักษร ‘หลัน’ ไว้แน่นจนขอบแหลมคมเป็นชั้นๆ นั่นกรีดฝ่ามือเขาเป็นสายเลือดราวกับใบมีด เขากลับไม่คลายออกสักนิดแต่ยิ่งกำยิ่งแน่นขึ้นเรื่อยๆ แน่นจนข้อนิ้วมือขาวซีด แน่นจนเลือดสีสดไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว เขากัดฟันแน่น “ผู้เชี่ยวชาญ? รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคง ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญได้เหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!