นี่ก็คือไฟเรนเซ่
จับจุดอ่อนสำคัญของคนได้ดีเสมอ
แค่ยกมือก็บีบคอคนอื่นให้หมดหนทางเลือก!
“งั้นผมจะตั้งตาคอยของขวัญที่พ่อจะให้ผมในวันหมั้นแล้วกัน” สุดท้ายเย่เซียวพูดแค่ประโยคออกมา
ไฟเรนเซ่แหงนหน้าระเบิดเสียงหัวเราะ “คฤหาสน์เราจะมีงานมงคลแล้ว!”
…………………………
รอไป๋ซู่เย่ฟื้นมาช้าๆ ทุกคนในครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า ทั้งคุณท่าน คุณหญิงไป๋หรือแม้แต่บุคคลที่งานยุ่งเสมอต้นเสมอปลายอย่างท่านประธานาธิบดี
พอเห็นเธอฟื้นมาคุณหญิงไป๋กลั้นน้ำตา คุณท่านตำหนิด้วยใบหน้าบึ้งตึง “เป็นผู้หญิงแต่ดื่มเหล้าจนเมาแอ๋ เหมาะสมไหม? แล้วยังดื่มจนหมดสติไป ถ้าไม่มีไป๋หลางคอยดูแกอยู่ แกคิดว่าแกจะตกอยู่ในอันตรายขนาดไหน!”
“พอแล้วคุณ ลูกสาวเพิ่งตื่น คุณน้อยๆ หน่อยได้ไหม?”
“ทำไมถึงมากันหมดล่ะ?” ไป๋ซู่เย่กุมหน้าผากที่เจ็บหน่อยๆ ลุกนั่งบนเตียงคนไข้ ไป๋เย่ฉิงเอาหมอนพิงสอดหลังให้เธอ “ยี่เฉินบอกว่าเมื่อวานเธอถูกส่งเข้าโรงพยาบาล เราเลยมาดูสักหน่อย”
“ไม่เป็นไร เมื่อวานวันเกิดดื่มเยอะไปหน่อย”
“ไม่มีเรื่องอะไรแล้วจะดื่มจนหมดสติได้ยังไง? คุณหมอฟู่บอกแล้วว่าช่วงนี้ลูกต้องพึ่งยานอนหลับถึงจะนอนได้ จริงไหม? ซู่ซู่ ลูกเป็นอะไรกันแน่ เกิดอะไรขึ้นกับลูกหรือเปล่า?” คุณหญิงไป๋ยิ่งถามยิ่งเป็นห่วง เรื่องเมื่อสิบปีก่อนยังคงติดตามาถึงทุกวันนี้ เธอไม่อยากให้ลูกสาวตัวเองต้องเสี่ยงตายอีกรอบแล้ว
“แม่คะ แม่อย่าตื่นตูมไปเอง หนูไม่เป็นไร แค่กินยานอนหลับเพราะช่วงนี้กดดันเรื่องงานเกินไป พอผ่านช่วงนี้ไปก็ไม่มีอะไรแล้ว”
คุณหญิงไป๋ยังไม่ไว้ใจเท่าไรเลยถามย้ำอีกหลายครั้งแต่ไป๋ซู่เย่ไม่ยอมพูดอะไร แค่ให้ไป๋หลางส่งบุพการีกลับไปเสีย
ไป๋เย่ฉิงนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างเตียง สายตาเรียบขรึมจ้องมองเธอไม่ปริปากเอ่ยพักใหญ่
ไป๋ซู่เย่ถูกสายตาเขาจ้องมองจนรู้สึกผิดในใจ มุ่นคิ้ว “แกคิดจะจ้องฉันไปถึงเมื่อไหร่?”
ไป๋เย่ฉิงทำหน้าจริงจังกว่าเดิม อยู่ๆ ก็กล่าว “…ไปหาจิตแพทย์เถอะ”
เธอชะงักงัน
จากนั้นยิ้มขมขื่นที “กลัวฉันเป็นโรคซึมเศร้าอีกเหรอ?”
“…” ไป๋เย่ฉิงไม่ได้ตอบกลับทันควัน แค่ใช้สายตาฉายแววปวดใจมองเธออยู่ครู่ใหญ่ถึงพูดเสียงเรียบ “ความเจ็บปวดที่รักไม่สมหวัง ฉันเคยผ่านมันมาเหมือนเธอ แต่ฉันกับซิงเฉินอย่างน้อยก็ได้จับมือกันเผชิญหน้ามันด้วยกัน แต่เธอกับเขา…ฉันรู้ หัวใจของเธอต้องเจ็บปวดและทรมานมากกว่าฉันกับซิงเฉินร้อยเท่าพันเท่า…”
คำพูดของเขาได้ทิ่มแทงใจของเธอทำให้ขอบตาเธอเริ่มแดงระเรื่อโดยไม่รู้ตัว“เย่ฉิง แกว่ามีจิตแพทย์ที่สะกดจิตได้จริงๆ ช่วยปิดผนึกความทรงจำของคนบ้างไหม?”
“ก็ต้องดูความตั้งใจของแต่ละคน เธอ…” ไป๋เย่ฉิงส่ายศีรษะ “จากความตั้งใจของเธอ อยากปิดผนึกความทรงจำของเธอนั้นแทบเป็นไปไม่ได้”
“นั่นสิ…” ไป๋ซู่เย่มองต้นไม้ใหญ่โล้นนอกหน้าต่าง “ถ้าผนึกความทรงจำได้จริงๆ สิบปีก่อนก็น่าจะผนึกได้แล้ว จะรอมาถึงทุกวันนี้ได้ยังไง?”
ยิ่งไปกว่านั้น…
เธอจะยอมให้ปิดผนึกความทรงจำเหล่านั้นได้ที่ไหนกัน?
หากไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเหล่านี้จริงๆ ก็เท่ากับเธอสูญเสียโลกไปทั้งใบ…
“ฉันจะนัดจิตแพทย์ให้เธอไว้ ไม่ว่ายังไงก็ลองไปปรึกษาจิตแพทย์ดูเป็นไง?” ไป๋เย่ฉิงมองเธอแล้วถามความคิดเห็น ความจริงหากจะว่าถามความคิดเห็นแต่ต่อให้เธอไม่ยอมตกลงเขาก็จะพาเธอไปหาหมอให้ได้อยู่ดี
“ได้ ฉันไปแน่ๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!