ถูกเขากอดอยู่แบบนี้ ไป๋ซู่เย่รู้สึกว่าความเจ็บบนตัวคลายลงไม่น้อย เธอทิ้งตัวให้พิงอยู่ที่อกเขา
หยูอันวางปืนลงมองทั้งสองคน สุดท้ายหยิบมีดผ่าตัดขึ้นมา ไป๋ซู่เย่เผลอหันไปมองแวบหนึ่งแต่เย่เซียวใช้มือข้างที่ว่างปิดตาเธอจับหน้าเธอให้หันไป “ไม่ต้องดู มองผมให้ดี!”
ไป๋ซู่เย่คว้าจับมือเขาที่ปิดตาตัวเองลงมาแล้วช้อนตามองเขา ระยะห่างที่ใกล้นี้มองเห็นองค์ประกอบบนใบหน้าเขาได้ชัดเจนทุกระเบียดนิ้ว ยังคงเย็นชา คมเข้มเหมือนเดิม
แต่เธอ…
“ตอนนี้ฉันน่าเกลียดมากเลยใช่ไหม?” เกลือกกลิ้งในทะเลทรายมาตลอดวัน คงดูดีอย่างเดิมไม่ได้
เย่เซียวเขี่ยผมปรกข้างแก้มเธอออก ก้มมองเธอด้วยแววตาที่จดจ่อและตั้งใจ เดิมทีไป๋ซู่เย่แค่อยากหาหัวข้อที่จะช่วยให้ผ่อนคลายลงกับเขาแต่กลับไม่คิดว่าเขาจะจ้องตัวเองเช่นนี้ กลับทำให้เธอรู้สึกเคอะเขินขึ้นมานิดๆ สภาพทรุดโทรมของเธอ เธอไม่อยากให้เขาเห็นให้ชัดเลยจริงๆ
เธอใช้มือปิดตาเขา
“ไม่ต้องดูแล้ว…” เธอถูกเขามองจนหัวใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เสียงอ่อนลงเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว
เย่เซียวจับมือเธอลงมากุมเอง กุมแน่นไม่ปล่อย สักพักถึงพ่นคำหนึ่งออกมาจากปาก “น่าเกลียด”
แม้ปากจะว่าอย่างนั้นแต่สายตากลับจดจ้องใบหน้าเธออย่างเร่าร้อนคล้ายมองอย่างไรก็มองไม่พอ
ไป๋ซู่เย่ไม่มีมือที่มากพอจะปิดตาเขาอีกได้แต่เบี่ยงหน้าหันหนีสายตาที่รุกล้ำและคลุมเครือของเขา พูดเสียงเบา “บนตัวคุณก็มีแต่ทราย ไม่ได้ดีไปกว่าฉันเท่าไหร่หรอก”
“อะแฮ่มๆ” หลังหยูอันลังเลอยู่อึดใจจำต้องพูดขัดพวกเขา “เอ่อ…ผมจะเริ่มแล้วนะ”
“…” ไป๋ซู่เย่มุ่นคิ้ว
ต่อมา…
แขนถูกมีดคมกรีดเป็นแนวยาวทั้งอย่างนั้น เธอเจ็บจนสูดปากเห็นว่าฟันขาวสะอาดจะกัดปากตัวเองอย่างอัตโนมัติเย่เซียวที่ไหวตัวเร็วกว่าเธอรีบเอานิ้วมือไปสอดช่องฟันเธออย่างรวดเร็ว “ห้ามกัด!”
ไป๋ซู่เย่เจ็บจนเหงื่อซึมทั่วหน้า เธอไม่อาจพูดอะไรออกมาได้แต่กลับพยายามหักห้ามไม่ให้กัดนิ้วเขาเป็นแผล
เย่เซียวจับหน้าเธอให้ซุกบนไหล่ตัวเอง “กัดผม!ห้ามกัดตัวเองเป็นแผล!”
ไป๋ซู่เย่ไม่ยอม ยังคงทนไว้
“เด็กดี” เย่เซียวตบหลังเธอเบาๆ
อีกฟากหนึ่งกรีดมีดลงมาอีกทีสร้างความเจ็บปวดแก่เธอให้ร้องครางออกเสียง กัดเสื้อบนไหล่เขา เย่เซียวรีบกอดเธอแน่นกว่าเดิมและรู้สึกได้ว่าตัวเธอสั่นเทิ้มอย่างชัดเจน เขาก้มมองหยูอันแวบหนึ่ง “เร็วหน่อย!”
“ครับ นายท่าน”
ตัวเธอในอ้อมอกเย่เซียวตัวเกร็งแข็งเหมือนกับหินก็ไม่ปาน มือใหญ่ของเขาลูบหลังเธออย่างปวดใจ “ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว”
“…อืม” ไป๋ซู่เย่รับคำอย่างอ่อนแอ อีกมือกอดเอวเขาไว้ น้ำตาเธอไหลรินอย่างกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป
“…” เย่เซียวปวดใจ เสียงแหบลงไม่น้อย “คุณไม่ชอบร้องไห้ไม่ใช่เหรอ วันนี้คิดจะร้องไห้ให้น้ำตาหมดตัวหรือไง?”
“ใครว่าฉันไม่ชอบร้องไห้? เมื่อก่อนฉัน…ร้องไห้บ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ?” ไป๋ซู่เย่พูดเสียงสั่นน้อยๆ
เมื่อก่อน…
เอ่ยถึงอดีตเย่เซียวก็แสดงสีหน้าซับซ้อนหน่อยๆ “ตั้งแต่ได้เจอคุณอีกครั้ง ก่อนวันนี้ ผมไม่เคยเห็นน้ำตาคุณ”
เธอกัดเสื้อเขาอ้าปากที่สั่นระริกพูดเสียงอุดอู้ “นั่นเป็นเพราะว่า…ร้องไห้ไม่ได้…”
ผู้หญิงที่ฉลาดมีแต่จะยอมร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายที่ยอมให้อภัยตัวเอง รักตัวเองและสงสารตัวเอง เย่เซียวในสิบปีหลังมาพร้อมกับการแก้แค้นและเหยียดหยาม เธอย่อมต้องสวมชุดเกราะให้ตัวเองไม่ให้ตกเป็นรองอีกฝ่าย
สายตาที่เย่เซียวใช้มองเธอนั้นทั้งล้ำลึกและซับซ้อน เขาถามเสียงต่ำ “ในเมื่อร้องไห้ไม่ได้ ตอนนี้…ทำไมถึงร้องล่ะ?”
“…” ไป๋ซู่เย่อยากพูดบางอย่างแต่ความเจ็บที่รุนแรงกว่าระลอกก่อนถาโถมเข้ามา เธอครางเสียงฮึมทีหนึ่งจากนั้นก็เป็นลมหมดสติไปเพราะความเจ็บทันที
“ซู่ซู่!”
สติเธอเลือนรางนัก ได้ยินเสียงเย่เซียวที่พร่ำเรียกเธออยู่ข้างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ซู่ซู่…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก!