ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาดูเหมือนกันมากจริงๆ ทั้งรูปร่าง ส่วนสูง น้ำเสียง ดวงตาก็คล้ายกันหมด เพียงแต่เยี่ยเจิ้นถิงนั้นมีความหยิ่งผยองทะนงตัวมากกว่า ในขณะที่ต้วนเทียนหยานั้นดูเหมือนเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอยู่เล็กน้อย
แต่ก่อน “โฮสต์หนุ่มลูกหนี้” จะสวมหน้ากากมาโดยตลอดและมักจะปรากฏตัวในเวลากลางคืน ต้วนเทียนหยาจึงแกล้งสวมรอยเป็นอีกครั้ง ทำให้รู้เรื่องราวระหว่างพวกเขามากมายและยังเข้าใจในสถานการณ์ของเฟิงเชียนเสวี่ยอีกด้วย
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติมากที่เธอจะยอมรับความผิดพลาด
“พูดมาเถอะ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เฟิงเชียนเสวี่ยที่กำลังโกรธเอ่ย
“อะไรเหรอ” ต้วนเทียนหยาที่กำลังเกิดความกังวลในใจ ลังเลว่าควรจะพูดออกไปให้ชัดเจนหรือไม่
“เห็นได้ชัดว่านายเป็นหนุ่มบาร์โฮสต์ทำไมคนอื่นถึงบอกว่านายเป็นทายาทของมหาเศรษฐีกันนะ…
…ทำไมจู่ๆก็ถอดหน้ากาก แล้วเปิดเผยตัวตนออกมาล่ะ…
…แล้วทำไมนายถึงมาที่บาร์DTTทุกวันเลย นายเป็นอะไรกับพี่ชายตงกันแน่”
เฟิงเชียนเสวี่ยถามคำถามทั้งหมดที่อยู่ในใจของเธอออกมาพร้อมกัน
“อันที่จริง…” ต้วนเทียนหยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยท่าทางที่ต่างกันออกไป “เธอเคยคิดไหมว่าฉันไม่ได้เป็นผู้ชายขายตัวตั้งแต่แรก แต่เป็นเพราะเธอเข้าใจผิดไปเองว่าฉันเป็นผู้ชายขายตัว!”
นี่คือความจริง ตอนที่เยี่ยเจิ้นถิงได้อธิบายสาเหตุและผลลัพธ์ก่อนเกิดเรื่องนี้แบบสั้นๆให้แก่เขา ก็พูดแบบเดียวกัน ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนคือเธอเข้าใจผิดในฐานะทางสังคมของเขาไปเองทั้งนั้น
“นี่นายจะบอกว่า…”
เฟิงเชียนเสวี่ยนึกขึ้นได้ว่าครั้งแรกที่เห็นเขาในตอนกลางคืนนั้น เขาอยู่คนเดียวในห้องสุดหรู โดยมีบอดี้การ์ดอยู่ข้างกาย นี่ไม่ใช่สวัสดิการที่หนุ่มบาร์โฮสต์ควรได้รับสักหน่อย
ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็ไม่เคยเห็นเขามารับแขกเลยสักครั้ง พวกเขาเพียงแค่คุยกันถึงเรื่องพวกนี้เวลาที่พวกเขาคุยโทรศัพท์กันก็เท่านั้น หรือว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงจินตนาการของเธอที่คิดไปเองงั้นหรือ?
“ไม่ใช่หรอก…” เฟิงเชียนเสวี่ยถามอย่างนึกสงสัย “แล้วเมื่อสี่ปีก่อนนายจะอธิบายว่าอย่างไร”
“สี่ปีที่แล้วนั้นฉันเข้าผิดห้องเองแหละ” ต้วนเทียนหยาพูดออกมาเบาๆ “จะบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุหรือพรหมลิขิตดีล่ะ”
“อย่างนั้นหรือ” เฟิงเซียนเสวี่ยตระหนักได้ในทันใด “เช่นนั้นตัวตนที่แท้จริงของท่านก็คือ…”
“ฉันเป็นแค่ลูกผู้ดีที่โง่เขลาและไร้ความสามารถ” ต้วนเทียนหยาเข้าใจในตัวเองดี “แต่ก็ดีกว่าเป็นหนุ่มบาร์โฮสต์ใช่ไหมล่ะ”
“ก็ยังดีที่ยังรู้จักตัวเอง” เฟิงเซียนเสวี่ยมองอย่างใสซื่อ แล้วถามอีกครั้ง “แล้วทำไมนายต้องปลอมตัวเป็นหนุ่มบาร์โฮสต์เพื่อมาทำสัญญาชำระหนี้กับฉันล่ะ”
“ก็มันสนุกยังไงล่ะ” ต้วนเทียนหยาฉีกยิ้มออกมาอย่างร้ายกาจ “ฉันเคยชินกับการใช้ชีวิตที่ราบรื่นมานาน ไม่มีความท้าทายในชีวิต หาอะไรที่น่าสนุกไม่เจอเลย จนจู่ๆก็มีคนมาคิดว่าฉันเป็นหนุ่มบาร์โฮสต์แถมยังมาบังคับให้ฉันหาเงินแล้วแบ่งเงินให้อีก มันตื่นเต้นมากจริงๆเลย!”
เขาตัดสินใจแล้วถึงแม้ว่ามันจะผิดแต่เขาก็จะเล่นตามเกมของเธอต่อไป
ยังไงมันก็แค่เล่นๆเท่านั้น ตราบใดที่เขาไม่ได้ไปแตะต้องยุแหย่เธอ มันก็คงไม่มีปัญหาใหญ่อะไร…
เฟิงเซียนเสวี่ยมองไปที่รอยยิ้มของเขา แล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ แต่เธอก็บอกไม่ได้ว่าแปลกอย่างไร
เธอนึกถึงเยี่ยเจิ้นถิงอีกครั้งแล้วรีบถาม “แล้วสรุปคืนนั้นใครเป็นคนช่วยฉันไว้”
“ทำไมถามอย่างนี้ล่ะ” ต้วนเทียนหยาถามกลับอย่างรวดเร็ว “มีใครบอกอะไรเธองั้นหรือ”
“เจ้านายของฉันบอกว่าเขาเป็นคนช่วยฉันไว้” เฟิงเซียนเสวี่ยไม่ทันได้ตั้งตัว
“เจ้านายของเธอ?” ต้วนเทียนหยาถึงกลับตกใจ เป็นไปได้ไหมว่า…
“คงจะไม่ใช่เจ้านายโรคจิตคนนั้นหรอกนะ” เฟิงเซียนเสวี่ยรู้สึกไม่สบายใจเมื่อเธอต้องพูดถึงเยี่ยเจิ้นถิง “เพื่อนร่วมงานของฉันบอกว่าเห็นเขากอดฉันจากด้านหลังด้วย วันนี้ฉันถามเขาอีกครั้ง เขาก็ยังบอกว่าเขาเป็นคนช่วยฉัน แต่เช้าวันที่สองคนที่ฉันตื่นเจอกลับเป็นนาย…”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเฟิงเซียนเสวี่ยก็เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันใด เธอมองไปอย่างประหม่า ไม่กล้ามองเขาตรงๆ…
ต้วนเทียนหยาเห็นท่าทีที่เธอแสดงออกมา ก็นึกขึ้นได้ว่าคืนวันนั้น เยี่ยเจิ้นถิงเดินออกมาจากประตูหลังพร้อมกับเธอที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา รูปลักษณ์ที่สดใสราวกับบรรยากาศในฤดูใบไม้ผลิของเธอ เห็นได้ชัดถูกวางยา
ดังนั้น ในคืนนั้นพวกเขา…
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ต้วนเทียนหยาก็รู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจเล็กน้อย เหมือนกับว่าผู้หญิงของเขาถูกแล้วคนอื่นคุกคาม
“พูดมาเถอะ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เฟิงเซียนเสวี่ยถาม
“เขาเป็นคนที่ช่วยเธอในตอนแรก แต่หลังจากนั้นฉันมาถึงทันเวลาพอดี ก็เลยแย่งเธอกลับมา…”
ต้วนเทียนหยาผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน เลื่องลือในการรับมือกับผู้หญิงอย่างเชี่ยวชาญ นี่จึงไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาที่จะโกหกเธอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามหนูน้อยอัจฉริยะ:มาเฟียคลั่งรัก