เมื่อตื่นมาในตอนเช้า คนที่อยู่ด้านข้างก็ไม่อยู่แล้ว
เฟิงเชียนเสวี่ยรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย วันนี้เป็นวันที่ค่อนข้างจะพิเศษ หลิงหลงเดินเข้ามาพร้อมกับคุณท่านเยี่ย...
คนรักลับๆ แบบเธอ ไม่รู้จริงๆ ว่าจะเผชิญหน้ากับพวกเขาอย่างไร
ขณะที่กำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น เหลยอวี่ก็เคาะประตูและเดินเข้ามา
เฟิงเชียนเสวี่ยตั้งใจจะเก็บกวาดเตียงที่ไม่เป็นระเบียบ แต่เหลยอวี่ก็เข็นรถเข็นยาเดินเข้ามาเสียก่อน ที่ด้านหลังยังมีสาวรับใช้สองคนและพยาบาลสาวอีกสองคนเดินตามมาด้วย
เฟิงเชียนเสวี่ยรู้สึกเขินมาก แต่พวกเขากลับเห็นเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติตั้งนานแล้ว
เหลยอวี่ตรวจอาการบาดเจ็บของเฟิงเชียนเสวี่ย และให้สาวรับใช้พาเธอไปอาบน้ำแต่งตัว จากนั้นค่อยทายาให้เธอ
เฟิงเชียนเสวี่ยรู้สึกอยากอาบน้ำมาสักพักแล้ว เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว เหนียวเหนอะหนะไปหมด
สาวรับใช้ทั้งสองคนคอยปรนนิบัติเธอ ช่วยเธออาบน้ำ และนำชุดกระโปรงผ้าฝ้ายมาให้เธอเปลี่ยน
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นว่าสาวรับใช้คนอื่นๆ เก็บห้องให้เรียบร้อยแล้ว และเปลี่ยนผ้าปูเตียงใหม่ให้แล้วด้วย
เหลยอวี่ทายาให้เธอ และจะพาเธอไปทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล
เฟิงเชียนเสวี่ยถามขึ้นเบาๆ “คือว่า คุณท่านเยี่ยยังอยู่ที่นี่ใช่ไหมคะ แล้วก็คุณหลิงด้วย”
“พวกเขากำลังกินข้าวเช้ากับคุณชายเยี่ยที่ชั้นล่างค่ะ” เหลยอวี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยและพูดขึ้น “ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ มีคุณชายเยี่ยอยู่ทั้งคน”
เพราะมีเขาน่ะสิถึงได้กังวล
เฟิงเชียนเสวี่ยรู้สึกกระวนกระวายใจ แต่ว่าจะทำอย่างไรได้ล่ะ จะให้เธอหลบอยู่ในห้องไปตลอดก็ไม่ได้
อีกอย่าง เป็นเขาที่ไม่ยอมปล่อยความสัมพันธ์นี้ทิ้งไป เธอไม่ได้เป็นคนโวยวายที่จะพัวพันกับเขาสักหน่อย
ถ้าคุณท่านเยี่ยเห็นเธอเข้า โมโหไล่เธอออกไป และสั่งไม่ให้เยี่ยเจิ้นถิงไปเจอกับเธออีก แบบนั้นก็ถือว่าเธอหลุดพ้นแล้วไม่ใช่หรือ
เมื่อคิดได้แบบนั้น เฟิงเชียนเสวี่ยก็หายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็เดินออกไปด้านนอก
“คุณเฟิงคะ เดินช้าอีกหน่อยเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันช่วยพยุงเอง”
พยาบาลคนหนึ่งรีบเข้ามาประคองทันที กลัวว่าเธอจะหกล้ม
เมื่อเดินอยู่ลงมาจากบันไดวน เฟิงเชียนเสวี่ยก็เห็นครอบครัวหนึ่งที่กินข้าวกันอยู่ในห้องอาหารอย่างมีความสุข
หลิงหลงพยายามเอาใจคุณท่านมาก และหยอกล้อกับเยี่ยเจิ้นถิงเป็นพักๆ
เยี่ยเจิ้นถิงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยถือเป็นการตอบรับ ส่วนสายตาจ้องไปที่หนังสือพิมพ์เศรษฐกิจรายสัปดาห์
“เวลาอาหารเช้าก็กินอาหารเช้าสิ อีกเดี๋ยวค่อยดู” คุณท่านเยี่ยเคาะโต๊ะ “หลิงหลงพูดกับแกอยู่น่ะ แกหูหนวกหรือ”
เยี่ยเจิ้นถิงทำได้แค่วางหนังสือพิมพ์ในมือลงและเหลือบไปมองหลิงหลง “อะไรนะ”
“ฉันบอกว่า ตอนบ่ายที่จะไปสำรวจที่ดินน่ะ ไปด้วยกันไหม” หลิงหลงมองไปที่เขาด้วยสายตาสดใส
“ที่นั่นค่อนข้างวุ่นวาย เธอไม่ต้องไปหรอก ให้คนอื่นไปแทน”
ขณะที่เยี่ยเจิ้นถิงพูดอยู่นั้น สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นเฟิงเชียนเสวี่ยที่อยู่ชั้นบน
เธอสวมชุดผ้าฝ้ายสีขาว มัดผมไม่แน่นมาก ท่าทางสบายและสะอาดตา เพียงแต่สายตามีความขี้ขลาดและหวาดกลัวอยู่เล็กน้อย
เหลยอวี่ที่พยุงเธอเดินมาก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“เสี่ยวเฟิงตื่นแล้วหรือ” หลิงหลงยกยิ้มขึ้นและทักทายอย่างใจดี “มากินข้าวเช้าด้วยกันสิ”
“ขอบคุณค่ะ ไม่เป็นไรดีกว่า” เฟิงเชียนเสวี่ยตอบไปอย่างมีมารยาท “ฉัน...”
“เกรงใจอะไรกัน” หลิงหลงเดินเข้ามาพยุงเธอ จากนั้นก็ยิ้มและพูดขึ้น “เมื่อวานนี้เจิ้นถิงโกรธแล้วทำให้คุณบาดเจ็บ ในฐานะเจ้านาย ให้คุณเข้ามาพักรักษาตัวชั่วคราวก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว คุณไม่ต้องกลัว ทำเหมือนที่นี่เป็นบ้านของคุณได้เลย”
คำพูดใจดีเหล่านี้ทำให้เฟิงเชียนเสวี่ยพูดอะไรไม่ออก...
ไม่รู้ว่าเป็นข้ออ้างที่เยี่ยเจิ้นถิงเป็นคนพูดออกมา หรือเป็นเรื่องที่เธอแต่งขึ้นมากันแน่
ทุกคนต่างก็รู้สถานะของเธอเป็นอย่างดี แต่เธอกลับหาเหตุผลที่ทำให้ตัวเองบริสุทธิ์และมีคุณธรรมแบบนี้ นี่ไม่ใช่การหลอกตัวเองหรือ
ยิ่งกว่านั้นคือ เหตุผลที่ใช้หลอกตัวเองนั้น ยังได้รับการเห็นพ้องต้องกันจากทุกคนอีกด้วย
คุณท่านมองเฟิงเชียนเสวี่ยอย่างพินิจพิเคราะห์ จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ชื่ออะไรหรือ”
“เฟิง เฟิงเชียนเสวี่ยค่ะ!” เฟิงเชียนเสวี่ยรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“อายุเท่าไรแล้ว” คุณท่านทำเหมือนกำลังสอบสวนอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“23 ปีค่ะ” เฟิงเชียนเสวี่ยตอบเสียงเบา
“ได้ยินมาว่าเธอเป็นเลขาที่เซิ่งเทียน?” คุณท่านเยี่ยถามต่อ
“ใช่ค่ะ” เฟิงเชียนเสวี่ยพยักหน้า
“ฉันเห็นในประวัติส่วนตัวของเธอ เรียนมหาลัยไม่จบ ไม่มีความสามารถพิเศษ” คุณท่านเยี่ยโยนเอกสารไปบนโต๊ะและพูดขึ้นด้วยฐานะผู้บริหารระดับสูง “ประวัติส่วนตัวนี้ ใช้สมัครตำแหน่งคนทำความสะอาดในเซิ่งเทียนยังไม่ได้เลย เธอเข้ามาทำงานได้อย่างไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามหนูน้อยอัจฉริยะ:มาเฟียคลั่งรัก