เฟิงเชียนเสวี่ยกังวลใจมาก ทั้งครอบครัวไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก ทุกๆ เช้าเมื่อลืมตาตื่นขึ้นก็ต้องใช้จ่ายแล้ว
เงินที่มีอยู่ในมือตอนนี้ก็เป็นเงินจำนวนไม่มากที่เธอขูดรีดมาจาก ‘โฮสต์หนุ่มลูกหนี้’ และกำลังจะใช้หมดในไม่ช้านี้แล้ว...
หากเธอยังหางานไม่ได้อีก คงจะไม่รอดไปถึงเดือนหน้าแน่ๆ
ทำอย่างไรดี
จะทำอย่างไรดี
คืนนั้น เฟิงเชียนเสวี่ยส่งข้อความถึง ‘โฮสต์หนุ่มลูกหนี้’ [ทำไมสามวันมานี้คุณถึงไม่ได้โอนเงินให้ฉันเลยล่ะ ไม่มีลูกค้าหรือ]
ในเวลานี้ ‘โฮสต์หนุ่มลูกหนี้’ เป็นแหล่งรายได้เดียวของเธอแล้ว เธอต้องตามจิกสักหน่อย
[ถ้าไม่มีคนเหมาทั้งคืน ชั่วคราวก็ได้ หรือไม่ก็ กินเหล้าเป็นเพื่อน เต้นรำเป็นเพื่อน หรืออะไรก็ได้ ทำเงินได้ก็พอแล้ว...]
[เธอนี่จนจนเพี้ยนไปแล้วเหรอ] ผ่านไปนานกว่า ‘โฮสต์หนุ่มลูกหนี้’ จะตอบกลับ
[ถูกต้อง ฉันมันจนจนบ้าไปแล้ว!]
[ฉันตกงาน ยังหางานไม่ได้ ใกล้จะไม่เหลือเงินกินข้าวแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป คงจะถูกเจ้าของบ้านไล่ออกเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าแน่ๆ]
[ลำพังแค่ฉันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่คนในบ้านล่ะจะทำยังไง? ฉันยังมีทั้งคนแก่และลูก...]
[ลูก?]
เฟิงเชียนเสวี่ยกำลังจะดึงข้อความกลับ แต่ชัดเจนว่า ‘โฮสต์หนุ่มลูกหนี้’ เห็นเข้าแล้ว เธอจึงทำได้เพียงแก้ไขคำพูดของเธอ [ที่บ้านมีสัตว์เลี้ยงตัวน้อยสี่ตัวน่ะ...]
[งั้นเธอไปเอาความกล้าที่ไหนมาเหวี่ยงใส่เจ้านายล่ะ?]
[ก็ตอนนั้นฉันโกรธมากนี่นา...]
[ตัดหนทางตัวเองเป็นพฤติกรรมที่โง่เง่ามาก]
[ฉันผิดไปแล้ว แม้ว่าเขาจะวิปริต แต่อย่างน้อยๆ ก็มีงานให้ฉันได้มีเงินซื้อข้าวกิน ตอนนี้ฉันเสียใจจริงๆ
ถ้าสวรรค์ให้โอกาสฉันอีกครั้ง ฉันยินดีกลืนคำพูดตัวเอง ขอเพียงให้ฉันได้กลับไปทำงานที่เซิ่งเทียนอีกครั้ง จะให้ฉันทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น!]
[จะยอมทำทุกอย่างจริงๆ หรือ]
[อื้อ ครั้งหน้านะ ไม่ว่าเจ้าปีศาจร้ายตนนั้นจะแกล้งฉันหรือจะดูถูกฉันยังไง ฉันก็จะอดกลั้นเอาไว้ยอมรับโทษแต่โดยดี ขอแค่ให้ฉันรักษางานไว้ได้ก็พอ...]
ในขณะที่เฟิงเชียนเสวี่ยกำลังส่งข้อความนี้ออกไป ในมือของเธอมีรายการค่าใช้จ่ายที่แม่จูเพิ่งจะยื่นให้
วันนี้ซื้อนมผงกล่องหนึ่งให้เด็กน้อยทั้งสาม ยังมีใบเสร็จค่ารักษาของซื่อเป่าน้อย รวมแล้วเป็นเงินสี่พันสามร้อยแปดสิบ...
เธอน้ำตาคลอ มองดูจำนวนเงินคงเหลืออันน้อยนิด เธอลืมเรื่องมโนธรรมและศักดิ์ศรีไปหมดแล้ว
[ต้องอย่างนี้สิ] ‘โฮสต์หนุ่มลูกหนี้’ ตอบกลับ
[ฉันควรจะมีสติเหมือนนาย คิดดูสิ เจ้านายอย่างฉันก็ไม่ได้ดีกับนายสักเท่าไร นายยังอดทนได้เลย ใช่ไหมล่ะ แม้ว่านายจะเคยถีบฉันลงจากรถ แต่นายก็ไม่เคยประท้วงไม่ทำงาน...]
หากเปรียบกันแล้ว ‘โฮสต์หนุ่มลูกหนี้’ ทุ่มเทให้กับงานมากกว่าเธอมากนัก!
ในขณะที่เฟิงเชียนเสวี่ยกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เป็นหมายเลขที่เธอไม่รู้จัก เธอรับโทรศัพท์ด้วยความสงสัย “ฮัลโหล”
“สวัสดีครับ ใช่เฟิงเชียนเสวี่ยหรือเปล่า ผมเอง ผู้จัดการเฉินของแผนกรักษาความปลอดภัยของเซิ่งเทียนนะ”
"สวัสดีค่ะ สวัสดี"
“เครื่องแบบใหม่ของคุณเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้อย่าลืมมาทำงานให้ตรงเวลาล่ะ”
“อ๋า? ฉัน...”
เฟิงเชียนเสวี่ยกำลังจะพูดเรื่องที่เธอเหวี่ยงใส่เจ้านาย แต่ก็หยุดไว้ได้ทัน เธอลองเลียบเคียงถามดู
“วันนั้นฉันไม่สบาย แล้วที่บ้านก็มีเรื่องด่วน ฉันจึงกลับไปก่อนโดยไม่ได้ลาค่ะ เจ้านายไม่ได้ไล่ฉันออกหรือคะ?”
“เรื่องฉุกเฉินก็พอจะเข้าใจได้อยู่ เซิ่งเทียนเป็นองค์กรที่มีมนุษยธรรมสูงมาก จะไม่ไล่คุณออกเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้หรอก ครั้งหน้าก็อย่าลืมทำตามกฎล่ะ”
“แล้วเจ้านายไม่ได้ว่าอะไรหรือคะ”
“คุณหมายถึงประธานเยี่ยหรือ เขามีเรื่องมากมายที่จะต้องจัดการ จะมีเวลาว่างมาใส่ใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ที่ไหนกัน ไม่ต้องกังวลใจไป พรุ่งนี้มาทำงานอย่างสบายใจได้เลย”
“ได้ค่ะ ได้ๆ ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณค่ะ! ”
หลังจากวางสาย เฟิงเชียนเสวี่ยดีใจอย่างยิ่งยวด เธอรีบส่งข้อความให้ ‘โฮสต์หนุ่มลูกหนี้’
[เมื่อกี้ผู้จัดการแผนกรักษาความปลอดภัยของเซิ่งเทียนโทรศัพท์มาบอกให้ฉันไปทำงานพรุ่งนี้ล่ะ ฮ่าๆ เยี่ยมไปเลย ฉันไม่ต้องตกงานแล้ว!]
[ยินดีด้วยนะ!]
[นายนี่เป็นดาวนำโชคของฉันจริงๆ นายไม่เพียงแต่ทำเงินให้ฉัน ยังนำความโชคดีมาให้ฉันด้วย]
[แล้วจะขอบคุณฉันยังไงดีล่ะ]
[ขอบคุณน่ะหรือ? ครั้งนี้ถือเป็นการทำความดีชดเชยความผิดที่นายถีบฉันลงจากรถครั้งก่อนก็แล้วกัน!]
เฟิงเชียนเสวี่ยยังคงโกรธอยู่เล็กน้อยเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ถูกเขาไล่ลงจากรถในวันนั้น...
[ในเมื่อนายกล้าไล่เจ้านายลงจากรถ ปล่อยให้ฉันเคว้งอยู่บนสะพาน ความผิดของนายนี่มันร้ายแรงนักจนไม่น่าให้อภัยเลย!]
“...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามหนูน้อยอัจฉริยะ:มาเฟียคลั่งรัก