เฟิงเชียนเสวี่ยรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บ ความวิตกกังวลผุดขึ้นในใจอย่างไร้เหตุผล...
ซือเฮ่าเซวียนปล่อยมือจากเฟิงเชียนเสวี่ย แล้วถอยออกไปด้านข้างเล็กน้อย เพื่อรักษาระยะห่างจากเธอ
ดูเหมือนเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงข้อกังขา
“ประธานซือ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?” เยี่ยเจิ้นถิงเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
ด้านหลังของเขา เยี่ยฮุยได้สั่งให้เหล่าบอดี้การ์ดตรวจสอบหาสาเหตุของอุบัติเหตุเมื่อสักครู่นี้แล้ว
“ไม่เป็นไร แค่บาดเจ็บเล็กน้อย”
หน้าผากของซือเฮ่าเซวียนเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่รอยยิ้มของเขายังคงงามสง่า
“วีรบุรุษช่วยสาวงาม ประธานซือช่างน่าชื่นชมจริงๆ” เยี่ยเจิ้นถิงยกยิ้มที่มุมปาก “แม้ว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยของผมจะไม่ใช่คนสะสวยอะไร แต่ในฐานะเจ้านายของเธอ ผมต้องขอขอบคุณแทนเธอด้วย!”
เฟิงเชียนเสวี่ยขมวดคิ้ว ทำไมคำพูดประโยคนี้ถึงได้ฟังดูแปลกๆ ?
“เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องเกรงใจ” ซือเฮ่าเซวียนเหลือบมองเฟิงเชียนเสวี่ย แล้วพูดกับเยี่ยเจิ้นถิง “ผมกำลังจะขึ้นไปหาคุณอยู่พอดี แล้วนี่คุณ...”
“ผมมีธุระ จะออกไปข้างนอกสักหน่อย” แม้ว่าเยี่ยเจิ้นถิงจะสุภาพ แต่ก็เย็นชามาก “ลำบากประธานซือต้องมาเสียเที่ยวแล้ว”
“เอ่อ...” ซือเฮ่าเซวียนชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมจะมาใหม่เมื่อประธานเยี่ยสะดวก”
“อือ” เยี่ยเจิ้นถิงตอบรับด้วยน้ำเสียงเฉยเมย แล้วจึงหันหลังเดินขึ้นรถไป
ซือเฮ่าเซวียนยังคงยืนอยู่ที่เดิม เขารู้สึกประดักประเดิด
ซือหย่วนกระซิบ “ประธานเยี่ยนัดกับคุณไว้เรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ”
“อย่าไปสนใจเขาเลย นิสัยเขาเป็นอย่างนี้แหละค่ะ” เฟิงเชียนเสวี่ยรู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่เห็นซือเฮ่าเซวียนถูกเฉยเมยแบบนี้ “พวกเราไปโรงพยาบาลกันก่อนเถอะค่ะ”
“ประธานซือ!” ในขณะนี้เอง เยี่ยฮุยได้เดินเข้ามาและกล่าวขึ้นอย่างสุภาพ “พอดีวันนี้ท่านประธานเยี่ยมีเรื่องด่วนจะต้องออกไปข้างนอก เราค่อยนัดกันใหม่โอกาสหน้านะครับ”
“ได้สิ เดี๋ยวผมกลับไปแล้วค่อยติดต่อคุณใหม่” ซือเฮ่าเซวียนยิ้มและพยักหน้า
“ท่านประธานซือได้รับบาดเจ็บหรือนี่ เดี๋ยวผมจะให้คนส่งคุณไปโรงพยาบาล”
เยี่ยฮุยกวักมือเรียกบอดี้การ์ด
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ผมจัดการเองได้ครับ” ซือเฮ่าเซวียนสง่ามาก “คุณไปทำงานเถอะ ประธานเยี่ยยังรอคุณอยู่”
“ถ้าอย่างนั้น...”
“คุณฮุยคะ” เฟิงเชียนเสวี่ยสบโอกาสเอ่ยถามเยี่ยฮุย “ประธานซือได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยฉันไว้ ฉันอยากจะพาเขาไปโรงพยาบาลด้วย ได้ไหมคะ?”
“นี่ก็…” เยี่ยฮุยหันไปมองเยี่ยเจิ้นถิงที่นั่งอยู่ในรถแล้วพยักหน้าทันที “ได้!”
“ขอบคุณค่ะ” เฟิงเชียนเสวี่ยรีบประคองซือเฮ่าเซวียน
คราวนี้ซือเฮ่าเซวียนไม่ได้ปฏิเสธแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
ต้าเว่ยรีบวิ่งเข้ามา เขางุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“เมื่อกี้กองกล่องหล่นลงมาเกือบจะทับฉัน ประธานซือช่วยฉันไว้” เฟิงเชียนเสวี่ยเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ “คุณฮุยให้ฉันพาประธานซือไปโรงพยาบาล ต้าเว่ย เธอช่วยรายงานผู้จัดการเฉินให้ฉันด้วยนะ "
“อ้อ ได้” ต้าเว่ยพยักหน้าหงึกๆ
“ระวังโดนแขนนะ”
เฟิงเชียนเสวี่ยค่อยๆประคองซือเฮ่าเซวียนขึ้นรถ
รถโรลส์-รอยซ์ เรธ ขับผ่านมาด้านข้างพอดี ซือเฮ่าเซวียนเงยหน้าขึ้นมอง ภายในรถนั้น เยี่ยเจิ้นถิงกำลังจ้องมองเฟิงเชียนเสวี่ยด้วยสายตาที่เยือกเย็น
“ซือหย่วน นายขับรถ คนอื่นๆ ไปนั่งด้านหลัง” ซือเฮ่าเซวียนสั่งการ
“ครับ”
รถเบนท์ลีย์สีขาวแล่นออกจากลานจอดรถ ซือหย่วนอดไม่ได้ที่พูดคุยเรื่องในอดีตกับเฟิงเชียนเสวี่ย “คุณหนูเฟิงครับ ไม่เจอกันเสียตั้งหลายปี คุณยังจำผมได้ไหมครับ”
“ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะคะ” เฟิงเชียนเสวี่ยยิ้มและพูดต่อ “ตอนนั้น เวลาฉันออกเดทกับเฮ่าเซวียน คุณเดินตามหลังตลอดเลย เขามักจะหาว่าคุณเป็นก้างขวางคอ”
“ฮ่าๆ...” ซือหย่วนหัวเราะชอบใจ
“ผมคิดว่าคุณลืมไปหมดแล้วเสียอีก” น้ำเสียงของซือเฮ่าเซวียนแฝงไปด้วยความอ่อนโยนเหมือนเมื่อครั้งในอดีต เขามองเฟิงเชียนเสวี่ยด้วยแววตาเสน่หา
เฟิงเชียนเสวี่ยรู้สึกสะท้านใจ เธอก้มศีรษะลงและพูดว่า “มันเป็นอดีตไปแล้ว...”
บรรยากาศในรถตึงเครียดขึ้นมาทันที
ซือหย่วนกระแอมไอสองสามที เขาขับรถต่อไปอย่างจริงจัง และไม่กล้าพูดต่ออีก
“คุณกับประธานเยี่ย...รู้จักกันหรือ?”
ซือเฮ่าเซวียนเป็นคนฉลาด เพียงแค่มองแวบเดียว เขาก็มองออกว่าความรู้สึกของเยี่ยเจิ้นถิงที่มีต่อเฟิงเชียนเสวี่ยนั้นไม่ธรรมดา
“เขาเป็นเจ้านายของฉัน ฉันจะไม่รู้จักเขาได้ยังไงกัน” เฟิงเชียนเสวี่ยไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนั้นเลย...
“คุณมาที่นี่เพื่อคุยธุรกิจกับเขาหรือคะ? ด้วยสถานะของตระกูลซือทุกวันนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากใครหรอกมั้ง? แม้จะทำธุรกิจด้วยกัน มันน่าจะเป็นการร่วมมือที่เท่าเทียมทั้งสองฝ่าย คุณไม่เห็นจำเป็นต้องง้อเขาเลย"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สามหนูน้อยอัจฉริยะ:มาเฟียคลั่งรัก